กินกับก้อย

    ริมถนนพุทธมณฑล สาย 2 ต่อเนื่องไปจนถึงถนนเส้นใหม่ พรานนก – พุทธมณฑล สาย 4 คือแหล่งร้านอาหารทะเลชั้นดีซีฟู้ดสดใหม่ไซส์บิ๊กเบิ้ม มีรสมีชาติถูกปากคนกิน ซึ่งบริเวณนี้มีร้านซีฟู้ดชื่อดังที่ใครๆต่างรู้จักกันดีอยู่หลายร้าน

    หนึ่งในนั้นคือร้านอาหารทะเลแสนอร่อย ย้ายมาจากสมุทรสาครมาอยู่ที่ริมถนนพุทธมณฑล สาย 2 ได้ 2 ปีกว่าแล้ว(เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2564) โดยตั้งชื่อใหม่บวกกับชื่อเดิมว่า กินกับก้อย โดยก้อย มหาชัยซีฟู้ดส์ หรือเรียกชื่อสั้นๆได้ว่ากินกับก้อย

    ชื่อร้านก็บอกอยู่แล้วว่าร้านนี้ดำเนินการโดยคุณก้อย ซึ่งว่าการทำอาหารเองอยู่ในครัวตลอด ช่วยทำมาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ที่ร้านดังของคุณแม่ แม่กลองหัวปลาหม้อไฟ (ร้านเดิมตรงซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 ตอนนี้ย้ายมาที่ริมถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 แล้ว) 

    จากนั้นในปี 2557 คุณก้อยออกมาเปิดร้านแถวบ้านของสามีที่มหาชัยริมถนนพระราม 2 จากนั้นย้ายไปอยู่ริมทะเลสมุทรสาครที่กระซ้าขาว จนกระทั่งช่วงล็อคดาวน์จึงกลับมากรุงเทพฯเปิดร้านริมถนนพุทธมณฑล สาย 2 ในปัจจุบัน

    ทางมาร้านนี้ง่ายมาก มาตามถนนบรมราชชนนีขาออก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพุทธมณฑล สาย 2 เข้ามาประมาณ 1 กิโลเมตร กลับรถวิ่งย้อนกลับอีกไม่กี่อึดใจ 450 เมตร ก็จะเห็นร้านกินกับก้อยอยู่ทางซ้ายมือ มีที่จอดรถเป็นลานกว้างด้านหน้าร้านนับร้อยคัน 

    ตัวร้านแบ่งเป็นอาคารห้องปรับอากาศชั้นเดียว 2 หลัง หลังนอกรับลูกค้าได้เป็นร้อย ส่วนหลังในได้อีกประมาณ 60 คน และมีห้องโถงเปิดโล่งอีก 1 หลัง(จุได้อีก 40 คน) 

    ก่อนอื่นต้องรีบบอกว่าเนื่องจากร้านกินกับก้อยคือร้านยอดนิยม ดังนั้นช่วงวันเสาร์-อาทิตย์และนักขัตฤกษ์ จะไม่มีการจองคิว ใครมาก่อนได้ก่อน แนะว่าให้รีบมาตั้งแต่ตอนสายๆเหมือนกับพวกเราที่ยกขบวนมาจัดเต็มตั้งแต่เปิดร้าน 10:30 น. เลยทีเดียว

    ทุกวันนี้คุณก้อยยังลงครัวทำเอง เป็นผู้คิดค้นอาหารทะเลเมนูเอกลักษณ์ที่สร้างชื่อให้กับร้านนี้ โดยใช้ของทะเลสดใหม่ไซส์ใหญ่ๆจากมหาชัย ส่วนปูและปลาเต๋าเต้ยนั้นมาจากสุราษฎร์ธานี และปรุงรสจัดถูกใจคนกินยิ่งนัก

