ข้าวขาหมูคือเมนูสุดโปรดของผม สมัยเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ต้องแวะเติมพลังด้วยขาหมูใน สมก. ทุก ๆ เช้า (ขอย้ำว่าทุกเช้า) ที่ไหนมีขาหมูอร่อยผมจะดั้นด้นตามไปชิมตลอด เรียกได้ว่าเป็นนักชิมขาหมูตัวพ่อเลยทีเดียว
ร้านขาหมูทั่ว ๆ ไปมักมีเครื่องหรือชิ้นส่วนให้เลือกแค่เนื้อ หนัง กับคากิเท่านั้น แต่มีอยู่เจ้าหนึ่งที่มีจุดเด่นคือขายขาหมูชิ้นส่วนสารพัด ผมตามรอยพ่อไปชิมมาหลายสิบปีแล้ว นับเป็นขาหมูระดับตำนานที่เปิดมานานนับ 60 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2502 ขาหมูเจ้านี้มีชื่อว่าเจริญแสงสีลม
เจริญแสงสีลมอยู่ตรงปลายถนนสีลมก่อนถึงสามแยกบางรัก แรกเริ่มเดิมทีขายอยู่ในเพิงตรงตรอกข้างร้านสีลมสโตร์ ฝั่งเดียวกับโรงพยาบาลเลิดสิน บางคนจึงยังเรียกติดปากว่าขาหมูเลิดสิน แต่ย้ายมาอยู่ที่ตึกแถวในซอยฝั่งตรงกันข้ามกับสเตท ทาวเวอร์ (State Tower) เยื้องกับโรงพยาบาลนานแล้ว เดินเข้าซอยไปนิดเดียวก็จะเจอร้านขาหมูทางฝั่งขวา มีอ่างใส่ขาหมูใบเบ้อเริ่มอยู่ที่หน้าร้าน ตั้งโต๊ะออกมาด้านนอกตรงทางเท้าด้วย อีกข้างหนึ่งเป็นที่สำหรับซื้อกลับบ้าน มีคนมุงเต็มไปหมด นั่นแหละแสดงว่ามาถูกร้านแล้ว หรือจะเข้าท้ายซอยอีกด้านจากซอยเจริญกรุง 49 ก็มาได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน
ใครนำรถมาขอแนะนำให้ไปจอดในตึกสเตท ทาวเวอร์ฝั่งตรงข้าม และใช้บริการที่ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ชั้นล่างด้านหน้าตึกเพื่อประทับตราบัตร จากนั้นเดินข้ามทางม้าลายมาที่ร้านขาหมูได้เลย
คุณบัญชาเล่าให้ฟังว่า คุณชายถนัดศรีเคยไปชิมไว้ตั้งแต่ปี 2511 เป็นผู้ทำให้ขาหมูเจริญแสงสีลมดังเป็นพลุแตกตั้งแต่เมื่อ 50 ปีก่อน แถมช่วงหลังยิ่งมีรายการญี่ปุ่นตามมาถ่ายไปออกโทรทัศน์ที่โน่น ยิ่งมีคนญี่ปุ่นซอกแซกมาชิมด้วยอีกมากมาย การมากินร้านดังเช่นนี้จึงสมควรมาตั้งแต่ช่วงเช้า
ๆ สาย ๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้เปิดร้านไวขึ้น 7 โมงครึ่งก่อน 8 โมงก็พร้อมขายแล้ว จนถึงบ่ายโมงก็หมด บางครั้งหมดก่อนหน้านั้นอีก ทางที่ดีควรมาก่อนสัก 9 โมงเช้าไม่เกิน 10 โมง จะได้มีของทุกอย่างขายครบด้วย ร้านเปิดบริการทุกวัน
ตอนนี้ผู้ที่สับขาหมูยืนขายหน้าร้านตกมาถึงลูกสาวรุ่นที่ 3 แล้ว แต่คุณบัญชา บรรเจิดประยูร เจ้าของร้านรุ่นที่ 2 กับน้องชายก็ยังคอยควบคุมการปรุงอยู่ไม่ขาด
