ร้านที่แสดงถึงวัฒนธรรมการกินแบบอเมริกันได้อย่างชัดเจนก็คือ ร้านอเมริกัน ไดเนอร์(Diner) ซึ่งเรามักจะเห็นในหนังฝรั่งคลาสสิก ตกแต่งด้วยสีสันฉูดฉาด
ร้านที่แสดงถึงวัฒนธรรมการกินแบบอเมริกันได้อย่างชัดเจนก็คือ ร้านอเมริกัน ไดเนอร์(Diner) ซึ่งเรามักจะเห็นในหนังฝรั่งคลาสสิก ตกแต่งด้วยสีสันฉูดฉาด มีเคาน์เตอร์ยาว ๆ กับม้านั่งสตูลแยกกัน มีพนักงานมาคอยเติมกาแฟ เน้นเมนูสไตล์อเมริกันจ๋า เช่น แฮมเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟราย ไข่ดาว ไส้กรอก แพนเค้ก มิลค์เชค และมักจะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ถือเป็นต้นแบบของร้านฟาสต์ฟู้ดยุคใหม่
ร้านย้อนยุคเรโทรแบบนี้ยังมีหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง แต่ไม่จำเป็นต้องบินไปไกลถึงอเมริกาหรอก แค่มาที่ร้านดังชื่อว่า มิคกี้ส์ ไดเนอร์ บีเคเค (Mickey’s Diner BKK) ก็ได้ลิ้มลองของอร่อยสไตล์อเมริกันไดเนอร์ อันสุดแสนประทับใจจนอยากกลับไปกินแล้วกินอีกเลยทีเดียว
ร้านมิคกี้ส์ ไดเนอร์ อยู่บนชั้น 1 ของอาคารปอร์ติโก้ (Portico) ถนนหลังสวน ตรงข้ามโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย เป็นของเชฟชาลี กาเดอร์ และหุ้นส่วนชาวไทย ตกแต่งกลิ่นอายอเมริกันสีสันแดงขาว อีกทั้งมีภาพกราฟิตี้ลวดลายการ์ตูนบนฝาผนัง เลือกนั่งได้ทั้งด้านในและระเบียงด้านนอก
เมนูอาหารสไตล์อเมริกันมีมากมาย แน่นอนว่าร้านแบบนี้ต้องมีอาหารเช้าที่เสิร์ฟทั้งวันหรือ All Day Breakfast ด้วย ถ้าเลือกไม่ถูกเพราะลานตา ก็ให้สั่ง Mickey’s Breakfast (370 บาท++) มีหลากหลายทั้งไข่ดาว แคนาเดียนเบคอนชิ้นหนา ๆ แพตตี้ไส้กรอกหมูทำเองแผ่นกลมๆ มันฝรั่งทอด และบัตเตอร์มิลค์แพนเค้กหนานุ่ม ราดเมเปิลไซรัป มีเนยเค็มหอม ๆ ของฝรั่งเศสสำหรับทาเพิ่มความหอมมันสุดยอด ซึ่งอาหารเช้าเหล่านี้สามารถสั่งเครื่องเคียงอื่น ๆ เพิ่มเติมได้อีกมากมาย
เมนูซิกเนเจอร์ที่สั่งกันแทบทุกโต๊ะก็คือ วาฟเฟิลไก่ทอด (Chicken & Waffles) (390 บาท++) วาฟเฟิลกรอบนอกนุ่มใน เห็นสีน้ำตาลเข้มอย่างนั้นไม่ใช่ไหม้แต่เป็นสูตรวาฟเฟิลของที่ร้านนะจ๊ะ ทีเด็ดอยู่ที่ไก่ทอดทำจากสะโพกไก่ออร์แกนิกซึ่งหมักกับเครื่องเทศเช่นเคจุ้น (Cajun) ก่อน จากนั้นแช่บัตเตอร์มิลก์ซึ่งมีรสเปรี้ยวเล็กน้อยและนำไปชุบแป้งทอด ช่างเป็นไก่ทอดที่กรอบนอกเนื้อในนุ่มชุ่มฉ่ำเสียจริง มีเนยฝรั่งเศสให้ทาวาฟเฟิล ราดด้วยเมเปิลไซรัป และมีน้ำเกรวี่กับซอสพริกโฮมเมดสีแดง ๆ ให้จิ้มไก่ด้วย
อีกเมนูไก่ทอดกับบิสกิตแบบอเมริกันทำเอง (Friend Chicken & Biscuit with Sausage Gravy) (290 บาท) ราดน้ำเกรวีทำจากไส้กรอก แกล้มด้วยหอมดอง แตงดอง พริกดอง กับโคลสลอว์ และซอสพริกโฮมเมด
คนชอบกินเนื้อห้ามพลาดเลย ต้องสั่งคอร์นบี๊ฟกับมันบด (Corned Beef & Mash) (550 บาท++) คอร์นบี๊ฟแล่เป็นชิ้นบาง ๆ ยาวใหญ่ให้มา 4 ชิ้นจุใจ ทำจากเนื้อเสือร้องไห้หรือบริสเก็ตโคขุนหนองสูง จังหวัดมุกดาหารของไทย หมักในน้ำเกลือนาน 7 วัน รสชาติหอมอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา กินกับมันบดที่เนียนหอมมันเพราะใส่เนยเยอะมาก ราดด้วยซอสเกรวี
