ครัวมรกต

จังหวัดปทุมธานีอุดมไปด้วยร้านอาหารไทยพื้นบ้านเด็ดๆ มีหลายร้านที่หน้าตาธรรมดาเสียจนคนต่างถิ่นอย่างเราคงจะขับผ่านเลยไป ไม่มีทางดูออกว่าร้านนี้มีดีแฝงอยู่ โชคดีที่เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ได้เจ้าถิ่นอย่างคุณหนู หลานกำนันสง่า ผู้เติบโตมาในถิ่นนี้ แนะนำให้เราได้พานพบกับครัวมรกต ร้านอาหารไทยพื้นบ้านภาคกลางแสนอร่อย เปิดมานานกว่า 5 รุ่นแล้ว

ครัวมรกตหาง่ายมากเพราะอยู่ริมถนนรังสิต-นครนายก พอวิ่งผ่านศูนย์ราชการธัญบุรี ข้ามสะพานคลอง 6 มานิดเดียวก็จะเห็นร้านครัวมรกตอยู่ทางซ้ายมือ ให้เลยไปจอดรถที่ลานจอดรวมซึ่งอยู่ใกล้กับลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 หน้าสถานีตำรวจธัญบุรี และศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดปทุมธานี แล้วเดินย้อนกลับมานิดเดียว สภาพร้านเป็นเรือนไม้เก่าๆพื้นไม้กระดานหลังคามุงสังกะสี แต่มีเสน่ห์ล้นเหลือ 

ร้านครัวมรกตนี้เป็นร้านไทยพื้นบ้านเก่าแก่อยู่คู่กับธัญบุรีมาช้านาน นานขนาดที่ว่าเจ้าของร้านรุ่นที่ 4 พอเห็นหน้าผมก็ทักทันทีว่าบิดาข้าพเจ้า คุณชายถนัดศรี สมัยหนุ่มๆ(ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้จัดการผลประโยชน์ของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช ไปเก็บค่าเช่านาแถวนั้น) ยังเคยแวะมากินไก่อบฟางกับแกงป่าไก่ที่นี่แล้ว(บริเวณใกล้กันเป็นร้านของน้าชายชื่อว่าร้านตี๋ ยังมีป้ายเชลล์ชวนชิมรุ่นเก่าติดไว้เลย)

ปัจจุบันร้านครัวมรกตทำกันในหมู่พี่น้องเหลือ 4 คน(พี่สาวคนโตได้จากไปแล้ว) มีพี่สาวคนที่ 2 อายุ 75 ปี พี่สาวคนที่ 3 คือคุณมรกต แซ่ลิ้ม อายุ 71 ปี และมีคุณประสิทธิ์ ประภาสะวัต อายุ 68 ปีน้องชายคนที่ 4 รับหน้าที่ว่าการในครัวแทน ร่วมกับน้องสาวคนเล็ก คุณประภาศรีที่อายุ 62 ปีแล้ว แต่ดีใจที่มีหลานสะใภ้รุ่นที่ 5 มาเตรียมฝึกปรือเพื่อรับช่วงทำร้านต่ออีกด้วย

กับข้าวของร้านมรกต เน้นวัตถุดิบพื้นบ้านตามฤดูกาล เมนูขึ้นกระดานไว้ไม่เกิน 20 อย่าง ถ้ามีอะไรพิเศษก็จะบอกเรา ข้อแนะนำควรโทรมาจองอาหารก่อนล่วงหน้า และเพื่อจะได้สอบถามว่าปิดไปทำธุระที่ไหนหรือเปล่า(นอกเหนือจากที่หยุดทุกวันจันทร์

ถ้าอยากชิมกุ้งแม่น้ำควรโทรมาก่อน 1-2 วัน เพื่อให้ที่ร้านหากุ้งแม่น้ำให้ ซึ่งราคาจะขึ้นลงแล้วแต่ที่หามาได้ ขอแนะนำห้ามพลาดกุ้งแม่น้ำสามรส (ราคาตามขนาด วันนี้ได้ตัวใหญ่ขนาด 4 ตัวต่อกิโลกว่า คิดตัวละ 600 บาท)ถึงเครื่องพริกสดและกระเทียม ครบสามรสเข้มข้นอร่อยเด็ด น้ำราดปรุงรสด้วยกระเทียม พริกขี้หนู น้ำส้มสายชู น้ำปลา น้ำตาลนิดหน่อย(ร้านนี้อาหารไม่หวานมาก ถูกใจที่สุด) เอาน้ำราดกับมันกุ้งเยิ้มๆคลุกข้าวผสมกัน อร่อยอย่าบอกใคร

อีกทั้งตอนนี้ยังมีเมนูดังเพิ่มเติมควบคู่กันไปด้วย คือกุ้งแม่น้ำทอดกระเทียม (ตัวละ 600 บาท แล้วแต่ขนาดที่ได้) หนักเครื่องกระเทียมมากๆ เอามาคลุกข้าวได้จุใจ ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดเพิ่มความโอชะ

เมนูทอดกระเทียมดังในยุคนี้มีอีกอย่างคือ ตับหมูทอดกระเทียม(200 บาท) ใช้ตับแป้งนุ่มๆมาทำ ปรุงถึงเครื่องกระเทียมเช่นกัน ห้ามพลาดเลยนะจ๊ะ