    เมนูอร่อยสุดๆห้ามพลาดเป็นอันขาดก็คือ ปูทะเลไข่นึ่งนมสด(ตัวละ 4 ขีดๆละ 180 บาท มีตั้งแต่ขีดละ 150-220 บาท สั่งขั้นต่ำ 2 ตัว ถ้าไซส์ใหญ่เกิน 4 ขีดสั่งตัวเดียวได้ แต่ถ้าได้ตัวเล็กเช่น 3 ตัวโล ก็จะขายยกกิโล อย่างต่ำ 1 กิโล) ไข่ปูเต็มกระดองเนียนหอมมัน ไม่แข็งไม่เละสุกกำลังดี เนื้อปูสดหวาน สูตรนี้เพิ่มความเนียนหอมมันด้วยนมข้นจืด (คาร์เนชันเอ็กซ์ตร้า ไม่ต้องบอกยี่ห้อครับ) ซึ่งน้องก้อยเป็นคนริเริ่มทำก่อนใคร เพราะช่วงเริ่มทำร้านเองใหม่ๆที่สมุทรสาคร เวลาไปกินปูไข่ตามร้านทั่วไปรู้สึกว่าไข่ปูแข็งๆไม่นิ่มเลย จึงคิดสูตรให้แฟนชิมและถ่ายคลิปลงเฟซบุ๊ก กลายเป็นกระแสไวรัลโด่งดังในสมัยนั้น

    น้องก้อยแนะนำว่าให้ชิมปูไข่นึ่งนมสดที่ร้านร้อนๆถึงจะอร่อยกว่า แต่ถ้าอยากสั่งกลับบ้าน พนักงานจะแจ้งก่อนว่าจะไม่อร่อยเท่ากินที่ร้าน เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจก่อนสั่ง

    อีกอย่างที่อร่อยเหาะขึ้นสวรรค์ หนวดหมึกผัดกะเพรา(385 บาท) สุดยอดมากๆ หนวดหมึกศอกใหญ่ๆสดเด้ง ผัดกะเพราเข้มข้นเข้าเนื้อ ใช้พริกขี้หนูสวนเม็ดเล็กๆหอมๆ ซึ่งเมนูผัด ต้มยำ และยำจะใช้หมึกศอก ส่วนเมนูย่างจะใช้หมึกหอมตัวหนาๆเหมาะกับการย่างแทน

    พาเหรดของอร่อยที่ห้ามพลาดมีอีกหลายอย่าง แกงส้มไข่ปลาริวกิวใส่หน่อไม้ดองและไหลบัว(450 บาท) รสชาติภาคกลางเข้มจัด ครบทุกรสไม่หวานเจื้อย ใช้พริกแกงทำเอง มาทุกครั้งรสชาติเหมือนเดิมทุกครั้ง ใส่กุ้งทะเลโขลกกับพริกแกงข้นๆ เมนูนี้น้องก้อยจึงทำเสิร์ฟเป็นชาม ไม่ใส่หม้อไฟ เดี๋ยวจะข้นเกินไป ส่วนไข่ปลาริวกิวจะใช้ไข่ปลาสดเท่านั้น ไม่แช่แข็ง แกงส้มนี้ยังเลือกใส่ชะอมชุบไข่ทอด กระเฉด ผักกูด ได้อีก โดยเลือกใส่ได้ 2 อย่าง(เพราะถ้าใส่ผักเยอะจะทำให้จืด) 

    อีก 1 เมนูอร่อยไม่ซ้ำใคร ข้าวผัดเคยปูก้อน(จานกลาง 600 บาท จานใหญ่ 650 บาท) ผัดใส่เนื้อกรรเชียงปู สะตอ หอมแดง และพริกโดด รสนุ่มนวลแต่เข้มข้น เคล็ดลับคือใช้เคยตาดำจากกระซ้าขาว สมุทรสาคร ผสมกับกะปิกุ้งของสุราษฎร์ ซึ่งจะตำเป็นน้ำพริกกะปิก่อนผัด(เนื่องจากน้องก้อยชอบน้ำพริกปลาทู จึงคิดค้นวิธีทำแบบนี้) นำกะปิมาห่อใบตองนำไปย่าง ตำใส่กระเทียม พริกแดงจินดา พริกขี้หนูแดง น้ำตาลปีบ น้ำปลา จากนั้นจึงนำมาผัดกับข้าว ซึ่งต้องผัดน้ำพริกในกระทะจนแห้งเหือดก่อน แล้วค่อยผัดกับข้าวอีกที

