ร้านเรือนไทยกุ้งเผานั้นตั้งอยู่ในเขตวัดเชิงเลน อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยหากขับรถมาตัวร้านจะอยู่ทางเดียวกับศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ ขึ้นทางด่วนขั้นสองหรือทางด่วนศรีรัช ต่อเนื่องเข้าสายอุดรรัถยา (แจ้งวัฒนะ-บางปะอิน) ไปจนสุดทางที่บางปะอิน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนวงแหวนสาย 9 กาญจนาภิเษก (โดยเลือกทางไปปทุมธานี) วิ่งไปอีกไม่กี่กิโลเมตรแล้วกลับรถใต้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา (มีป้ายบอกให้กลับรถไปศูนย์ศิลปาชีพฯ) วิ่งย้อนมาอีกนิดเดียวแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสาย 3039 ไปที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ พอถึงศูนย์ศิลปาชีพฯ ให้วิ่งตรงต่อไปอีก 5 กิโลเมตรกว่า ๆ จนสุดทางที่สามแยกแล้วเลี้ยวขวาก็จะเห็นวัดเชิงเลนอยู่ทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าประตูวัดที่อยู่เลยป้อมตำรวจ มีป้ายชื่อร้านขนาดใหญ่เห็นได้ชัดเจน ตัวร้านจะอยู่สุดทางริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีหลังคาหน้าจั่วสูง ๆ สไตล์เรือนไทย
และต้องขอเตือนว่าร้านนี้ตั้งอยู่ในเขตวัด ดังนั้นจึงไม่มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และขอความกรุณาผู้ที่มาอุดหนุนงดนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาในร้านด้วย
แค่ก้าวแรกที่เดินเข้าไปก็รู้สึกสดชื่นทันทีทันใด เพราะตัวร้านเปิดโล่งหันเข้าหาแม่น้ำเจ้าพระยา เห็นวิวธรรมชาติคุ้งน้ำอันงดงาม มีลมเย็น ๆ พัดมาโชย ๆ ตลอดเวลา ใครที่อยากนั่งใกล้น้ำยิ่งขึ้นไปอีกให้ลงไปนั่งในเรือเอี้ยมจุ๊นลำใหญ่ที่ตั้งโต๊ะไว้บริการเช่นกัน
เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เมาเรือเนื่องจากเรือจะโยกโคลงเคลงนิด ๆ ตลอดเวลา
ร้านเรือนไทยกุ้งเผาเกิดขึ้นได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของคุณหนุ่ย หรือคุณพงศักดิ์ จิตรีไหว บ้านเดิมอยู่ฟากแม่น้ำฝั่งตรงข้ามที่บ้านสาละโว้ ตำบลสนามชัย เดิมคุณหนุ่ยช่วยแม่ขายอาหารอยู่ตรงสามแยกที่เราเพิ่งเลี้ยวมา ต่อมาในปี 2539 จึงได้มาเปิดร้านเรือนไทยกุ้งเผาในวัดเชิงเลน โดยทำกันกับภรรยา ญาติพี่น้อง และคนในหมู่บ้าน จากร้านเล็ก ๆ ขยับขยายกลายเป็นร้านใหญ่จุคนได้ร้อยกว่าที่นั่งในปัจจุบัน โดยมีทางวัดเป็นผู้สนับสนุน
มาร้านนี้แล้วถ้าไม่ได้กินกุ้งแม่น้ำเผาถือว่ามาไม่ถึงร้าน นับเป็นเมนูยอดฮิตติดอันดับชาร์ตประจำบางไทร กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ไซซ์ยักษ์บิ๊กเบิ้ม ผ่าครึ่งซีกย่างบนเตาถ่านหอม ๆ เนื้อสดหวานสุกกำลังดี (บางส่วนยังเห็นใส ๆ เป็นเนื้อแก้วเลย) อุดมไปด้วยมันกุ้งสีเหลืองอร่ามอมส้ม
