03/09/19

โชกุน (Shogun)

ข้อดีของภัตตาคารโชกุนก็คือการตั้งราคาของอาหารญี่ปุ่นสมเหตุสมผลกับคุณภาพวัตถุดิบชั้นเลิศ ไม่ได้มีราคาสูงเสียดฟ้าเกินเอื้อม เน้นเมนูญี่ปุ่นคลาสสิกรสชาติดั้งเดิมแต่ดูดีมีระดับ สรรหาแต่ของดี ๆ มาปรนเปรอ และยังมีครบถ้วนทุกหมวดหมู่อีกด้วย
โชกุน (Shogun)

 

ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นเจ้าตำนานที่อยู่คู่กรุงเทพฯ มานานกว่า 42 ปี เจ้าของร้าน คุณเยาวพา (หรือคุณโยชิโกะ) มีความสนิทสนมกับครอบครัวของผมเป็นอันมาก ร้านนี้ก็คือภัตตาคารโชกุน (Shogun) แห่งโรงแรมดุสิตธานีนั่นเอง

คุณชายถนัดศรีพาผมไปชิมตั้งแต่ยังเป็นภัตตาคารโตกุกาว่า (Tokugawa) ในโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ต่อมาได้ย้ายมาปักหลักอยู่ที่โรงแรมดุสิตธานี ทั้งนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นและผู้หลักผู้ใหญ่ชาวไทยในสมัยนั้นต่างนิยมชมชอบในภัตตาคารแห่งนี้เป็นอันมาก

thumbnail

มาบัดนี้ภัตตาคารโชกุนได้ย้ายนิวาสถานมาอยู่ที่หน้าอาคารสินธร ถนนวิทยุ ในโซนส่วนหน้าริมถนนที่เรียกว่ากลาสเฮาส์ (Glass House) แหล่งรวมร้านอาหารชั้นนำอีกหลายร้าน ซึ่งที่ใหม่ของโชกุนนั้นใหญ่โตโอโถงมาก ในพื้นที่ 1,000 ตารางเมตรมีทั้งโซนที่นั่งด้านหน้าอันกว้างขวาง อีกทั้งห้องสำหรับจัดเลี้ยงส่วนตัว ห้องซูชิบาร์ ซึ่งมีอิไมซังเชฟซูชิผู้อยู่คู่ร้านมาตั้งแต่แรกเริ่มคอยต้อนรับ ห้องเทปปันยากิ และด้านในสุดยังมีห้องเสื่อทาทามิแบบญี่ปุ่นอีกหลายห้อง เหมาะสำหรับผู้ที่อยากได้กลิ่นอายบรรยากาศของร้านเดิม ส่วนด้านในสุดซ้ายมือคือโซนคาเฟ่สำหรับคนทำงาน ขายอาหารญี่ปุ่นมื้อกลางวันในราคาย่อมเยาอีกด้วย

ข้อดีของภัตตาคารโชกุนก็คือการตั้งราคาของอาหารญี่ปุ่นสมเหตุสมผลกับคุณภาพวัตถุดิบชั้นเลิศ ไม่ได้มีราคาสูงเสียดฟ้าเกินเอื้อมเลย เน้นเมนูญี่ปุ่นคลาสสิกรสชาติดั้งเดิมแต่ดูดีมีระดับ สรรหาแต่ของดี ๆ มาปรนเปรอพวกเรา และยังมีครบถ้วนทุกหมวดหมู่อีกด้วย

ที่โชกุนขึ้นชื่อเรื่องปลาดิบหรือซาชิมิและข้าวปั้นซูชิ จะกินทั้งทีต้องเลือกชุดปลาดิบรวมพิเศษ A (2,480 บาท++) ไปเลย ใหญ่เบ้อเริ่มกินได้ 3 คนสบาย ๆ เน้นปลานอกจากญี่ปุ่น มีทั้งโอโทโร่หรือเนื้อส่วนท้องปลาทูน่าชิ้นมัน ๆ สีชมพูสวย อะกามิหรือเนื้อปลาทูน่าสีแดงสวยซึ่งเป็นปลาชั้นดีฮอนมากุโระ ปลาฮามาจิ แซลมอน หอยแครงญี่ปุ่น (อะกาไง) ไข่ปลาแซลมอน กุ้งหวานหรืออะมะเอบิ ปลาหมึกยักษ์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีชุดย่อมเยาลงมาคือชุดปลาดิบรวมพิเศษ B (1,750 บาท++) มีปลาไทยคุณภาพดีรวมอยู่ด้วย ซึ่งคุ้มค่ามาก (เราสั่งมาลิ้มลองเช่นกัน)

