อาม่งหม่าล่า หม้อไฟหม่าล่าสูตรเข้มข้นของคนไทยที่เคยทำงานในบริษัทนำเข้าส่งออกกับประเทศจีน(ชื่อว่าคุณทอฝัน บัวคอม ชื่อจีนคืออาม่งหรือเมิ่งเซียน) ได้ตระเวนชิมหม้อไฟหม่าล่าไปทั่วเสฉวน ในที่สุดจึงคิดค้นสูตรพิเศษด้วยตัวเอง ออกมาเปิดร้านอาม่งหม่าล่า จากทำที่บ้านในซอยรัชดา 40 เพียง 1 โต๊ะ(เมื่อพ.ศ. 2562) กลายมามีร้านของตัวเอง(ปี 2565) ที่เยาวราช(ซอยเยาวราช 11 ติดมินิบิ๊กซี) ขยับขยายจนมี 12 โต๊ะ และมาเปิดสาขาที่ปากซอยลาดพร้าว 12 ด้วย
- ความโดดเด่นของอาม่งหม่าล่า ที่ทำให้ได้ตรารับรองเชลล์ชวนชิม อยู่ที่ ซุปหม่าล่าเนื้อวัว(น้ำมันวัว) เข้มข้น เผ็ด ซ่า ชา เป็นเอกลักษณ์ คล้ายกับที่เคยกินที่เมืองจีน แต่ไม่มีน้ำมันเยอะจนเลี่ยนเกินไป(บางร้านจะมีน้ำมันเยอะมาก) สูตรนี้เอามันเนื้อไทยวากิวมาเจียวให้ได้น้ำมันวัว ผสมเมล็ดฮวาเจียวแดงจากเมืองกานซู ฮวาเจียวเขียวจากเมืองฉงชิ่ง(ที่เสฉวน) และน้ำมันฮวาเจียวเกรดที่ทำน้ำมันหอมระเหยหอมและชามากๆ มาผัดกับพริกแกงหม่าล่า มีเครื่องเทศสมุนไพรกว่า 30ชนิด ผสมฮวาเจียวเม็ดสีเขียวสด(คุณทอฝันให้ลองเคี้ยวดู หอมและมีความชานิดๆ) ซึ่งจะมาผัดเครื่องใส่น้ำซุปทำสดๆที่โต๊ะเลยจ้า
- น้ำซุปอื่นๆที่ควรสั่งมาลอง(1 หม้อใส่ได้ 3 ช่อง 459 บาทสุทธิ น้ำซุปเริ่มต้นที่ 299 บาท) คือน้ำซุปกระดูกไก่คอลลาเจนข้นๆสีขาวครีม เอามาซดอร่อยมาก และซุปข้าวโพดที่ใช้ข้าวโพดจากไร่เกษตรกรที่อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย บ้านเกิดของสามีคุณทอฝัน คือคุณกฤตวิทย์ วางขุนทด ซึ่งจะมีชุดผักรวมให้ฟรี 1 ถาด กับน้ำจิ้มไม่อั้น
นอกจากนี้ก็มีซุปหม่าล่ามังสวิรัติ ใช้น้ำมันพืชแทน และซุปหม่าล่าน้ำมันแพะ ซุปมะเขือเทศ และซุปสุกี้น้ำดำใส่ปลาแห้งสไตล์จีน
- ไอเท็มพิเศษสุดตรงมุมปรุงน้ำจิ้มก็คือ น้ำมันเนื้อพริกเสฉวน ที่ใส่มันเนื้อเจียวเคี้ยวเล่น ตักใส่ถ้วยมากินแกล้มเปล่าๆหอมๆได้เลย ห้ามพลาดเป็นอันขาด ถ้าหมดแล้วขอเพิ่มได้
- ให้ที่ร้านปรุงน้ำจิ้มสูตรของที่ร้านได้ ซึ่งมีส่วนผสมของน้ำจิ้มถั่ว น้ำจิ้มสุกี้ ซอสหอยนางรม ผงหม่าล่า น้ำมันพริกเสฉวน น้ำมันงา ถั่วบด งาขาวคั่ว ใส่กระเทียม ต้นหอม ผักชีเล็กน้อยตามใจชอบ ใครชอบความข้นและกลิ่นรสถั่วและงาจะชอบน้ำจิ้มสูตรอาม่งแน่นอน หรือจะปรุงเองตามใจชอบก็ได้
- อีกเมนูที่ควรสั่งมาเพิ่มต่างหากคือเกาเหลาหม่าล่าผัดแห้งเผ็ดและเข้มข้น ใส่เนื้อไทยวากิว เส้นมันเทศ ผัดกับซอสผัดที่มีพริกแกงหม่าล่าผสมถั่วบดเข้มข้น และใส่ผักกะหล่ำปลี ปวยเล้ง เห็ดหอมสด
-เนื้อและเครื่องต่างๆมีมากมายเช่น เนื้อไทยวากิวริบอาย(199 บาท) เนื้อไทยวากิวใบพาย(259 บาท) เนื้อโคขุนน่องลาย(159 บาท) เนื้อเสือร้องไห้ไทยวากิว(159 บาท) ลิ้นวัวโคขุน(159 บาท) สไลซ์บางๆ เนื้อพิคานย่าจากออสเตรเลีย(มีมันยาวๆตรงขอบ) (159 บาท) นอกจากนี้ก็มีเนื้อหมูสามชั้น เนื้อหมูสันคอ และเนื้อหมูสันนอก(69 บาทรวด) หมูนุ่มหมักน้ำมันงา(69 บาท) ไส้เป็ดแก้ว(99 บาท) เนื้อแพะไทย(159 บาท) เนื้อแกะออสเตรเลีย(159 บาท) ลูกชิ้นกุ้งปั้นสด(149 บาท) ลูกชิ้นหมูห่อสาหร่าย(59 บาท) เกี๊ยวไส้หมูแดง(49 บาท)
ที่ขาดไม่ได้คือเส้นมันเทศหนึบๆทั้งเส้นเล็ก(49 บาท)และใหญ่(59 บาท) ฟองเต้าหู้ทอดเป็นแผ่นใหญ่ๆ(69 บาท) ฟองเต้าหู้ม้วน(59 บาท) ส่วนผักก็มีหลากหลาย รวมทั้งจิงจูฉ่าย(30 บาท) ฯลฯ
คุณกฤตวิทย์ ฝ่ายชายบอกว่า อีก 2 ปี จะมีฮวาเจียวหรือเมล็ดหม่าล่า ปลูกเองที่เชียงรายมาใช้ที่ร้าน อีกทั้งยังเพาะพันธุ์เตรียมกระจายรายได้ให้เกษตรรายอื่นๆ และรับซื้อผลผลิตกับเกษตรกรด้วย ตอนนี้ต้นหม่าล่า(ฮวาเจียวเขียวและแดง) ที่ปลูกในเชียงราย สูง 2 เมตรกว่าแล้ว