“ร้านอาหารอินเดียไฟน์ไดนิ่งกับเมนูชั้นเลิศจากทั่วดินแดนภารตะ”
อินดัส (Indus) ตั้งชื่อตามอารยธรรมอินดัส (Indus Civilization) ในยุคสำริด (Bronze Age) เมื่อราว 5,000 ปีที่แล้ว ที่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งประวัติศาสตร์ความเป็นมาของอินเดีย ซึ่งพวกเราชาวไทยรู้จักกันดีในชื่อว่า “อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ”
มาอินดัสแล้วจะได้ลิ้มลองอาหารอินเดียที่ส่วนใหญ่มาจากทางตอนเหนือของประเทศ และจากเมนูขึ้นชื่อจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศอินเดีย เห็นเป็นอาหารอินเดียอุดมด้วยนมเนย แต่อินดัสนั้นคำนึงถึงสุขภาพด้วยการใช้น้ำมันรำข้าวในการปรุงอาหารแทนที่จะใช้กี (Ghee)
หรือเนยใส แต่ยังคงไว้ซึ่งความโอชะไม่เปลี่ยนแปลง
ร้านนี้ดูดีทุกมุมมอง มีมุมสวนสวยด้านนอก โรแมนติกได้หลายรูปแบบ ควรเดินชมให้ทั่วก่อนว่าอยากนั่งในบรรยากาศแบบไหน อยากจัดเลี้ยงในห้องส่วนตัวก็มีเช่นกัน ส่วนเรื่องที่จอดรถนั้นจอดได้นับสิบคัน ถ้าเต็มแล้วยังมีบริการ Valet รับรถไปจอดบนตึกให้ด้วย
แค่เห็นประตูทางเข้าร้านก็เกิดความประทับใจหลงใหลไปกับประตูไม้แกะสลักลวดลายที่นำมาจากพระราชวังฤดูร้อนของมหาราชาแห่งราชสถาน เข้ากันดีกับผนังหินทรายและกลิ่นอายการตกแต่งข้างในร้านในสไตล์อินเดียตอนเหนือยุค 1960
ที่อินดัสมีทั้งเมนูอาหารอินเดียต่าง ๆ ที่สั่งเป็นจาน ๆ รวมถึงมีเมนูสำหรับชิมหรือ Tasting Menu เป็นคอร์สรวม 7 จานและ 10 จานให้เลือกด้วย
ก่อนอื่นอินดัสต้อนรับอาคันตุกะทุกคนด้วยแผ่นแป้งปาปาดัม (Papadum) บางกรอบกับเครื่องจิ้ม 4 อย่าง มีทั้งที่ทำจากเสาวรส มะขาม สะระแหน่ (มินต์) และหอมดองเป็นออร์เดิร์ฟเสิร์ฟฟรีสำหรับทุกโต๊ะ
ส่วนเมนูกินเล่นอย่างอื่นที่อยากให้สั่งมาชิม ได้แก่ ข้าวเกรียบทอด (Papri Chaat) ทำจากแป้งถั่วโรยหน้าด้วยถั่วชิกพี มันฝรั่ง และโยเกิร์ต ราดน้ำจิ้มสะระแหน่และมะขาม ดอกกระเจี๊ยบทอด (Indus Fries) กระเจี๊ยบสดฝานเป็นเส้นนำไปชุบแป้งถั่วลูกไก่คลุกผงมะม่วงดิบดิบและพริกแห้ง
ก่อนนำไปทอดจนกรอบ เคบับผักโขม (Hara Bhara Kebab) เคบับผักโขมผัด ผสมมันฝรั่งและคอตเทจชีส เคลือบข้าวเม่า แล้วย่างบนกระทะร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมชวนกิน
มาแล้วห้ามพลาดของย่างในเตาถ่านพิเศษทันดูร์ (Tandoori) จานเด่นที่ใครมาต้องสั่งคือเคบับ อี มาลัย (Kebab E Malai) หรือเรียกมาลัยเคบับก็ได้ ทำจากไก่ไร้กระดูกเนื้อนุ่ม ๆ หมักโยเกิร์ต ครีม ชีส ผักชี มะม่วงหิมพานต์ มะนาว และเครื่องเทศ
แล้วย่างด้วยเตาถ่าน เสิร์ฟกับแป้งปาปาดัมข้าวกล้อง
หรือจะสั่งของย่านจานรวม มิกซ์กริลล์ (Mixed Grill) เป็นของย่างจานรวมที่ย่างในเตาถ่านพิเศษทันดูร์ มีทั้งไก่เคบับ อี มาลัย กุ้งกุลาดำย่าง หมักโยเกิร์ตกับยี่หร่า เนื้อแพะสับเสียบไม้ย่าง และปลากะพงย่าง
