ริมถนนลาดหญ้าไม่ไกลจากวงเวียนใหญ่ มีร้านกับข้าวสไตล์ไทย-จีนซึ่งมีทั้งเมนูบ้านๆทั่วไปและเมนูขึ้นเหลาระดับภัตตาคารที่ใช้ของทะเลชั้นดี แต่ราคาสบายกระเป๋า ร้านนี้มีชื่อว่าเจ๊เช็งโภชนา
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเจ้าของร้านนี้คือเจ๊เช็งหรือคุณพนมพร เหลืองบุศกร ในวัย 67 ปี แต่ยังกระฉับกระเฉงเป็นมือหนึ่งยืนผัดอาหารอยู่หน้าร้านเป็นหลัก มีผู้ช่วยที่อยู่ด้วยมานานหลายปี(7 ปี) เป็นมือสองช่วยเตรียมของต่างๆให้ เจ๊เช็งนั้นปรุงอาหารได้กลมกล่อมน่ารับประทาน รสชาตินุ่มนวลเช็งๆสไตล์จีนสมชื่อเจ๊เช็ง
แต่ก่อนนั้นเจ๊เช็งเปิดร้านอาหารตามสั่งเล็กๆเหมือนร้านทั่วไปอยู่แถวจุฬาซอย 12 และย้ายมาอยู่ที่ย่านลาดหญ้านานเกือบ 10 ปีแล้ว มีเมนูที่ใช้วัตถุดิบชั้นยอดเพิ่มขึ้นมาหลากหลาย จนกระทั่งมาดามตวงมาค้นพบจึงโด่งดังขึ้นชื่อ มีสื่ออื่นๆเชิญไปออกรายการโทรทัศน์ด้วย
ร้านเจ๊เช็งนี้หาไม่ยาก อยู่ในตึกแถว 2 คูหาริมถนนลาดหญ้า ใกล้ปากซอยลาดหญ้า 11 ตรงสะพานลอยคนข้าม โดยจะเปิดขายตั้งแต่บ่าย 4 โมงเย็นไปจนถึง 3 ทุ่มครึ่งของทุกวัน ช่วงเย็นหลังชั่วโมงเร่งด่วนสามารถจอดริมถนนได้ หรือถ้ามาเร็วตั้งแต่เปิดร้านให้ไปจอดรถที่ห้าง Platform วงเวียนใหญ่ แล้วเดินมาอีก 550 เมตร
ชั้นล่างของร้านทำเป็นห้องปรับอากาศแยกกันในแต่ละคูหา ด้านหน้าร้านเป็นทำเป็นครัวเปิด วางวัตถุดิบต่างๆให้เลือกชี้ได้เลย เมนูร้านนี้มีรูปภาพประกอบ ทำให้เลือกได้ง่าย มีลูกสาวเจ๊เช็งชื่อน้องเหนยคอยรับออร์เดอร์
มาร้านเจ๊เช็งมีของกินง่ายๆที่ห้ามพลาด หมูกรอบทอด(160 บาท) กรอบนอกนุ่มในชุบแป้งทอดบางๆ หอมอร่อยมากจนต้องสั่งเบิ้ลซ้ำ ทำจากหมูสามชั้นหมักเกลือ พริกไทย และน้ำมันงา คล้ายหมูสามชั้นทอดในโรงอาหารมหาวิทยาลัยสมัยก่อน อีกทั้งคอหมูผัดกะปิ(200 บาท) ซึ่งกลายเป็นเมนูอร่อยในดวงในไปแล้ว ใช้ส่วนคอหมูแท้หั่นชิ้นยาวๆคั่วกับกะปิจากทางใต้ ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ และมะกรูดซอย เวลากินให้คลุกกับหอมแดงซอยและพริกขี้หนู บีบมะนาว เพิ่มรสเปรี้ยว ห้ามพลาดเลยนะจ๊ะ