ต่อกันด้วยซูชิ เราสั่งนิกิริซูชิ เซต A (2,250 บาท++) เน้นปลานอก มีทั้งโอโทโร่และชูโทโร่ (ท้องปลาทูน่าที่มีมันปานกลาง) และของดีอื่น ๆ รวมทั้งข้าวห่อสาหร่ายหน้าท้องปลาทูน่าสับหรือเนงิโทโร่ และยังมีนิกิริซูชิ เซต B (1,550 บาท++) ที่มีปลาไทยผสมด้วย ซึ่งดูดีมากเช่นกัน

อยากซดน้ำซุปใส ๆ หวานหอมให้สั่งคามินะเบะหรือหม้อไฟกระดาษซีฟู้ด (460 บาท++) (มีตามฤดูกาลเท่านั้น) ใส่ของทะเลต่าง ๆ ในชามกระดาษทนไฟไม่มีเปื่อยยุ่ย ซึ่งเราสั่งพิเศษ ซุปหม้อไฟกระดาษใส่ขาปูฮอกไกโดหรือทะระบะ เนื้อเป็นยวงหอมหวาน ราดด้วยมันปูทะระบะอีกต่างหาก (650 บาท++/100 กรัม)

thumbnail

ของกินเล่นนั้นมีหลากหลาย ห้ามพลาดปูจ๋าญี่ปุ่น (Kohra Age) (320 บาท++) เสิร์ฟมาในกระดอง อัดแน่นด้วยเนื้อปูม้าที่ปรุงรสชาติดีมากจนพวกเราทั้งคณะลงความเห็นว่าเป็นปูจ๋าที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาทีเดียว

สลัดก็มีมากมาย เราสั่งสลัดมันฝรั่ง (150 บาท++) ราดมายองเนส รสชาติดีมาก แต่ไม่กล้ากินหมดเพราะยังมีของกินอื่น ๆ อีกเต็มโต๊ะ เชิญเปิดเมนูดูสลัดอื่น ๆ มีอีกเพียบ รวมทั้งสลัดหนังปลาแซลมอนกรอบ ๆ (330 บาท++) และสลัดปลาเงิน (360 บาท++) ยอดนิยม

ส่วนปลาย่างนั้นเราสั่งเมนูขึ้นชื่อ ปลากินดาระ (Gindara) หรือปลาหิมะย่างซอสมิโซะ (480 บาท++) จะย่างเกลือ ย่างซอสเทริยากิก็ได้ มีปลาอื่น ๆ อีกนับสิบชนิดรวมทั้งปลากิงกิ (Kinki) ปลาน้ำลึกที่มีเฉพาะฤดูกาลที่นับเป็นของดีมีราคา เนื้อเป็นยวง ๆ มัน ๆ และแก้มปลาบุรีย่าง

thumbnail

อีกสาเหตุที่ผมชอบมาโชกุนเพราะที่นี่มีสเต๊กจานร้อนให้เลือกหลากหลาย เราเลือกสเต๊กเนื้อโกเบ (2,750 บาท++/150 กรัม และ 3,450 บาท++/200 กรัม) สุดยอดเนื้อวากิวญี่ปุ่นชิ้นหนานุ่ม มีมันแทรกชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟมาในจานร้อนควันฉุย อีกทั้งเนื้อญี่ปุ่นยอดนิยมเพราะมีสนนราคาคุ้มค่าอย่างสเต๊กเนื้อโอมิ (Omi) (2,150 บาท++/150 กรัม และ 2,550 บาท++/200 กรัม) ตัดส่วนมัน ๆ ทำเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วไปเจียวเพิ่มจนเกรียม ปรุงด้วยเกลือ พริกไทย อร่อยหอมมันจนเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม และก็มีสุดยอดเนื้อมัตสึซากะ อย่าลืมสั่งข้าวผัดกระเทียมมากินคู่กันด้วย

