23/08/2567

อัล ราฮามัน(Al-Rahaman)

อาหารของเขาเป็นแบบโฮมคุกสไตล์ที่เขาชอบกิน โดยเป็นการผสมผสานระหว่างอาหารของอินเดียตอนเหนือ ปากีสถาน และบังคลาเทศเข้าด้วยกัน ถือเป็นร้านอาหารฮาลาลสำหรับชาวมุสลิมด้วย
Blog Teaser Moblie

คราวนี้มีร้านอาหารอินเดียสุดแสนประทับใจมาฝาก เป็นร้านเล็กๆหน้าตาธรรมดาๆอยู่ในซอยพุทธโอสถซึ่งเป็นอีกย่านพำนักอาศัยของชาวอินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ ถ้าไม่มีคนแนะนำ คงจะเดินผ่านไปไม่สะดุดตาอย่างแน่นอน

ร้านนี้ทำอาหารอินเดียได้รสชาติเข้มข้นถูกใจ หอมเครื่องเทศตลบอบอวลแต่มีความกลมกล่อมไม่แรงจนเกินไป มือใหม่หัดชิมสมควรมาลิ้มลอง ยิ่งเป็นคนชอบอาหารประเภทนี้ก็ต้องมาชิมให้จงได้ ร้านนี้มีชื่อว่า อัล ราฮามัน(Al-Rahaman)

อัล ราฮามัน(Al-Rahaman) คือสุดยอดร้านอาหารอินเดียซึ่งฮ็อตฮิตมาแรงที่สุดในเวลานี้ วันเสาร์-อาทิตย์มีคนมายืนรอต่อคิวกันแน่นขนัดทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยรุ่น(ผู้ที่จุดกระแสไม่ใช่ใครที่ไหนคือน้องอาร์ต ภาคภูมิแห่งร้านเจริญพุง ผู้ซึ่งพาผมมาชิมถึงที่) ถือว่าเป็นร้านอาหารอินเดียซึ่งอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาทีเดียว เปิดมานาน 9 ปีแล้ว

ก่อนอื่นขอบอกทางไปร้าน Al-Rahaman อยู่ในห้องแถวเล็กๆคูหาเดียว(ร้านแรก)ในซอยพุทธโอสถ ฝั่งขวามือของซอยวันเวย์ช่วงก่อนจะออกไปสู่ถนนมหาเศรษฐ์ 

ซอยพุทธโอสถนั้นมีทางเข้าที่ลึกลับมาก คือต้องเข้าจากถนนสุรวงศ์ช่วงเกือบสุดทาง แล้วเลี้ยวขวาเข้าด่านทางด่วน ชิดขวาสุด พอก่อนจะถึงด่านเก็บเงินจะมีซอยแยกออกทางขวาเป็นซอยแคบๆ ซอยนี้แหละที่จะหักขวาไปตามทาง ออกไปสู่ร้าน Al-Rahaman

แต่ช้าก่อน ห้ามจอดในซอยนี้เป็นอันขาด มิฉะนั้นโดนล็อคล้อเป็นแน่ ต้องไปจอดรถที่ใต้ทางด่วนในซอยเจริญกรุง 43 ให้วิ่งมาจนสุดถนนสุรวงศ์ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนเจริญกรุง จากนั้นชิดเลนขวาไว้ มาอีกนิดเดียวให้เลี้ยวขวาเข้าซอยเจริญกรุง 43 ที่อยู่เยื้องกับ CAT เทเลคอม เข้าไปแล้วจะเห็นที่จอดรถอยู่ทางด้านขวาอยู่ใต้ทางด่วน โดยเสียค่าจอดชั่วโมงละ 20 บาท

ออกจากที่จอดรถแล้วเดินเลี้ยวขวา ผ่านตึกคลังสินค้าอาหาร เลี้ยวเข้าซอยแรกขวามือตรงทะลุไปออกซอยพุทธโอสถ ซึ่งร้านใหม่จะอยู่ในซอยนี้ อยู่ในตรอกเล็กๆด้านซ้ายมือตรอกสุดท้าย ก่อนออกไปซอยพุทธโอสถ เป็นตึกแถวสีเหลืองมี 2 ชั้น

เจ้าของร้าน Al-Rahaman เป็นเชฟชาวบังคลาเทศอารมณ์ดีชื่อว่าอับดุล รูฟ(Abdur Rouf) มาจากกรุงธากา(Dhaka) เมืองหลวงของประเทศบังกลาเทศ เชฟรูฟพอพูดไทยได้บ้าง เล่าให้เราฟังว่าอาหารของเขาเป็นแบบโฮมคุกสไตล์ที่เขาชอบกิน โดยเป็นการผสมผสานระหว่างอาหารของอินเดียตอนเหนือ ปากีสถาน และบังคลาเทศเข้าด้วยกัน ถือเป็นร้านอาหารฮาลาลสำหรับชาวมุสลิมด้วย

เชฟรูฟเอาใจลูกค้าสุดๆ ถ้าใครมาครั้งแรก เขาจะตักแกงต่างๆใส่ภาชนะกระทะเล็กมาให้เราชิมว่าเผ็ดไปหรือไม่ สามารถปรับได้ตามใจชอบ สำหรับผม รสชาติที่เชฟรูฟทำมาถูกใจอยู่แล้วไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรเลย

เมนูของร้าน Al-Rahaman มีครบถ้วนทุกหมวดหมู่ คัดมาแต่ที่ตัวเองทำอร่อยประมาณ 60 กว่าอย่าง เริ่มกันด้วยของกินเล่นเมนูใหม่ ปานิปุรี(Panipuri) (6 ลูก 60 บาท) เป็นแป้งทอดทำจากแป้งสาลีลูกกลมๆกลวงๆเจาะรูใส่ไส้ที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศและถั่วลูกไก่หรือชิกพี(Chick Pea) ไข่ต้ม ผักชี ปรุงรสจัดกำลังดี เปรี้ยวหอมเครื่องเทศนิดๆ กินแล้วสดชื่นหมดในพริบตา อีกอย่างคือซาโมซา(Samosa)ไส้ไก่(80 บาท) ชิ้นสามเหลี่ยมก็อร่อยถูกใจ

จากนั้นเชฟรูฟปรนเปรอพวกเราด้วยพาเหรดอาหารอินเดียจานหลักตระการตาหลากหลาย ล้วนแล้วแต่สุดยอดทุกอย่าง ที่ห้ามพลาดเป็นอันขาดคือ มัทท่อนซีคกะบับ(Mutton Seekh Kebab)(250 บาท) เชฟรูฟบอกว่าเมนูนี้ทำจากเนื้อแพะบด ปรุงรสด้วยเครื่องเทศแล้วเสียบไม้ย่างเป็นแท่งยาวเรียว เมนูนี้อร่อยไม่เหมือนร้านไหนๆ เพราะนุ่มชุ่มฉ่ำไม่แห้งด้วยการราดวิปปิ้งครีมผัดปรุงรสกับเนย ขอบอกว่าร้านนี้ทั้งเนื้อแพะ เนื้อแกะจะหอมอร่อยไม่มีกลิ่นสาบเลย นี่คือสาเหตุว่าทำไมพวกเราชาวไทยถึงแห่กันมากินมากขนาดนี้

มีเมนูพิเศษอลังการคือขาแพะย่างทั้งขา(1,500 บาท) กิน 7-8 คนได้สบาย ซึ่งต้องสั่งล่วงหน้า 1 วัน นุ่มหอมอร่อย ขอย้ำอีกครั้งว่าไม่มีกลิ่นสาบเลย

ของเหล่านี้ให้กินสลับกับแกงต่างๆที่ห้ามพลาดทั้งสิ้น ถูกใจอันดับหนึ่งคือแกงมาซาลาขาแกะทั้งขา(Mutton Leg Masala)(1,250 บาท) มาซาลารสเข้มข้นถึงใจ หอมเครื่องเทศอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา เนื้อขาแกะนุ่มๆหอมๆ คนไม่เคยกินแกะ ถ้าไม่บอกคงไม่รู้เลย ถ้าไม่กินแกะก็มีมาซาลาไก่ที่สามารถสั่งใส่ไก่ย่างครึ่งตัวหรือทั้งตัวก็ได้(300-500 บาท) และก็มีมาซาลากุ้งกับมาซาลาปูอีกด้วย

ต่อด้วยชิคเก้นติกก้ามาซาลา(Chicken Tikka Masala)(180 บาท) ใส่เนื้อไก่ชิ้นๆหมักเครื่องเทศและโยเกิร์ตแล้วนำไปย่าง ตัวแกงครีมๆหอมๆรสกลมกล่อมอมเปรี้ยวเล็กน้อยด้วยมะเขือเทศ เหมาะสำหรับมือใหม่หัดชิมอาหารอินเดีย ถือว่าร้านนี้ทำได้รสจัดกว่าร้านอื่นจริงๆ และมีบัตเตอร์ชิคเก้น(Butter Chicken)(180 บาท) คือแกงอีกอย่างที่รสนุ่มนวลกินง่ายเช่นกัน

แกงเหล่านี้ให้กินกับข้าวหมกบริยานี(Biryani) ทำจากข้าวบาสมาติเมล็ดเรียวยาวหอมอร่อย มีทั้งข้าวหมกไก่ กุ้ง แพะ(150-160-180 บาท) และที่เชฟรูฟเลือกให้พวกเราคือข้าวหมกบริยานีปลาจะละเม็ดดำ(Fish Biryani)(180 บาท) หอมเครื่องเทศกลิ่นไม่แรงจนเกินไป

หรือจะกินคู่กับแป้งนาน(Naan) อีกหนึ่งสุดยอดของความอร่อย ตัวแป้งนานหนาๆนุ่มเหนียว ให้สั่งมาทั้งนานกระเทียม(Garlic Naan)(40 บาท)แผ่นยักษ์ และชีสนาน(Cheese Naan)(30 บาท)

ส่วนเครื่องดื่มที่ชื่นใจมากคือ ลาสซีมะม่วง(Mango Lassi)(50 บาท)ปั่นกับโยเกิร์ต และลาสซี(Lassi)ปกติไม่ใส่ผลไม้ ทั้งชนิดหวานและเค็ม(40 บาท)รสเค็มอมเปรี้ยว

ยังมีของดีอีกเยอะที่อัล ราฮามัน สงสัยอะไรถามได้เลย ที่ร้านนี้อัธยาศัยใจคอดีมาก นี่คือร้านอาหารอินเดียซึ่งไม่ควรพลาดเลยทีเดียว ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 11 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม 

ตอนนี้เชฟรูฟมาเปิดร้านสาขาใหม่ใกล้กัน ตรงซอยที่เดินทะลุมาจากที่จอดรถ จุคนได้มากขึ้นราว 60 คน จะได้ไม่ต้องรอคิวนานเกินไปแล้วนะจ๊ะ

 

Arrow Page Up