“ร้านที่ปฏิวัติการกินชาบูชาบูของคนไทย ให้กินตามขนบแท้แต่ดั้งเดิมของญี่ปุ่น”
คุณเอ-สุรเวช เตลาน เป็นผู้นำเข้านาเบโซ (Nabezo) เชนร้านชาบูชาบูชื่อดังจากโตเกียว แต่ด้วยความอยากให้คนไทยกินเลิศหรูไปอีกขั้นจึงแตกไลน์เป็นนาเบโซ พรีเมียม (Nabezo Premium) ซึ่งมีเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น มีสาขาแรกอยู่ที่ชั้น 5 ห้างเซ็นทรัล เอ็มบาสซี กับอีกสาขาที่ชั้น 3 เกษรวิลเลจ
นาเบโซ พรีเมียม ไม่ใช่ร้านชาบูชาบูสไตล์กินไม่อั้น แต่เป็นชาบูชาบูระดับพรีเมียม มีเนื้อและของทะเลชั้นดีให้เลือก มีหัวหน้าเชฟเป็นชาวญี่ปุ่นชื่อคุณ Takeshi Yoshida และมีพนักงานมาคอยดูแลลวกเนื้อบริการทุกโต๊ะ ไม่ต้องทำเอง
ทางร้านจะเสิร์ฟเป็นคอร์สไล่เรียงไป โดยมีจุดประสงค์อยากให้ลูกค้ากินซุปกับซอสให้เข้ากันเพื่อให้ได้ความอร่อยสุดยอด เริ่มจากเลือกอาหารเรียกน้ำย่อยประจำวันที่เรียกว่า Omakase เมนูเรียกน้ำย่อยนี้มี 2 จาน และหมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกเดือน
จากนั้นก็มาถึงหัวใจสำคัญคือการเลือกน้ำซุป โดยที่นี่มีให้เลือก 5 ชนิด ได้แก่ ซุปชาบูชาบู เป็นน้ำซุปใสซึ่งถือว่าเป็นตำนานของชาบูชาบู สมัยก่อนถือว่าเป็นอาหารของชนชั้นสูงในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ส่วนสุกี้ยากี้เป็นซุปน้ำดำที่ให้รสชาติเข้มข้น ขณะที่โตนิวคือซุปเต้าหู้ญี่ปุ่น ทีเด็ดคือซุปคานิที่ใช้น้ำซุปชาบูชาบู แต่ต่างกันตรงที่จะเพิ่มหัวเชื้อที่สกัดจากกระดองปูลงไป เป็นน้ำซุปที่เหมาะกับการกินเนื้อปูและเนื้อสัตว์ทุกประเภท และสุดท้ายคือกิวนาเบะ น้ำสุกี้ดำอันมีต้นกำเนิดในยุคเมจิ เป็นแบบโบราณ ทำจากมิโซะแดง (Aka Miso) ซึ่งจะกินคู่กับเนื้อโอมิอย่างเดียวเท่านั้น
ชาบู ชาบู แต่ละเซตจะมีเห็ด เครื่องเคียง และผักต่าง ๆ จากโครงการหลวง รวมแล้วกว่า 20 ชนิด บวกกับเต้าหู้ญี่ปุ่นโฮมเมดที่ทางร้านทำเองจึงได้ความสดใหม่ทุกวัน ที่สำคัญคือผัก เห็ด และเต้าหู้สดนี้เติมได้ไม่อั้นตลอดเวลา พนักงานจะถือกิมบ้งใหญ่ไล่เลียงกัน
4 กิมบ้งยักษ์มาให้เลือกที่โต๊ะเลย
จากนั้นก็ตามด้วย Meal ที่เป็นเมนูปรุงตอนจบตามซุปที่เราเลือกไปตอนต้น และจบด้วยของหวานอลังการให้เลือกอีก 3 ชนิด ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมเครื่องดื่มที่มีให้เลือกอีกมากมาย
สิ่งที่บ่งบอกถึงความมีระดับ ความเป็นพรีเมียมก็คือ คอร์สที่มีให้เลือกล้วนแล้วแต่เป็นของดีเยี่ยมทั้งสิ้น มีคอร์สเนื้อโอมิ (Omi หรือ Ohmi) ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 เนื้อชั้นเลิศของญี่ปุ่นนอกเหนือไปจากเนื้อมัตสึซากะและเนื้อโกเบ เนื้อโอมิมีไขมันแทรกเป็นลายหินอ่อน
กินแล้วแทบ ละลายในปาก และมีกลิ่นเนื้อที่หอมมาก
นอกจากนี้ก็มีคอร์สเนื้อวากิวออสเตรเลียที่มีลายไขมันแทรกสวยกว่าเนื้อวากิวที่เคยเห็นทั่วไป คอร์สหมูดำคุโรบูตะก็คัดมาแบบมีมันแทรกเป็นลายสวยนุ่มอร่อยเช่นกัน คอร์สขาปูทาระบะ (Taraba) คิงแคร้บจากฮอกไกโด ขาใหญ่ไซซ์ 5L ซึ่งไม่ใช้ขาปูแช่แข็งที่ต้มในน้ำเกลือมาแล้ว
