ทอรี่ ไอศกรีม (Torry’s Icecream)

สิ่งที่ขาดไม่ได้เวลามาเที่ยวภูเก็ตก็คือการเดินเล่นเที่ยวชมย่านเมืองเก่า และจุดที่ฮ็อตฮิตติดอันดับในยามนี้ก็คือซอยรมณีย์ ซึ่งเป็นซอยที่เชื่อมระหว่างถนนถลางและถนนดีบุกในเขตเมืองเก่าของภูเก็ต ตึกเก่าสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีสที่เคยเป็นสถานเริงรมย์ในอดีต ได้มีการแต่งแต้มสีสันสดใสกลายเป็นร้านรวงดูคึกคัก ช่วงก่อนหน้านี้นักท่องเที่ยวต่างแห่แหนมาถ่ายรูปกันล้นหลาม มาที่ซอยรมณีย์ แล้วถ้าไม่ได้แวะมาชิมไอศกรีมที่ร้านทอรี่ ไอศกรีม (Torry’s Ice cream) ก็เหมือนมาไม่ถึงภูเก็ตทีเดียว ด้วยจุดขายซึ่งมีรสชาติไอศกรีมพัฒนามาจากขนมพื้นเมืองภูเก็ต ร้านทอรี่ส์ได้กลายเป็นร้านยอดนิยมขึ้นชื่อตั้งแต่แรกเริ่มเปิดร้านขายไอศกรีมเต็มรูปแบบเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ทีเดียว (ก่อนหน้านี้เปิดขายส่งไอศกรีมเมื่อตุลาคม 2558) ร้านทอรี่ ไอศกรีมนี้ตั้งชื่อมาจากชื่อเจ้าของร้าน น้องทอรี่ ต่อพงศ์ วงศ์วัฒนกิจ พิถีพิถันในการคิดค้นสูตรไอศกรีมเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และตกแต่งร้านได้อย่างเก๋ไก๋ มีกลิ่นอายของภูเก็ตในยุคเก่า ดูดีแม้กระทั่งภาชนะที่เลือกใส่ไอศกรีม

แต่ละวันจะมีไอศกรีมกว่า 30 รสชาติ หมุนเวียนเปลี่ยนไปตลอด เอกลักษณ์ที่เป็นจุดเด่นของร้านทอรี่ก็คือ น้องทอรี่จะสร้างสรรค์รสชาติไอศกรีมโฮมเม้ดซึ่งพัฒนามาจากขนมพื้นเมืองของคนภูเก็ต โดยไม่มีการแต่งกลิ่นแต่งสีใด ๆ แค่ได้ยินชื่อก็อยากจะสั่งมาลิ้มลองให้ครบทุกรสชาติ มาแล้วห้ามพลาดขนมพื้นเมืองภูเก็ตที่มีชื่อเรียกเป็นภาษาจีนฮกเกี้ยนว่าบี๊โก่หมอย (95 บาท) (แปลตรงตัวว่าข้าวเหนียวต้ม)หรือข้าวเหนียวดำเปียกราดน้ำกะทิเค็ม ๆ หอม ๆ ซึ่งคุณแม่ของน้องทอรี่ลงมือทำเอง เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมกะทิอัญชัน ช่างเข้ากันดีจริง ๆ ต่อด้วยไอศกรีมโอ้เอ๋วหรือโอ๊เอ๋ว (95 บาท) ประกอบด้วยไอศกรีมซอร์เบท์ (Sorbet) ไขมัน 0 % รสโอ๊เอ๋วใส่ถั่วแดง กินกับโอ๊เอ๋ว ของหวานพื้นเมืองที่ทำจากวุ้นซึ่งได้จากเมล็ดโอ๊เอ๋วผสมกับเมือกของกล้วยน้ำว้า ใส่ผงเจี่ยกอเพื่อให้โอ๊เอ๋วเกาะตัวเป็นก้อน แต่งกลิ่นด้วยนมแมวตามสูตรดั้งเดิม และใส่ถั่วแดงลงไปด้วย หรือจะลองไอศกรีมอาโปงหรืออ่าโป๊ง (95 บาท) มีขนมอ่าโป๊งที่ทำจากกะทิและแป้ง เป็นแผ่นม้วนหน้าตาคล้ายขนมถังแตกหรือเคร้ปม้วน ซึ่งจะทำบนเตาถ่านจริง ๆ กินคู่กับไอศกรีมอาโป๊งทำจากน้ำกะทิผสมมะพร้าว และใส่เนื้อขนมอ่าโป๊งลงไปในเนื้อไอศกรีม

และเมนูที่รวมสารพัดขนมพื้นเมืองภูเก็ตอย่างแห้งในถ้วยเดียวคือ Phuket Treasure (150 บาท) มีทั้งขนมถั่วทอด ผ่างเปี๊ยที่เป็นไส้เค็มทำสัญลักษณ์ด้วยจุดสีแดง ขนมหน้าแตก ขนมพริก ต่าวซ้อ ขนมบู๊หลู้หรือขนมไข่ ขนมงาพอง บี๊พ้างหรือข้าวพองทอด และก้องถึงหรือตุ้บตั้บ เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมน้ำผึ้ง (Honey Graham) ซึ่งน้องทอรี่จะทยอดออกไอศกรีมขนมพื้นเมืองรสชาติใหม่ ๆ อยู่เสมอ อย่างเช่นคราวนี้ได้นำขนมต่าวซ้อที่คล้ายขนมเปี๊ยะลูกเล็ก ๆ มาพัฒนาเป็น ไอศกรีมขนมต่าวซ้อไส้เค็ม (150 บาท) มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของพริกไทยถูกใจมาก ทำเป็นก้อนเล็ก ๆ หยิบกินได้ทั้งก้อนเลย นอกจากนี้ก็มีไอศกรีมขนมต่าวซ้อไส้หวาน (150 บาท) อีกด้วย อีกเมนูที่ประทับใจว่าคิดได้ไง คือการนำส้มควายรสเปรี้ยว ๆ ที่ใส่ในแกงส้ม มาทำเป็นขนมส้มควายเชื่อมสามรสกับครีมชีสไอศกรีมเค้ก (190 บาท) รสเปรี้ยวอมหวานเข้ากับความหอมมันของครีมชีส และอีกอย่างที่คิดเก่งมากคือ ซีต่าวซ้อ (ขนมหน้าแตก) ไอศกรีมเค้กราดซอสซีต่าวซ้อ (190 บาท) โรยหน้าด้วยขนมหน้าแตกป่น ๆ น้องทอรี่สนับสนุนการใช้วัตถุดิบจากชุมชนต่าง ๆ ด้วย ดังเช่นไอศกรีมสับปะรดภูเก็ตซอร์เบท์ราดน้ำปลาหวานสไตล์ภูเก็ต (95 บาท) เป็นผลผลิตของชุมชนสับปะรดภูเก็ต (เรียกว่าอ่องหลาย) สุดยอดความคิดสร้างสรรค์ต้องยกให้ร้านนี้เลย