อีกอย่างที่พวกเราชอบกันมากคือของกินเล่น ทอดมันปลาฉลาด(200 บาท)(ที่ร้านตั้งชื่อว่าทอดมันปลากราย) หนีบอร่อยมาก เนื้อจะนิ่มกว่าปลากรายเล็กน้อย เครื่องแกงเข้มข้น อีกทั้งมีทีเด็ดอยู่ที่น้ำจิ้มซึ่งต้องเคี่ยวน้ำตาลปี๊บกับน้ำส้มสายชู น้ำตาล เกลือ นาน 3 ชั่วโมง โรยด้วยแตงกวากับถั่วตัดบดแบบโบราณ  

ของอร่อยพื้นบ้านซี่งเดี๋ยวนี้นานๆถึงจะมีทีคือปลาช่อนแดดเดียว(จานนี้ 450 กรัม 400 บาท) ตากอยู่ในกระด้งริมทางนั่นแหละ ปรุงด้วยน้ำปลา แล้วนำไปปทอดจนหอมอร่อย  เอาไว้กินแกล้มกับของเผ็ดเมนูอื่นๆ 

เมนูประจำร้านอีกอย่าง ซึ่งลูกค้าขาประจำตั้งชื่อเมนูนี้ให้ว่า หมูแดงสูตรซัวเถา(จานเล็ก 150 บาท) แขวนเรียงรายอยู่ในตู้หน้าร้านเพราะบ้านเดิมของเตี่ยเจ้าของร้านอยู่ที่ซัวเถา หมูแดงหอมอร่อย ใช้ส่วนสันคอหมักค้างคืนมีน้ำผึ้งเป็นส่วนผสมด้วย ย่างเตาถ่านนาน 4-5 ชั่วโมง (สนนราคากิโละ 600 บาท)

อาหารที่มีเครื่องแกงก็ใช้ได้เช่นกัน ที่นี่ตำเครื่องแกงเอง โดยทุกอย่างต้องชั่งเป๊ะๆ สั่งทีก็ตำครกทีเสียงดังโป๊กๆอยู่ในครัว ต้องลองชิมแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลาฉลาด ญาติปลากราย(200 บาท) ตำเนื้อปลาในครกจนได้ลูกชิ้นเหนียวหนึบ  

น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีของอร่อยเด็ดดั้งเดิมแล้ว คือห่อหมกปลาช่อนเนื่องจากหาวัตถุดิบปลาช่อนนาจากในคลองยากมาก และเจ้าของร้านบอกว่าทำทีนึงต้องใช้เวลา 3 วัน 

พูดถึงปลาช่อน วันนี้โชคดีโทรล่วงหน้ามาขอให้ที่ร้านหาปลาช่อนนามาได้ 1 ตัว นำไปทำเมนูที่เดี๋ยวนี้นานๆถึงจะมีกิน ต้มยำเนื้อและพุงปลาช่อนหม้อไฟ(350 บาท) เนื้อปลาช่อนสดมากไม่เหม็นโคลนเลย นำมาล้างน้ำขูดเลือดออกนานถึง 2 ชั่วโมง จนสะอาด ปรุงต้มยำใส่พริกแห้งคั่ว รสชาติเปรี้ยวเค็มจี๊ดจ๊าด แถมพุงปลาช่อนมาให้ 1 ชิ้น

มาที่ร้านนี้แค่กินไข่เจียวหมูสับ(150 บาท) ฟูๆก็มีความสุขล้นเหลือแล้ว เคล็ดลับคือใช้ไข่เป็ดผสมไข่ไก่  ทอดไฟแรง น้ำมันเยอะ ตอนเทไข่มีจังหวะเทแล้วสะบัดดึงกลับนิดหน่อย ลองขอเข้าครัวไปดูกันนะจ๊ะ

มีปลาหายากอีก 2 ชนิด ที่ควรโทรมาถามล่วงหน้าหลายๆวันให้ที่ร้านหาให้ คือปลาเนื้ออ่อนและปลาแดง(ขีดละ 100 บาท) ถ้ามีให้สั่งทำฉู่ฉี่หรือปลาทอดกระเทียมเลยนะจ๊ะ น้ำฉู่ฉี่เครื่องแกงไม่เผ็ดมาก(ชอบเผ็ดบอกได้)ใส่หัวกะทิคั้นเอง รสนุ่มนวลหอมกะทิ ซึ่งเดี๋ยวนี้ตามปกติจะมีเมนูฉู่ฉี่เนื้อปลากะพง (400 บาท)แทน

ปิดท้ายด้วยเมนูชื่อเพราะ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมัยก่อนตั้งชื่อให้ว่า เต้าหู้หนวดมังกร(100) บาท) คือเต้าหู้ไข่ทอดผัดกับถั่วงอกและเห็ดชิเมจิ 

นี่คือร้านพื้นบ้านย่านคลอง 6 ธัญบุรีที่สมควรตามมาลิ้มลอง ร้านเปิดเฉพาะตอนกลางวัน ตั้งแต่ 10 โมงครึ่งถึงบ่าย 4 โมง หยุดทุกวันจันทร์ ควรโทรจองและสั่งอาหารก่อนล่วงหน้าที่เบอร์ 0-2904-7955 และ 089-774-3160