ส้มตำลุงหนวด

ร้านส้มตำลุงหนวดอยู่ในซอยโชคชัยร่วมมิตรหรือซอยวิภาวดี 16 จากปากซอยด้านถนนวิภาวดีรังสิตเข้าไปไม่กี่ร้อยเมตร อยู่ริมซอยฝั่งขวา เลยปากซอย 16/10 ไปหน่อย

เจ้าของร้านมีชื่อว่าคุณชัชวาล เทศแก้ว เป็นคนขอนแก่น ได้ภรรยาเป็นคนยโสธร เปิดขายในซอยนี้มานานกว่า 16 ปีแล้ว

เดิมเจ้านี้เริ่มจากรถเข็น จากนั้นขยับขยายมาอยู่ในเพิง ซึ่งย้ายที่มา 3 แห่งแล้ว คนซอยนี้มักเรียกว่าร้านใต้ต้นมะขามเทศ เพราะเคยขายอยู่ใต้ต้นมะขามจริง ๆ ในที่สุดก็มีตึกแถว 1 คูหาเล็ก ๆ เป็นของตัวเองได้ 7 ปีแล้ว เลยตั้งชื่อว่าส้มตำลุงหนวดตามคาแรกเตอร์ของเจ้าของร้าน

ขอแนะว่าเวลามาชิมร้านนี้ควรมาเร็วหน่อยก่อน 6 โมงเย็น โดยร้านจะเปิดตอนบ่าย 4 โมงจนถึงเที่ยงคืน พอใกล้ทุ่มผู้คนต่างก็ทยอยจับจองโต๊ะจนแน่นขนัด ถ้ามาช้าเดี๋ยวจะเป็นลมเสียก่อน

มาแล้วอยากกินอะไรก็จดใส่กระดาษสั่งเองเลย ดูในเมนูแผ่นใหญ่กันได้ เริ่มจากหมวดส้มตำ ไม่ได้ชิมส้มตำไทยไข่เค็มเมนูยอดฮิตของร้านเหมือนมาไม่ถึงนะจ๊ะ ส้มตำมะละกอกรอบ ๆ พันธุ์ดำเนิน ปรุงด้วยมะนาวแท้ ใส่มะนาวฝานทั้งเปลือก และกุ้งแห้งคัดแต่ตัวใหญ่ ๆ แบน ๆ ไม่ใช่ชนิดเนื้อเยอะ รสชาติกลมกล่อมครบทุกรสเปรี้ยวเค็มหวาน แต่ไม่หวานมากตามแบบฉบับอีสาน กินแล้วสดชื่นที่สุด

ตำอื่น ๆ ก็มีครบทั้งตำปูปลาร้า ตำแตง ตำโคราช (ตำไทยใส่ปลาร้า) ซึ่งน้ำปลาร้านั้นนำมาต้มและปรุงรสเพิ่ม รสไม่เค็มมาก เคล็ดลับคือใส่น้ำกระเทียมดองหวานหอมลงไปด้วย ซึ่งน้ำกระเทียมดองนี้ยังเอาไปหมักกับของย่างต่าง ๆ ใส่ในลาบ ในน้ำตก เพื่อเพิ่มความหอม