อีกอย่างที่ห้ามพลาดเช่นกันคือลิ้นวัวกับมันบด (Cured Beef Tongue & Mash) (550 บาท++) ทำจากลิ้นวัวโคขุนหมักในน้ำเกลือนาน 30 วัน และนำมาทำให้สุกอย่างช้า ๆ ด้วยวิธีซูวี้ด (Sous-vide) จนนุ่มหอม
มีเมนูอเมริกันง่าย ๆ แต่ใส่เครื่องชั้นดีพิถีพิถันอย่างเช่น ฮอทดอก (Hot Dog) (190 บาท++) ใส่ไส้กรอกคีลบาซา (Kielbasa) ซึ่งเป็นไส้กรอกสดผสมเครื่องเทศไม่รมควันชิ้นโต ๆ ยาว ๆ อร่อยเต็มคำ อีกทั้งแซนด์วิชแบบอเมริกันทรงกระบอกยาว ๆที่ เรียกว่า ซับ (Sub) หรือซับมารีน (Submarine) ขอแนะนำ มิกกี้ส์ซับ (Mickey’s Sub) (300 บาท++) ใส่ไส้กรอกโชริโซรสจัดสีแดงสวย ไส้กรอกแว่นใหญ่ Mortadella แฮมน้ำผึ้ง และชีสมอซซาเรลล่า
ต่อด้วยซุปกับสลัดที่มีความเป็นอเมริกันแท้ ๆ คือ ซุปหอยลาย นิวอิงแลนด์แคลมชาวเดอร์ (New England Clam Chowder Soup) (250 บาท++) ซุปหอยลายข้น ๆ ที่มีกำเนิดจากเขตนิวอิงแลนด์ ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซุปชนิดนี้จะออกสีขาว ๆ ใส่ครีมและมันฝรั่ง ซึ่งที่ร้านใส่เบคอนเพิ่มความหอมด้วย ส่วนสลัดมีชื่อว่า ค็อบบ์สลัด (Cobb Salad) (390 บาท++) เมนูสลัดจานโตของชาวอเมริกัน แบ่งกันได้ 2-3 คน ประกอบด้วยผักใบเขียว อโวคาโด้ มะเขือเทศ ไข่ต้ม บลูชีส เบคอนและไก่ออร์แกนิกที่แช่บัตเตอร์มิลก์ก่อนนำไปจี่ในกระทะ ราดด้วยน้ำสลัดแรนช์ (Ranch) ข้น ๆครีมๆ
ส่วนเครื่องดื่มที่โด่งดังขึ้นชื่อประจำร้านมาก ๆ คือ สตรอเบอร์รีมิลก์เชก (Strawberry Milkshake) (160 บาท++) ใช้ไอศกรีมโยรา (Yora) ราดซอสสตรอว์เบอร์รี แต่งหน้าด้วยคอร์นเฟลก เพรตเซล และเวเฟอร์ สวยทั้งรูปกินก็อร่อย
ตอนนี้เชฟชาลีออกเมนูใหม่ชื่อเป็นอเมริกันแต่ความจริงคนไทยคิดค้นขึ้นมาเองมีแต่ในเมืองไทยเท่านั้น นั่นก็คือข้าวผัดอเมริกัน ฮ่า ๆๆ ข้าวผัดใส่ซอสมะเขือเทศกับลูกเกด โปะด้วยไข่ออนเซนหรือไข่ดาวก็ได้ มีให้เลือกหลายแบบ ซึ่งอยากให้สั่งข้าวผัดอเมริกันคอมโบ้ใส่เป็ด (AFR Duck Combo) (350 บาท++) เพราะนอกจากจะมีท็อปปิ้งเป็นไส้กรอกพริกไทยกับแฮมแล้ว ยังมีสะโพกเป็ดกงฟีที่ทอดในไขมันเป็ดหนังกรอบหอมถูกใจมากอีกด้วย ถ้าไม่กินเป็ดก็มีข้าวผัดอเมริกันคอมโบ้ใส่ไก่ทอด (270++) ชนิดเดียวกับที่กินกับวาฟเฟิล กับข้าวผัดอเมริกันจัมโบ้ (440 บาท++) ใส่ทั้งไส้กรอกคีลบาซา ไก่ทอด แฮม เบคอน แพตตี้หมู และคอร์นบี๊ฟอีกด้วย ให้ดูในเมนู อยากสั่งท็อปปิ้งอื่น ๆ ก็ได้ทั้งนั้น ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นเมนูฮ็อตฮิตติดอันดับไปแล้ว
และนี่คือเมนูอเมริกันที่เพิ่มเติมเคล็ดลับความอร่อยลงไปอีกล้นเหลือ ร้านมิกกี้ส์ไดเนอร์เปิดบริการตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม ทุกวัน โทร 0-2050-5158 สั่งอาหารดิลิเวอรีได้ทาง Line @mickeysdinerbkk ด้วยนะจ๊ะ
08:00 - 21:00 น. ทุกวัน
ชั้น1 อาคาร The Portico 31 ถนนหลังสวน แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพ 10330
อยู่บนชั้น 1 ของอาคารปอร์ติโก้ (Portico) ถนนหลังสวน ตรงข้ามโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย