256-IndianFoodWala-teaser-rest-detail-mobile_01
256-IndianFoodWala-teaser-rest-detail-mobile_02
256-IndianFoodWala-teaser-rest-detail-mobile_03
Indian Food Wala สาขาปากซอยเจริญนคร 16

ร้านอินเดียแท้ ๆ เน้นซีฟู้ดไม่เหมือนใคร

Indian Food Wala สาขาปากซอยเจริญนคร 16

ร้านอินเดียแท้ ๆ เน้นซีฟู้ดไม่เหมือนใคร

จากการแนะนำของนักรีวิวอาหารตัวยง ทั้งน้องบุ๊ง closetoheavens.com และน้องวัฒน์ ชายกางตระเวนกินทั่วถิ่นไทย ทำให้ได้พบร้านอาหารอินเดียถูกใจ เมนูอลังการไม่เหมือนใคร เน้นซีฟู้ดสดใหญ่ไซส์บิ๊กเบิ้มรสชาติอินเดียแท้ ๆ สาขาที่ 5 น้องใหม่ในเครือมีชื่อว่า Indian Food Wala (อินเดียนฟู้ด วาลา)

อินเดียนฟู้ดเป็นของสาวคนเก่งชาวใต้จากเมืองคอน ชื่อว่าน้องตา เสาวลี แก้วคงจันทร์(บ้านนี้สมัยก่อนเคยเป็นลูกศิษย์วัดราชาธิวาส มีโอกาสลิ้มลองของอร่อยที่คุณชายถนัดศรีเลี้ยงพระทั้งวัดเนื่องในวันเกิดทุกปีด้วย) แต่งงานกับเชฟชาวอินเดีย คุณราจูน(Rajendra Petwal) ทำร้านอินเดียมานาน 10 ปี เริ่มจาก Indian Food (17) อยู่ใกล้ปากซอยเจริญนคร 17 จากนั้นก็เปิดสาขาเพิ่มที่ ถ.สวนพลู ที่เพชรเกษม 15 และที่ใกล้เดอะมอลล์งามวงศ์วาน(ปากซ.22)

ส่วนสาขาที่ 5 ล่าสุดนั้นอยู่ใกล้ปากซอยเจริญนคร 16 ใครนำรถมา จากถนนสาทรพอข้ามสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ให้วนซ้ายมาออกตรงสามแยกไฟแดงเข้าถนนเจริญนคร แล้วจอดรถที่โครงการเสนาเฟสท์(Sena Fest) ตรงสามแยกนี้เลย(ฟรี 3 ชั่วโมง) จากนั้นเดินออกประตูฝั่ง KFC เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเจริญนครแค่อึดใจเดียวก็จะเห็นร้าน Indian Food Wala (อินเดียนฟู้ด วาลา) อยู่ในตึกแถว 2 คูหาสีเขียวสดใส

เอกลักษณ์ของอินเดียนฟู้ดคือ มีเมนูอินเดียที่ใช้ของทะเลสด ๆ จากภาคใต้ในราคามิตรภาพ เช่น กุ้งลายเสือตัวโต ๆ จากระนอง ปู ไข่ปู ปลาหมึกตกจากนครศรีธรรมราช

Prawn Madras

เมนูร้านนี้ที่ผมชื่นชอบมากที่สุดคือ แกงมัทราส กุ้งลายเสือ(Prawn Madras) (280 บาท) มีรสมีชาติเผ็ดหอมด้วยพริกแห้งทอด ตัวซอสมัทราสมีรสเค็มอมเปรี้ยวด้วยมะเขือเทศ และโยเกิร์ต หอมเครื่องเทศแต่ไม่แรงเกินไป ปรุงด้วยกะทิเพิ่ม ใช้กุ้งลายเสือเนื้อแน่นสดตัวใหญ่มโหฬาร(ถ้าตัวเล็กกว่าก็ให้ 2 ตัว) ใหญ่กว่าฝ่ามือกินได้เต็มปากเต็มคำ มัทราสนั้นคือชื่อเมืองเดิมของเมืองเจนไนในปัจจุบัน อยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย

สำหรับคนที่ไม่กินเผ็ดมากให้สั่งกุ้งลายเสือผัดซอสโยเกิร์ต(Prawn Boti) (380 บาท) โดยจะผัดแห้ง ๆ ใส่มะเขือเทศสด ราดโยเกิร์ตพอคลุกเคล้า ใช้กุ้งลายเสือตัวโตทอดพอเนื้อเด้งก่อน ผัดจนหอมเครื่องเทศและหญ้าฝรั่น รสจะเผ็ดน้อยกว่าและออกเค็ม ไม่เปรี้ยวเท่าแกงมัทราส

Clam curry

มีเมนูซึ่งไม่เคยกินที่ไหนมาก่อนถูกใจมาก ๆ คือ เมนูอินเดียชายฝั่งทะเล หอยลายผัดซอสกะหรี่(Clam curry)(180 บาท) หอยลายตัวโต ๆ ผัดสด ๆ ก่อนให้เปลือกหอยอ้า และผัดกับซอสแกงกะหรี่ ผสมเครื่องเทศอินเดียกับซอสมะเขือเทศให้ซอสพอขลุกขลิก ใส่ใบโหระพาลงไป รสชาติเข้มข้นเผ็ดร้อนหอมเครื่องเทศ อร่อยกว่าผัดหอยลายบ้านเราอีก อีกเมนูทะเลที่ไม่เหมือนใครคือแกงกะหรี่ปลาหมึก(Squid Curry)(190 บาท) สูตรเดียวกับผัดหอยลายแต่ใส่เครื่องเทศน้อยกว่า ใส่ปลาหมึกทั้งตัวยัดไส้ด้วยไก่บดที่หมักเครื่องเทศแล้ว ปลาหมึกสดเด้งถูกใจ

ส่วนแกงที่ไม่ใช่ของทะเล ถ้าชอบครีม ๆ และไม่มีกลิ่นเครื่องเทศมาก ให้สั่งแกงไก่ครีมสีขาว(Chicken Methi Malai(180 บาท) เมธี(Methi)ของอินเดียนั้นคนไทยเรียกว่าลูกซัด ให้ความหอม แกงนี้รสชาติออกครีม ๆ ซึ่งปั่นกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์บด และใส่เนื้อไก่เป็นชิ้น ๆ หรือติกก้า(Tikka) เคี่ยวจนข้นคลั่ก เหมาะสำหรับมือใหม่หัดชิมอาหารอินเดีย

Butter Chicken

และที่ขาดไม่ได้คือบัตเตอร์ชิคเก้น(Butter Chicken)(180 บาท) คือแกงเบสิคมาตรฐานอีกอย่างที่กินง่าย ๆ ครีม ๆ ผสมกับมะเขือเทศลูกแดงอร่ามที่นำมาเคี่ยวก่อนจนน้ำในมะเขือเทศแตกออกมา ใส่เนยใส(Ghee) และเนื้ออกไก่ที่นุ่มมาก ๆ ซึ่งจะหมักโยเกิร์ต น้ำมันมะพร้าว Madras และเครื่องเทศ ย่างเตรียมไว้ก่อนตอนเช้า

ต่อด้วยแกงแกะสับ(Mutton Keema Matar)(260 บาท)หอม ๆ ผัดอย่างขลุกขลิกใส่ถั่วลันเตา ขิง กระเทียม พริกขี้หนูให้มีรสเผ็ดเล็กน้อย ตัวเครื่องเทศช่วยดับกลิ่นสาบของแกะจนกินได้สนิทใจ ใครไม่ชอบกินแกะจะไม่มีทางรู้เลย

นอกจากนี้ยังมีแกงอินเดียที่ไม่ใส่เนื้อสัตว์ เช่น แกงมาซาล่ากระเจี๊ยบ(Bhindi Masala) (130 บาท) ใช้หอมแขกผสมหัวหอมไทย ผัดกับมะเขือเทศสด ใส่ขมิ้นและเครื่องเทศบด ลักษณะเป็นผัดแห้ง ๆ มากกว่า กระเจี๊ยบสีเขียวสดไม่มียางให้เสียอารมณ์

และมีแกงผักโขมใส่ชีส(Palak Paneer)(160 บาท) สีแกงจึงออกเขียว ๆ ใส่คอทเทจชีสของอินเดียเป็นชิ้น ๆ ที่เรียกว่าปะนีร์(Paneer) อีกทั้งเมนูชีส ปะนีร์บูรจิ(Paneer Bhurji)(180 บาท) ทำจากคอทเทจชีสบด ผัดกับหอม มะเขือเทศ พริกหวานและเครื่องเทศต่าง ๆ ถูกใจคนรักชีส และแกงกุรุหม่าชีสปะนีร์(Paneer Korma)(170 บาท)ใส่มะเขือเทศปั่นกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์และเม็ดแตงโม อีกทั้งเมนูมะเขือม่วง(Baingan bharta)(130 บาท)เผาลอกเปลือกแล้วสับ ผัดกับหัวหอม พริกหวานและเครื่องเทศ

ต้องสั่งแป้งนาน(Naan)หนา ๆ นุ่มเหนียวมาจิ้มกินกับแกง มีให้เลือกหลายอย่าง ที่ขาดไม่ได้คือนานกระเทียม(Garlic Naan)(55 บาท)แผ่นโต ๆ และคนชอบพิซซาให้สั่งนานชีสมอซซาเรลลา(Mozzarella cheese naan)(100 บาท) เวลาฉีกแป้งจะเห็นชีสยืด ๆ ชัดเจน

นอกจากนานซึ่งเป็นแป้งอบในเตาทันดูร์แล้ว ยังมีลัชชา พาราธา(Lachha paratha)(65 บาท) แผ่นแป้งซึ่งได้จากการทอด ตัวแป้งเป็นเส้นวนกลม ๆ เหมือนวงแหวน ฉีกออกได้ง่าย และมีปุริ(Puri)(50 บาท) ทอดน้ำมันท่วม ๆ จนเป็นก้อนทรงกลมโตข้างในเป็นโพรง กินตอนร้อน ๆ ยิ่งอร่อย

ส่วนข้าวมีหลากหลาย มีเมนูรับรองว่าไม่เหมือนร้านไหน สไตล์จีนผสมอินเดียคือ ข้าวผัดวาลาใส่ไข่ปู(Wala fried rice)(250 บาท )ใช้ข้าวบาสมาติเมล็ดยาวเรียวของอินเดีย ผัดกับซอสที่เตรียมไว้ทำจากขิง หอม มะเขือเทศ พริกแห้ง และมะขามเปียก ออกแนวน้ำพริกเผา ผัดได้เมล็ดร่วนหอมมาก ได้เคี้ยวไข่ปูหอมมัน มือใหม่หัดชิมอาหารอินเดียคงชอบเมนูนี้มาก ๆ

ถ้าต้องการกลิ่นอายอินเดียแท้ ๆ(ไม่ใช่แนวตะวันออกกลาง)ก็ให้สั่งข้าวหมกแกะ(Mutton Biryani)(220 บาท) พอใครสั่งก็ผัดเลย หอมกลิ่นเครื่องเทศเบา ๆ ไม่แรงเกินไป อยากให้ใส่ไก่ กุ้งตัวโต ๆ ปลาหมึก ปลาจะละเม็ดขาว ปลากะพง หรือทะเลรวมก็มีให้เลือกทั้งนั้น

พวกของย่างในเตาทันดูร์และเมนูเนื้อสัตว์ก็มีให้เลือกมากมายเช่นกัน เช่นไก่ย่างทันดูร์(Chicken Tandoori) (220 บาท)เนื้อสะโพกและน่องนุ่ม ๆ จานโต หมักเครื่องเทศ ย่างในเตารูปโอ่งจนหอมมีสีส้มอมแดง ถ้าชอบรสชาตินุ่มนวลไม่เผ็ด ให้สั่งไก่ย่างเม็ดมะม่วงหิมพานต์(Chicken Malai Kabab)(260 บาท) เป็นเนื้ออกไก่ที่นุ่มมาก ๆหมักกับโยเกิร์ตและเม็ดมะม่วงหิมพานต์