เมนูเนื้อประเภทอื่นมีอีกเพียบ เช่น เนื้อพ่นไฟพอสุกที่เรียกว่าตาตากิ (Tataki) ชาบูชาบู สุกี้ (ที่สั่งได้ทั้งเนื้อต่าง ๆ หรือหมูดำ รวมทั้งของทะเล) ที่สำคัญคือโชกุนยังขึ้นชื่อเรื่องเมนูสเต๊กสไตล์ญี่ปุ่นที่ผัดบนกระทะแผ่นแบน เรียกว่าเทปปันยากิ (Teppanyaki) มีให้เลือกหลากหลายทั้งเป็นชุด ๆ ตามชนิดของเนื้อและอาหารทะเล รวมทั้งกุ้งแม่น้ำ หรือจะสั่งเป็นอย่าง ๆ ก็ได้

เมนูข้าวอบของที่นี่ก็อร่อยเช่นกัน ห้ามพลาดเมนูข้าวอบ Gomoku kamameshi พิเศษขนาดต้องสั่งล่วงหน้าครึ่งชั่วโมง อัดแน่นมาด้วยปลาไหล กุ้ง ปูอัด ไข่หวาน ถั่วแระญี่ปุ่น และน้ำที่ใช้อบข้าวนั้นหอมอร่อย เพราะเป็นซุปพิเศษสูตรเฉพาะของร้าน

จะเห็นได้ว่าโชกุนนั้นครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่นจริง ๆ มีทั้งของกินเล่นเต้าหู้สารพัดอย่าง ข้าวหน้าปลาไหล ข้าวหน้าต่าง ๆ ทั้งอย่างสุกและหน้าปลาดิบสารพัด เทมปุระและของทอดอื่น ๆ เมนูเส้นอูด้ง ราเม็ง โซบะ โซเม็ง ของนึ่งและต้มต่าง ๆ ข้าวอบ ข้าวต้ม ซุป

และที่พลาดไม่ได้คือของหวานที่กำลังมาแรงมาก น้ำแข็งไสเกล็ดเล็ก ๆ เนียน ๆ คากิโงริ (Kakigori) ห้ามพลาดวาราบิโมจิ คากิโงริ (Warabimochi Kakigori) (165 บาท++) มีวาราบิโมจิคู่กันและน้ำตาลเคี่ยวหอม ๆ ให้ราดด้วย อีกทั้งมัทฉะ อะซูกิ คากิโงริ (Matcha Azuki Kakigori) (195 บาท++) น้ำแข็งไสราดซอสมัทฉะหรือผงชาเขียว แกล้มด้วยถั่วแดงกวนกับแป้งโมจิ ให้สั่งมาทั้ง 2 อย่างเลยนะจ๊ะ

thumbnail

ของหวานดั้งเดิมอย่างอะเบกาวะโมจิ (Abekawa Mochi) หรือข้าวเหนียวย่างคลุกแป้งชาเขียวกับถั่วเหลือง (150 บาท++) และขนมอื่น ๆ ก็มีให้เลือกอีกมาก

อ้อ เกือบลืมบอกไป หากมากันเป็นกรุ๊ปแบบจองล่วงหน้า หรือจองห้องมา ทางร้านมีอาหารพิเศษ Daily Appetizer เสิร์ฟให้ฟรี โดยเชฟจะออกแบบอาหารพิเศษให้เข้ากับลักษณะคนที่มา เช่น เป็นการเลี้ยงขอบคุณลูกค้า งานเลี้ยงวันเกิด ให้อีกด้วย

ขอยกมือเชียร์สองข้างให้มาที่โชกุน แล้วจะรู้ว่าทำไมผมถึงมากินตั้งแต่เล็กจนโต ร้านเปิดทุกวัน ช่วงกลางวัน 11 โมงครึ่งถึงบ่าย 2 โมงครึ่ง มื้อเย็น 5 โมงครึ่งถึง 4 ทุ่ม โทร.ไปจองก่อนได้ที่ 0-2050-5566 และ 08-6542-6666 นะจ๊ะ


Arrow Page Up