อาหารทะเลชั้นดีก็มีให้ลิ้มลอง ให้สั่งปูทะเลผัดน้ำปลา(1,000 บาท) เมนูไม่ซ้ำใคร ปูทะเลตัวใหญ่หนัก 7 ขีด เคล็ดลับคือทอดในน้ำมันหมูหอมๆ ผัดกับกระเทียม ต้นหอม ปรุงรสด้วยน้ำตาล พริกไทย และน้ำปลา นอกจากนี้ยังนำมาทำเป็นเมนูอื่นๆได้อีกทั้ง ปูผัดพริกไทยดำ ปูผัดผงกะหรี่ ปูอบวุ้นเส้น ปูนึ่งซีอิ๊ว ปูนึ่งกระเทียม
ส่วนถ้าเป็นปลา ต้องลองเนื้อปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว(180 บาท) ราคาย่อมเยามากเพราะไม่ได้มาทั้งตัว เนื้อปลาเก๋านึ่งกับซีอิ๊วญี่ปุ่นผสมซีอิ๊วแบบจีน(Kikkoman และเด็กสมบูรณ์) ใส่เหล้าจีน น้ำมันงา และน้ำตาล น้ำนึ่งซีอิ๊วรสชาติเบาๆหอมหวานถูกใจมาก
บางวันที่ร้านก็มีปลามาทั้งตัวด้วย เช่นปลาเต๋าเต้ย(900 บาทต่อตัว) และปลากะพง(400 บาท)
มาร้านเจ๊เช็งต้องสั่งผัดผักกระเฉด(130 บาท)ด้วย เลือกเอาแต่ส่วนยอดอ่อนๆ 2-3 ปล้องเท่านั้น เปิดดูเมนูผัดผักกระเฉดผัดไข่ใส่วุ้นเส้นก็น่ากินมาก(160 บาท) และที่ห้ามพลาดเป็นอันขาดคือ ข้าวผัดผักกระเฉด(110-210 บาท) ผัดกับพริก กระเทียม ใส่ไข่ ใส่กุนเชียงหอมๆเข้ากันดีมาก เจ๊เช็งบอกว่าเป็นเมนูที่บ้าน ชอบกินกุนเชียง ส่วนผัดผักอีกอย่างที่สั่งมื้อนั้นคือ ผัดผักกาดขาวใส่เป๋าฮื้อและกุ้ง(240 บาท)
ใครชอบรสจัดๆหน่อยให้สั่งต้มยำแห้งรวม(240 บาท)ใส่ของทะเลทั้งหมึก กุ้งแชบ๊วย และเนื้อปลาเก๋าผัดเครื่องต้มยำ รสเข้มข้นครบทุกรส
ของกินเล่นมีทอดมันปลากราย(150 บาท)เนื้อนุ่มหนึบหอมเครื่องแกง เจ๊เช็งบอกว่าร้านที่ส่งกุ้งทะเล จะส่งทอดมันปลากรายมาให้ด้วย
เมนูที่เราลิ้มลองวันนั้นยังมีหอยลายผัดพริกเผา(150 บาท)รสเข้มข้น แกงจืดปลาเกี้ยมฉ่าย(210 บาท)ใส่เนื้อปลาเก๋า ซึ่งจะปรุงโดยใช้เกลือ(น้ำเกลือที่ละลายไว้) ไม่ใช้ซีอิ๊วขาว อีกทั้งเต้าหู้ผัดกุยช่ายหมูสับ(120 บาท)
มีอีกเมนูที่ยังไม่ได้สั่ง ฟังเจ๊เช็งบรรยายแล้วเกิดความอยากชิม จะต้องกลับมาลองชิมใหม่ นั่นก็คือไข่เจียวปู(130 บาท) ใช้กรรเชียงปูค่อนข้างใหญ่(ต้นทุนกิโลละ 1,700 บาท เลยทีเดียว)
ร้านเจ๊เช็งยังมีเมนูอร่อยเหมือนกินในบ้านครอบครัวคนจีนอีกมากมาย ขอเชิญไปลองชิมได้ตอนเย็นทุกวัน ตั้งแต่บ่าย 4 โมงจนถึง 3 ทุ่มครึ่ง โทร 08-1404-4286 และ 08-1400-4272 นะจ๊ะ