แต่เป็นขาปูสดนำไปแช่แข็ง เนื้อจึงหวานอร่อยกว่าขาปูต้มตามร้านทั่วไป ปิดท้ายด้วยคอร์สเนื้อโอมิที่เสิร์ฟพร้อมกับขาปูทาระบะอีก 1 ชิ้น จะได้ไม่ต้องรักพี่เสียดายน้อง
ถ้ามาไม่เกิน 4 คนจะต้องเลือกว่าจะชิมชาบูชาบูหรือสุกี้ยากี้อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ถ้ามา 6 คนจะมีโต๊ะที่สามารถชิมได้ทั้ง 2 อย่าง 2 หม้อแยกกัน ถ้าสั่งสุกี้ยากี้พนักงานจะมาทำให้ทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ผัดเนื้อบางส่วนกับหอมใหญ่ ส่วนชาบูก็มีบริการทำให้ด้วยทุกขั้นตอนเช่นกัน
จึงมั่นใจได้ว่าปรุงถูกวิธี ได้ชิมอย่างเอร็ดอร่อยแน่นอน
ระหว่างกิน จะมีพนักงานคอยช้อนฟองออกเพื่อให้น้ำซุปใสอยู่ตลอดเวลา เพราะความอร่อยของน้ำซุปที่กลมกล่อมอยู่ที่ความใสของน้ำ เมื่อใส่เนื้อลงไปเลือดที่อยู่ในเนื้อจะซึมออกมาลอยอยู่บนผิวน้ำ หากเลือดจับตัวกันน้ำซุปจะขุ่น รสชาติก็เปลี่ยน
แค่อาหารเรียกน้ำย่อยก็สร้างความตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เมนูเปลี่ยนทุกเดือน บางเดือนอาจได้เจอกับข้าวห่อสาหร่ายแซลมอนและไข่ปลาแซลมอน คุชิยากิเสียบไม้ปิ้งย่างมีทั้งหอยเชลล์ กุ้งและผักกับเห็ด และแฮมเบิร์กหมูหรือเนื้อ ตามมาด้วยความสนุกสนานอร่อยลิ้นกับเนื้อและของทะเลต่าง
ๆ ที่เราเลือก ซึ่งขอย้ำว่าผักต่าง ๆ เติมได้ไม่อั้น อย่าลืมชิมตัวเอก คุซุคิริหรือวุ้นเส้นญี่ปุ่นเส้นโตแสนอร่อย
ซุปชาบูชาบูและซุปคานิกินคู่กับซอสงา ซอสพอนสึ และออยล์ซอส (ซอสเผ็ดญี่ปุ่น) ในขณะที่ถ้าสั่งโกมะโตนิวจะเสิร์ฟคู่กับซอสเมนซูยุ ส่วนสุกี้ยากี้และกิวนาเบะต้องกินคู่กับไข่ไก่สดโมริทามะ
จากนั้นก็ถึงเมนูจบฟินาเลสำหรับของคาวที่เรียกว่า Meal ซึ่งอาหารที่นำมาเสิร์ฟจะตรงกับคอร์สที่เลือก เช่น ถ้าเลือกคอร์สชาบูชาบูพนักงานก็จะทำข้าวต้มโซซุย (Zosui) ใส่ข้าวใส่ไข่ลงในน้ำซุป รสหอมหวานกลมกล่อม หรือจะเลือกเป็นราเม็งกับเส้นอูด้งก็ได้
ส่วนถ้าสั่งสุกี้ยากี้ก็จะมีเส้นอูด้งหรือข้าวโอชะซึเกะ (Ochazuke) คือข้าวใส่น้ำซุปในกา ซึ่งที่นี่ทำเป็นหน้าเนื้อสับ มีข้าวพองญี่ปุ่นกรุบกรอบและบ๊วยกับวาซาบิเป็นเครื่องปรุงด้วย หากเลือกคอร์สน้ำซุปปูหรือคานิซุปทางร้านจะเสิร์ฟไข่ตุ๋นเส้นอุด้งโรยเนื้อปูหรือซูชิไข่หวานโปะเนื้อปู
ทางร้านนำเข้าเครื่องทำเส้นอูด้งมาที่เมืองไทยด้วย เส้นอูด้งร้านนี้จึงเหนียวนุ่มอร่อยและสดใหม่จริง ๆ
อย่าลืมเก็บท้องสำหรับของหวานที่มี 3 ชนิดให้เลือก คือ ไอศกรีม 3 รสชาติในถ้วยเดียว มีรสชาเขียว วานิลลา และแมคาเดเมียที่แสนจะหอมมัน หรือวาราบิโมจิรสชาเขียวกับไอศกรีมชาเขียว อีกทั้งชิราตามะอันมิตสึ (Shiratama Anmitsu) ใส่ขนมดังโงะ ก้อนแป้งลูกกลม
ๆ เสียบไม้ ไอศกรีม วุ้น ถั่วแดง และเกาลัดญี่ปุ่นเชื่อม มีน้ำเชื่อมสีเข้มหอมหวานให้ราดเพิ่มด้วย
ทุกวัน 11:00-22:00 น.
สาขาเกษรวิลเลจ ชั้น 3 เลขที่ 999 ถ.เพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษรวิลเลจ ฝั่งขวามือของบันไดเลื่อน