อีกเมนูของย่างยอดนิยมที่สั่งกันมากคือขาแกะย่างสูตรอินดัส (Raan) หมักแกะนานข้ามคืนก่อนนำมาย่างไฟอ่อนนาน 7 ชั่วโมง เนื้อนุ่มหอมกลิ่นเครื่องเทศเบา ๆ ไม่มีกลิ่นสาบเลย เมนูนี้มาจากชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย และเป็นเมนูยอดนิยมของร้านอินดัสที่ใครมากินก็สั่งกันทุกโต๊ะ
ที่นี่มีแม้กระทั่งเมนูเคบับผักย่าง บรอกโคลีหมักโยเกิร์ต ครีม ชีส และเครื่องเทศนาน 6 ชั่วโมงแล้วย่างในเตาทันดูร์ (Tandoori Creamy Broccoli) ที่นับเป็นเมนูดังเช่นกัน หรือจะลองของทะเลก็ได้
ส่วนแกงต่าง ๆ เริ่มด้วยเมนูดังประจำร้าน แกงไก่รมควัน (Butter Chicken) จากเมืองเดลี ไก่ย่างติกก้ารมควันเคี่ยวในน้ำเกรวีมะเขือเทศ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ราดด้วยเนยกับครีมลงไปด้วย รสชาติเข้มข้นหอมมาก แกงของอินเดียไม่ได้มีกลิ่นเครื่องเทศแรงเกินไปเลย ต้นตำรับมาจากร้านอาหารชื่อดังของกรุงนิวเดลีในปี 2493 เป็นเมนูที่นิยมกันทั่วโลก
ต่อด้วยแกงกะหรี่กุ้ง (Malabar Prawn Curry) จากรัฐเกรละหรือเคราลา (Kerala) ดินแดนแห่งมะพร้าวทางตอนใต้ ใส่กะทิและมังคุดป่า แกงมีรสเปรี้ยวเล็กน้อยและเผ็ด ๆ หอม ๆ
ห้ามพลาดแกงกะหรี่แพะสไตล์แคว้นแคชเมียร์ที่เรียกว่าอินดัสโรกันจอช (Indus Rogan Josh) เนื้อแพะนุ่มอร่อย ตัวแกงเข้มข้นแต่รสชาตินุ่มนวล
แกงพวกนี้ให้กินกับแป้งนาน (Naan) ชิ้นหนาอบในเตาถ่าน ที่ชื่นชอบเป็นอันมากคือแป้งนานใส่ชีส นุ่มหอมมันวิเศษสุด แล้วก็มีแป้งนานอบเนยกระเทียม ส่วนแป้งอีกแบบเรียกว่าปาราทา (Paratha) ซึ่งบางกว่า ทำจากแป้งโฮลวีตทาน้ำมันรำข้าวแล้วย่าง ถ้าอยากได้ปาราทารสชาติอื่นก็มีให้เลือกทั้งรสเนย พริก และมินต์
ลองสั่งข้าวบาสมาติคั่วกับหญ้าฝรั่น (Saffron Rice) มากินกับผักโขมสับใส่ครีมผัดกับคอตเทจชีส (Palak Paneer) ก็อร่อยไปอีกแบบ
ก่อนถึงเมนูของหวานอย่าลืมล้างปากด้วยการจิบ Masala Chai ชาเครื่องเทศอินเดียที่ใช้ต้มกับชาและนมแล้วกรองเอากากออกก่อนเสิร์ฟร้อน ๆ แล้วค่อยปิดท้ายด้วยของหวานของอินเดียที่มีรสหวานและหนักกลิ่นเครื่องเทศนิดหน่อย มีทั้งกุหลาบยามุน (Gulab Jamun) ขนมก้อนกลม ๆ ทำจากนมทอดหอมกรุ่น แช่ในน้ำเชื่อมกระวาน รสชาติกลมกล่อม เพราะลดความหวานด้วยการเทไอริชวิสกี้แล้วจุดไฟ เสิร์ฟมาแบบไฟลุกท่วม พุดดิ้งข้าว (Phirni) รสหวาน ๆ ใส่ถั่วและผลไม้แห้ง มีกลิ่นของแซฟฟรอนหรือหญ้าฝรั่นและกระวานเขียว เสิร์ฟในหม้อดินเผาแบบดั้งเดิม
ใครอยากชิมหลาย ๆ เมนูขอแนะนำ The Epic Indus Thai มีทั้งลันช์เซตและดินเนอร์เซตที่รวบรวมเมนูแนะนำทั้งคาวหวานของอินดัส เสิร์ฟมาในถาดขนาด 18 นิ้ว สำหรับ 2-3 ท่าน หรือสุดสัปดาห์จะแวะมาลอง Weekend Brunch ที่มีทั้งสเตชั่นอาหารเป็นบุฟเฟต์ให้ตักหรือสั่งอะลาคาร์ตจากเมนูได้ด้วย
ทุกวัน 11:30-14:30 น. และ 18:00-22:30 น.
71 ซ.สุขุมวิท 26 ใกล้โรงแรมโฟร์วิงส์ ถ.สุขุมวิท เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
เข้าซอยสุขุมวิท 26 ตรงไปจนถึงแยกอารี เลี้ยวขวาจนสุดทางจะเจอโรงแรมโฟร์วิงส์ ให้เลี้ยวซ้ายแล้วจะเจอบังคับเลี้ยวขวา ไปอีกสัก 100 เมตร ร้านอินดัสอยู่ทางซ้ายมือ