และอีกเมนูไก่มีรสมีชาติชื่อว่าไก่ผัดซิกตี้ไฟฟ์(Chicken 65)(200 บาท) สไตล์เมืองเจนไน ไก่เนื้อนุ่มชุบแป้งทอดผสมขิง กระเทียม ผัดกับเครื่องเทศ ใส่ยอดหมุยของทางใต้(ที่อินเดียก็มี)และหญ้าฝรั่น จานนี้ไก่รสจัด ๆ ถูกใจและเผ็ดพอตัวเพราะใส่พริกขี้หนูสดด้วย

ส่วนเครื่องดื่มอินเดียของโปรด ลาสซี ทำจากผลไม้ปั่นผสมโยเกิร์ต ก็มีให้เลือกมากมาย ให้ลองลาสซีมะม่วง(Mango Lassi)(60 บาท) รวมทั้งลาสซี(Lassi)ดั้งเดิมทั้งรสหวานและเค็ม(60 บาท)

ปิดท้ายด้วยของกินเล่น กระเจี๊ยบทอด(Bhindi Fries)(140 บาท)ฝานเป็นเส้น ๆ ชุบแป้งทอด หอมเครื่องเทศไม่แรงเกินไป กินเพลินมาก และมีซาโมซาไส้ผัก(Vegetable Samosa)(70 บาท)แป้งกรอบชิ้นโต ๆ อีกด้วย

ร้านอินเดียนฟู้ดในยามปกติจะเปิดบริการ 10 โมงครึ่งถึง 5 ทุ่มทุกวัน สนใจอยากสั่งซื้อกลับบ้านให้โทรไปที่ 09-4923-1110(สาขาเจริญนคร 16) หรือที่เบอร์กลาง 08-7021-2203 สำหรับทุกสาขานะจ๊ะ นี่คือสวรรค์ของคนชอบอาหารทะเลและอาหารอินเดียจริงแท้แน่นอน

รายละเอียดร้าน
ที่อยู่
516-518 ถนนเจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน จังหวัดกรุงเทพ 10600
เวลาทำการ
10:30–23:00 น.ทุกวัน
วิธีไป / จุดสังเกต
จากถนนสาทรพอข้ามสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ให้วนซ้ายมาออกตรงสามแยกไฟแดงเข้าถนนเจริญนคร แล้วจอดรถที่โครงการเสนาเฟสท์(Sena Fest) ตรงสามแยกนี้เลย(ฟรี 3 ชั่วโมง) จากนั้นเดินออกประตูฝั่ง KFC เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเจริญนครแค่อึดใจเดียวก็จะเห็นร้าน Indian Food Wala (อินเดียนฟู้ด วาลา) อยู่ในตึกแถว 2 คูหาสีเขียวสดใส
โทร
09-4923-1110(สาขาเจริญนคร 16) 08-7021-2203(เบอร์กลางทุกสาขา)
ที่จอดรถ
มีที่จอดรถ
ประเภทอาหาร
อาหารอินเดีย
ประเภทรสชาติ
-
ลักษณะของร้าน
ร้านอาหาร
ราคาเริ่มต้นต่อจาน
100
ช่วงเวลายอดนิยม
(Peak Time)
-
เวลาที่ครัวปิด
(Last order)
-
  • เวลาทำการ

    10:30–23:00 น.ทุกวัน

  • ที่อยู่

    516-518 ถนนเจริญนคร แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน จังหวัดกรุงเทพ 10600

  • วิธีไป / จุดสังเกต

    จากถนนสาทรพอข้ามสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ให้วนซ้ายมาออกตรงสามแยกไฟแดงเข้าถนนเจริญนคร แล้วจอดรถที่โครงการเสนาเฟสท์(Sena Fest) ตรงสามแยกนี้เลย(ฟรี 3 ชั่วโมง) จากนั้นเดินออกประตูฝั่ง KFC เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเจริญนครแค่อึดใจเดียวก็จะเห็นร้าน Indian Food Wala (อินเดียนฟู้ด วาลา) อยู่ในตึกแถว 2 คูหาสีเขียวสดใส

ติดต่อร้านอาหาร
Arrow Page Up