เจ้าตำนานหัวปลาหม้อไฟขนานแท้แบบแต้จิ๋วที่ถือเป็นร้านเชลล์ชวนชิมรุ่นแรก ขนานแท้ลำดับที่ 5
หัวปลาต้มในหม้อไฟที่มีถ่านลุกแดงตรงกลาง น้ำแกงเดือดคลั่ก ๆ ตักเนื้อปลาที่มีทั้งส่วนที่เป็นเนื้อ ๆ และส่วนหัวแบ่งเป็นชิ้นยาว ๆ เต็มหม้อไฟ นักชิมชื่นชอบยิ่งนักเพราะได้แทะเพลิน ถึงจะเป็นปลาน้ำจืดก็ไม่มีกลิ่นคาวกลิ่นโคลนเลย จิ้มกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวและน้ำจิ้มซีฟู้ด อร่อยเหาะสุดยอด
ตั้งจั๊วหลี เปิดมานานร่วม 80 ปี ถือเป็นร้านเชลล์ชวนชิมรุ่นแรกที่คุณชายถนัดศรีเคยไปชิมตั้งแต่ปี 2504 ปัจจุบันร้านตั้งอยู่ริมถนนข้าวหลาม ตรงข้ามซอยสุกร 1 จุดสังเกตคือด้านหน้ามีป้ายชื่อร้านตั้งจั๊วหลี คู่กับรูปหม้อไฟ ร้านนี้สืบทอดมาจนถึงรุ่นที่ 3
กิจการเจริญรุ่งเรืองจนมีร้านใหญ่ขนาด 4 คูหา มีลูกค้าอุดหนุนอย่างคับคั่ง
หัวปลาหม้อไฟยังเป็นเมนูเด็ดสั่งกันแทบทุกโต๊ะ ทางร้านได้พัฒนาสูตรใหม่ ๆ ขึ้นมาอีกหลายสูตรจากเดิมที่มีหัวปลาใส่ผักกาดขาวเพียงอย่างเดียว ดังนั้นถ้ามาตั้งจั๊วหลีแล้วไม่ได้ชิมหัวปลาหม้อไฟ เหมือนมาไม่ถึงร้านนะจ๊ะ จากเมนูดั้งเดิมหัวปลาหม้อไฟผักกาดขาว
ในภายหลังได้เพิ่มมาอีก 3 สูตรคือหัวปลาเผือก หัวปลาต้มยำ และหัวปลาบ๊วยขิง ปลาจีนที่ใช้เป็นปลาซ่งฮื้อ
มีทั้งส่วนที่เป็นเนื้อ ๆ และส่วนหัวแบ่งเป็นชิ้น ๆ ยาว ๆ เต็มหม้อไฟ นักชิมชื่นชอบยิ่งนักเพราะได้แทะเพลิน ถึงจะเป็นปลาน้ำจืดก็ไม่มีกลิ่นคาวกลิ่นโคลนเลย จิ้มกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวและน้ำจิ้มซีฟู้ด อร่อยเหาะสุดยอด
ส่วนน้ำซุปทำจากน้ำต้มกระดูกหมูหอมหวานมีรสมีชาติ ซึ่งสูตรที่ขายดีอันดับหนึ่งคือหัวปลาเผือก ใส่เผือกทอดลงไปด้วยในปริมาณพอเหมาะ ไม่เยอะจนเกินไปเหมือนร้านสมัยใหม่บางร้าน เพราะเขาต้องการเน้นให้หัวปลาคือพระเอก