มากเสียจนไหลทะลักล้นหัวออกมา
คุณหนุ่ยชี้แจงแถลงไขว่าลุ่มน้ำเจ้าพระยาเป็นช่วงหน้าน้ำหลาก ตอนนี้จึงรับกุ้งมาจากนครศรีธรรมราช จากอุบลราชธานี เขื่อนลำปาว กาฬสินธุ์ และระยอง ส่วนกุ้งที่จับได้ในแม่น้ำเจ้าพระยา ดี๋ยวนี้จะมีขนาดเล็กกว่าที่อื่น
โดยกุ้งแม่น้ำเผานั้นมีหลายขนาด หลากราคา ขึ้นอยู่กับฤดูกาล คร่าว ๆ คือกุ้งฟาร์มจะเป็นกุ้งเล็ก จานละครึ่งกิโลกรัม สนนราคาจานละ 450 บาท แต่หากขยับขนาดมาเป็น 8-12 ตัวต่อกิโลกรัม สนนราคากิโลกรัมละ 1,000 บาท หรือหากใหญ่กว่านั้นเป็น 7 ตัวต่อกิโลกรัม จะสนนราคากิโลกรัมละ
1,200 บาท และ 6 ตัวต่อกิโลกรัม สนนราคากิโลกรัมละ 1,400 บาท เชิญเลือกกินกันตามสบาย ส่วนน้ำจิ้มกุ้งเผานั้นรสแซ่บแต่ออกหวานนิด ๆ ให้เติมน้ำปลาพริกผสมด้วยรสจะออกมากำลังดี
ส่วนอาหารอื่น ๆ นั้นจานโตหม้อใหญ่ คิดราคาไม่แพง 150 บาทเป็นส่วนใหญ่ มาแล้วต้องกินปลาแม่น้ำด้วย ช่วงน้ำหลากจะเป็นฤดูกาลที่จับปลาได้ยาก ให้ถามคุณหนุ่ยเลยว่าวันนี้มีปลาอะไรได้มาสด ๆ บ้าง หากมาในช่วงหน้าหนาวอย่าลืมสั่งปลาน้ำเงินนะจ๊ะ เนื้อมัน
ๆ อร่อยอย่าบอกใคร
ที่ห้ามพลาดต้องสั่งให้ได้รองจากกุ้งเผาคือต้มยำปลาม้า หรือปลาแม่น้ำอื่นที่ทางร้านมี ต้มยำหม้อไฟใส่ปลาม้าชิ้นโต ๆ ติดหนัง เนื้อสดหวานไม่มีกลิ่นโคลนเลย น้ำต้มยำรสชาติจัดจ้านแบบพื้นบ้าน รสเค็มอมเปรี้ยวหอมกลิ่นพริกแห้งถึงเครื่องใส่ผักชีฝรั่งหอม ๆ ถูกใจยิ่งนัก
ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน หอมกะทิและเครื่องแกง รสจัดจ้านแต่ละเมียดละไม เนื้อปลาสดเป็นก้อน ๆ อร่อยมาก ๆ อาหารจานปลาอื่น ๆ มีอีกมากมายหลายชนิด ทั้งปลาคัง ปลาเค้า ปลาเบี้ยว ปลากราย เชิญเลือกชิมได้ตามใจชอบ
ของอร่อยอีกอย่างคือกุ้งพล่าพริกเผา ที่เนื้อกุ้งสุกกำลังดี ปรุงด้วยเครื่องพล่ามาเต็มที่หอมน้ำพริกเผา อย่าลืมตักเครื่องต่าง ๆ ในจานกินแกล้มกุ้งพล่าด้วยจึงจะอร่อยถึงใจ ที่ร้านเขายังมีกุ้งพล่าพริกสดให้เลือกด้วย ส่วนอีกจานได้แก่ กุ้งทอดเกลือ ที่เอากุ้งแม่น้ำตัวเล็กมาทอดกับเกลือและซอสที่คุณหนุ่ยปรุงขึ้นเอง
อร่อยหอมมันไปอีกแบบ อีกจานที่สั่งมาตัดรสเผ็ดได้ดีคือ ก้ามกุ้งผัดสายบัว ที่อร่อยกลมกล่อมอย่าบอกใคร
ที่สำคัญมาก ๆ คือวันเสาร์-อาทิตย์และช่วงเทศกาลต้องโทร.มาจองโต๊ะและสั่งจองกุ้งเสียก่อน มิฉะนั้นอาจมาเสียเที่ยวได้เพราะแน่นเหมือนกินฟรี และอย่าลืมว่าร้านนี้เขาปิดเร็วตั้งแต่หนึ่งทุ่ม อย่าเผลอมาตอนค่ำนะจ๊ะ เดี๋ยวจะกลายมาช่วยปิดร้านให้แทน
อ้อแล้วทางร้านมีนโยบายปิดร้านเดือนละ 1 วัน ก่อนมาควรโทรเช็กให้แน่ใจก่อนนะจ๊ะ