อย่างที่บอกไปว่าจุดเด่นของเจริญแสงสีลมอยู่ที่มีขาหมูหลากหลายชิ้นส่วนพร้อมเครื่องในหมูสารพัดชนิด โดยจะขายเป็นชุด ๆ ไม่ใช่ข้าวราดขาหมู ประกอบด้วยเนื้อกับหนังสับใส่ชาม แยกกับข้าวสวย สนนราคา 50 บาทต่อชาม ส่วนข้าวเปล่าจานละ 5 บาท นอกจากนี้ก็มีคากิหรือตีนหมู ชิ้นละ 60 บาท และที่สุดยอดยิ่งกว่าคากิคือข้อคากิที่สับมาเป็นข้อเล็ก ๆ เป็นส่วนข้อที่อยู่เหนือคากิ (ชามละ 60 บาท) หรือจะสั่งทั้งขา แบ่งเป็นขาหมูเล็ก ขาละ 140 บาท (เหมาะสำหรับ 2 คน) ขาหมูใหญ่ ขาละ 280 บาท ซึ่งเป็นส่วนขาหน้าทั้งขาใหญ่ ขาเล็ก (คือขาใหญ่แบ่งครึ่งนั่นเอง) ส่วนเครื่องในนั้นมีทั้งตับ ไส้ ลิ้น และหัวใจ สั่งได้ตามใจชอบ (50 บาท) ขอบอกว่าลิ้นหมูนั้นนุ่มหอมอร่อยอย่าบอกใคร
รสชาติขาหมูสุดจะเข้มข้นเข้าเนื้อ น้ำพะโล้รสจัด ๆ เค็มอมหวานเล็กน้อย กลิ่นเครื่องพะโล้ไม่แรงเกินไป จิ้มด้วยน้ำส้มพริกเหลืองตำ จัดจ้านเข้ากันดีสุดยอดจริง ๆ เป็นที่น่าสังเกตว่าถ้าเป็นส่วนเนื้อจะไม่ค่อยมีมันเท่าไร อยากกินมัน ๆ ต้องสั่งคากิหรือข้อคากิ
หรือเอาแบบทั้งขาไปเลย
คุณบัญชาไม่หวงสูตร สาธยายเคล็ดลับคร่าว ๆ ให้ฟังอย่างยาวเหยียด บอกว่าที่นี่เลือกใช้แต่ขาหมูส่วนขาหน้าเท่านั้น คัดขนาดไม่เกิน 2 กิโลกรัม เวลาต้มจะได้สุกพร้อมกัน เดี๋ยวนี้ไม่ต้องมาเผาเองแล้ว สั่งให้คนส่งอบมาให้เลย (ขาหมูยุคนี้หนังบางลง
ไม่ต้องอบมาจนแห้งมาก)
ทุก ๆ วันจะเริ่มทำขาหมูตั้งแต่บ่าย 3 โมง ใช้เครื่องตัดตัดเป็นชิ้นส่วนที่ต้องการ และแล่เอาส่วนที่ช้ำออก พอบ่าย 4 โมงครึ่งก็ต้มกับเครื่องพะโล้ยาจีน ต้มไปครึ่งชั่วโมงให้เอาเครื่องพะโล้ออก นี่คือเคล็ดลับที่ทำให้กลิ่นพะโล้ไม่แรง เครื่องปรุงจะเน้นรากผักชี กระเทียม
พริกไทยด้วย ต้มไปจนถึง 3 ทุ่มเป็นอันเสร็จยกแรก
พอตอนเช้ามืดช่วงตี 5 ก็จะต้มอีกเป็นครั้งที่ 2 คราวนี้นำทุกชิ้นส่วนจากทุกหม้อมารวมในหม้อเดียวกัน ปรุงรสด้วยซอสฝรั่ง (ซึ่งไม่ได้บอกว่ามีอะไรบ้าง) รสชาติจะได้เข้ากันทั้งหม้อ พร้อมขายตอน 7 โมงครึ่ง
ใครอยากสั่งกลับบ้านควรโทร.มาจองตอนเช้าก่อนร้านเปิดที่เบอร์ 0-2234-4602 และ 0-2234-8036 ให้แจ้งชื่อและสั่งสิ่งที่อยากกินพร้อมทั้งบอกจำนวนหรือราคาที่ต้องการ และที่สำคัญที่สุดคือต้องไปรอคิวตั้งแต่ร้านเปิด ไม่มีเส้น ไม่มีการแซงคิวเป็นอันขาด
แต่ก่อนเขาเปิดร้านเวลา 9 โมง 15 นาที แต่ตอนนี้ร่นมาเปิดเร็วขึ้นเพียง 7 โมงครึ่งก็ได้กินแล้ว
ส่วนใครอยากกินที่ร้านควรรีบไปเช่นกัน ถ้าเลยช่วง 10 โมงเช้าไปแล้วแทบไม่ต้องหวังเลยว่าจะได้กินคากิและเครื่องใน อย่างคราวนี้ผมไปตอน 10 โมงครึ่ง ตับกับหัวใจหมูหมดเสียก่อนเลยอดกิน คอขาหมูทั้งหลายจำให้ขึ้นใจนะจ๊ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน นี่คือขาหมูในตำนานร้านโปรด
กินกี่ทีกี่ครั้งก็รสชาติคงเส้นคงวา รีบไปชิมกันเลยจ้า มัวรอช้าอยู่ไย