    มีเมนูที่ขอเชียร์ให้ลองเช่นกัน เนื้อปูผัดพริกเหลือง(550บาท) เนื้อกรรเชียงปูเป็นก้อนๆผัดกับถั่วฝักยาว เลือกใช้พริกสีส้มเม็ดเล็กๆ เพราะผัดแล้วจะไม่เป็นน้ำและเผ็ดหอมกว่าพริกเหลือง รสชาติเข้มหอมจริงๆ ซึ่งกรรเชียงปูร้านนี้จะใช้ไซส์จัมโบ้จากสุราษฎร์ 13-14 ก้อนต่อขีด เคล็ดลับความหอมอีกอย่างคือจะไม่ปั่นพริกทิ้งไว้นาน

    ปูก้อนเอาไปทำผัดผักกระเฉดเนื้อปูก้อน (550บาท)ก็ดีมากๆ ใส่ผักกระเฉดอ่อนๆจากราชบุรี เอาแต่ยอดอ่อนไม่เอาใบ หรือจะสั่งเป็นกระเฉดไฟแดง(180 บาท)เปล่าๆก็ได้

    ของน้ำๆซดๆต้องโป๊ะแตกทะเล(450 บาท)แซบสุดๆ ใส่เนื้อปลาเก๋าหมอ(ปลาหมอทะเล) ตัวขนาด 40 กิโลขึ้นไป(เคยได้ 120 กิโลสูงสุด) ใส่กุ้งแชบ๊วย(ถ้าไม่มีก็ใช้กุ้งกุลาดำธรรมชาติคัดไซส์ไม่เกิน 15 ตัวกิโล) และหมึกศอก ปรุงด้วยมะนาวแท้และ พริกขี้หนูสวน

    มื้อนั้นมีของกินอร่อยอีกเพียบ ผัดสะตอกะปิกุ้งทะเล(450 บาท) เพื่อนคนใต้ที่ไปด้วยยกนิ้วให้ว่าหรอยแรงเป็นเอกฉันท์ กะปินำมาตำเป็นน้ำพริกกะปิก่อนเหมือนข้าวผัดเคยแล้วค่อยผัดกับสะตอ 

    และมีปลาเต๋าเต้ยสดๆตัวเบ้อเริ่ม 2 กิโล(5,000 บาท ขีดละ 250 บาท) ส่วนหัวเอาไปทำปลาเต๋าเต้ยทอดราดน้ำปลารสเค็มอมหวาน ส่วนหางทำปลาเต๋าเต้ยทอดกระเทียม โรยกระเทียมไทยเจียวกรอบๆ กินกับยำมะม่วง เป็นปลาอวนลอยจากนครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี

    อีกทั้งหมึกหอมย่าง(จานใหญ่ 500 บาท) ตัวโตหนึบสด ใช้หมึกหอมขนาดใหญ่ 8-9 ขีด อร่อยเต็มคำ หอยแครงแซบ (220 บาท) ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดตัวเดียวกัน กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ ใหญ่กำลังดีตัวละ 4 ขีด(ขีดละ 200 บาท มีตั้งแต่ขีดละ 190 - 220 บาท) เดี๋ยวนี้คุณก้อยทำเค็มน้อยลง ถ้าชอบเค็มเหมือนเดิมอย่างที่พวกเราชอบ ก็บอกพนักงานได้ว่าให้ทำเค็มๆเหมือนเดิม และมีทอดมันปลา(250 บาท) ใช้ปลากรายแท้ๆ ผสมเครื่องแกงใต้และถั่วฝักยาว กับไข่หมึกทอดน้ำปลา(400 บาท) หอมมัน มาจากตลาดแม่กลองกับมหาชัย

    ยังมีอาหารทะเลเมนูสดใหญ่แสนอร่อยอีกหลากหลาย ขอเชิญไปลิ้มลองกันได้ตั้งแต่ 10 โมงครึ่งจนถึง 2 ทุ่มครึ่ง(นั่งได้ถึง 3 ทุ่มครึ่ง โทร 089-8149424 และ 084-9159941อย่าลืมว่าวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ไม่รับจองโต๊ะ และร้านนี้รับเฉพาะเงินสดและโอนเงินเท่านั้นนะจ๊ะ