พูดถึงของย่าง มาร้านนี้ไม่มีผิดหวัง ห้ามพลาดเมนูเนื้อคลุกฝุ่นย่าง ที่คุณชัชวาลตั้งชื่อว่าหนุมานคลุกฝุ่น ทำได้ทั้งหมูและเนื้อ เอามาคลุกกับข้าวคั่ว พริกป่น และเครื่องหอม ๆ ทั้งรากผักชีไทยและกระเทียม แล้วนำไปย่างไม่ให้สุกมากจนดำ ให้ยังมีสีอ่อน ๆ อยู่ รสชาติหอมหวนเข้าเนื้อที่สุด แต่ไม่เผ็ดมาก (หรือจะสั่งเอาเผ็ดก็ได้) จิ้มกินกับแจ่ว 2 แบบ ใครชอบรสอีสานแท้ ๆ ให้จิ้มกับแจ่วขม ซึ่งผสมเพี้ยกับดีอย่างละครึ่ง จิ้มแล้วขม ๆ หอม ๆ เผ็ด ๆ เพี้ยคือขี้เพี้ยหรือกากอาหาร ได้มาจากลำไส้อ่อนของวัว ดีก็คือน้ำดีวัว ได้จากถุงน้ำดี ใครที่ชอบกินอะไรท้าทายรับรองต้องติดใจเหมือนผม แต่ถ้าไม่กล้าลองก็มีแจ่วใส่พริกป่นแบบปกติให้จิ้มด้วย รสดีเช่นกันเพราะใส่ทั้งมะนาว มะขามเปียก และน้ำกระเทียมดองอีกต่างหาก

ไส้หมูย่างที่นี่ก็สดอร่อย ชิ้นโตเคี้ยวได้เต็มคำ เสือร้องไห้ติดมันหอมกรุ่นชุ่มฉ่ำ ไม่กินเนื้อก็มีหมูร้องไห้ด้วย เมนูย่าง ๆ มีอีกมากมายทั้งนมหมูย่าง เซ่งจี๊หมูย่าง ตับหมูย่าง ผ้าขี้ริ้ววัวย่าง คอหมูย่าง ปลาดุกย่าง มีแม้กระทั่งคันนาย่าง ซึ่งคือส่วนของกระเพาะวัวที่เป็นลอน ๆ

ต่อกันด้วยเมนูลาบ เราสั่งลาบเป็ดของโปรด หอมกลิ่นข่าทุบแล้วสับละเอียด ใส่รากผักชี หอมแขก สูตรนี้ไม่ใส่หนังเป็ดจะได้ไม่มันมาก ลาบปลาดุกก็น่าลิ้มลอง ใช้ปลาดุกตัวเล็ก ๆ เนื้ออร่อยกว่าตัวใหญ่ ย่างแล้วแกะเนื้อสับพร้อมครีบ มีลาบแล้วก็มีก้อยด้วย ก้อยจะหั่นเป็นชิ้น ๆ แตกต่างจากลาบที่สับเนื้อเลย ที่นี่มีทั้งลาบและก้อยสุกและดิบ สั่งแบบเปรี้ยวปรุงด้วยมะนาว หรือเอาแบบขมก็ใส่ดีให้แทนมะนาว

ลวกจิ้มก็น่ากิน เราสั่งเนื้อน่องลายลวกจิ้ม ได้เคี้ยวเนื้อเด้ง ๆ ดี เติมเลือดให้มีสีเข้ม ปรุงด้วยตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแขก พริก และต้นหอม แซ่บอีหลีหอม ๆ

ปิดท้ายด้วยของซด ๆ จิ้มจุ่มรวม เครื่องมีทั้งเนื้อวัว เนื้อหมู ตับหมู และผ้าขี้ริ้ว น้ำซุปถ้าสั่งเนื้อก็ใส่น้ำต้มกระดูกวัว สั่งหมูก็เป็นน้ำซุปกระดูกหมู ปรุงด้วยข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแขก ยกมาในหม้อดินบนเตาถ่านร้อนระอุเรียกเหงื่อดี ใส่วุ้นเส้น ผักบุ้ง ขึ้นฉ่าย ผักกาด กะหล่ำปลี ใส่ไข่ 1 ฟอง จิ้มกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด ขอใช้คำวัยรุ่นว่าฟินเว่อร์

จริงแล้ว ๆ ยังมีเมนูแซ่บอีหลีอีกมากมาย แดดร่มลมตกเมื่อไหร่รีบไปชิม จอดรถริมถนนได้เลย รีบไปก่อนตะวันตกดินยิ่งดี จะได้ไม่ต้องเล่นเก้าอี้ดนตรีนะจ๊ะ