ถ้าอยากได้รสชาติเบา ๆ ให้สั่งสูตรผักกาดขาวดั้งเดิมเพราะใส่ผักลงไปเยอะ โดยทั้งหัวปลาเผือกและหัวปลาผักกาดขาว สามารถสั่งเครื่องเคียงมาเพิ่มได้ต่างหากเช่น ปวยเล้ง เห็ดหอม ใบตั้งโอ๋ (มีปีละ 4 เดือน) แต่จะไม่เหมาะกับสูตรต้มยำและบ๊วยขิงเพราะต้องการให้ชิมกับน้ำซุปรสจัด ๆ มากกว่า อีกอย่างที่ชอบมากคือร้านนี้ยังใส่ถ่านลุกแดงตรงกลางหม้อไฟสำหรับให้ความร้อน ไม่ได้ใช้แอลกอฮอล์จึงไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์
ของอร่อยอีกอย่างเป็นเมนูที่หากินได้ยาก คือปลาดิบของจีนหรือฮื่อแซ เนื้อปลาดิบเฉาฮื้อ เนื้อสีขาวอมชมพูแล่ชิ้นบาง ๆ จัดเรียงเต็มจาน เนื้อปลาสดไม่มีกลิ่น โรยด้วยงาคั่ว กินคู่กับผักขึ้นฉ่าย แตงกวา ไชเท้า ผักกาดหอม สับปะรด และหัวไชโป๊วหั่นฝอย จิ้มด้วยน้ำจิ้มบ๊วยเจี่ยใส่ถั่วตัดผสมกับงาน้ำตาล น้ำบ๊วย มีรสหวานอมเปรี้ยว ใครกินของดิบได้ขอให้ลอง เมนูเก่าแก่อื่น ๆ มี ไส้หมูทอดกรอบ ๆ ใครนิยมเครื่องในคงจะถูกใจเป็นแน่
นอกจากนี้ยังมีออส่วน ทำจากหอยนางรมตัวค่อนข้างใหญ่สด อร่อยมาก ๆ เช่นกัน ส่วนของกินเล่นแฮ่จ๊อ ซึ่งต่างจากฮ่อยจ๊อ เพราะทำจากกุ้งผสมมันหมู แห้วและเห็ดหอมแทนที่จะเป็นปู ตามด้วยผัดโป๊ยเซียน ใส่เครื่องหลากหลายทั้ง เอ็นหมู กุ้ง ปลาหมึก ตีนเป็ด ไส้ตัน แมงกะพรุน
ถั่วงอก ขึ้นฉ่าย จานนี้รสชาติดีที่สุดไม่ควรพลาด ตบท้ายด้วยของอร่อยสุด ๆ ได้แก่ หมี่ผัดแห้งฮ่องกง หมี่เหลืองผัดแห้งใส่ไก่กับกุ้ยช่ายขาว ปรุงด้วยเหล้าจีนหอม ๆ ผัดเส้นให้ไหม้นิดหน่อย เวลากินให้ปรุงด้วยจิ๊กโฉ่วเปรี้ยวหอม
ส่วนของหวานนั้นต้องลองชิมกะลอจี๊ร้อน ๆ ของหวานอย่างนี้หากินที่อื่นไม่ค่อยได้ แถมยังกินเพลิน กะลอจี๊ที่นี่เป็นชนิดต้ม ซื้อกลับบ้านเก็บได้นาน 3 วัน เมนูอื่น ๆ ยังมีอีกเยอะ ทั้งเป๋าฮื้อ หูฉลาม ขาห่าน กุ้งอบวุ้นเส้น แพะเย็น โหงวก๊วย ปลาจะละเม็ด
เหมาะสำหรับมากินเลี้ยงกันเป็นหมู่คณะ รับรองแขกเหรื่อต้องติดใจไปตาม ๆ กัน
วันจันทร์–ศุกร์ เวลา 11:00-14:00 น. และ 17:00-21:30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10:00-21:30 น.
2214-16 ถนนข้าวหลาม แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100
ริมถนนข้าวหลาม ตรงข้ามกับซอยสุกร 1 หน้าร้านทาด้วยสีแดงโดดเด่น และมีป้ายหน้าร้านชื่อร้านตั้งจั๊วหลีคู่กับรูปหม้อไฟ