02/10/2019

เรือนจรุง อยุธยา

ร้านนี้ไม่ได้มีดีแค่อาหารกับวิวนาข้าวเขียวขจี แต่ลีลาลูกเล่นของเจ้าของร้านนั้นยังแพรวพราว ออกไปในทางยียวนกวนอารมณ์ ซึ่งกลับกลายเป็นว่าความเป็นศิลปินของคุณเหมียวคือเสน่ห์ของร้านเรือนจรุงแห่งอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ทำให้ใคร ๆ ต่างก็ติดใจ มีคิวจองเต็มนานถึงปลายปี 2563 แล้ว
เรือนจรุง อยุธยา

 

ใช่แล้วครับ ไม่ผิดหรอกครับที่ผมจะบอกว่าถ้าใครอยากลิ้มลองอาหารร้านนี้ต้องรอเปิดจองสำหรับ พ.ศ. 2564 อีกครั้งหนึ่ง ขอจองแล้วอาจจะไม่ได้กินด้วย เพราะต้องช่วงชิงกับคนอื่นอีกมากมาย

thumbnail

คุณเหมียวหนุ่มใหญ่เป็นคนบางปะอินโดยกำเนิด แต่มาโตในสายงานด้านโปรดักชันเฮาส์ทำรายการโทรทัศน์ แล้วลาออกจากงานมาควบคุมการปรับปรุงเรือนไทยโบราณของคุณชวดอยู่ 2 ปี ด้วยความที่บ้านนี้คุณแม่มีฝีมือในการทำอาหารรสจัดแบบพื้นบ้าน เพื่อน ๆ จึงมักขอมากินด้วยบ่อย ๆ ก็เลยเปิดร้านทุกวันเสาร์ตรงใต้ถุนเรือนไทยแค่ครั้งละโต๊ะเท่านั้น

จากที่เพื่อน ๆ แนะนำร้านปากต่อปากก็เลยมีการไลน์จองเข้ามา จึงเปิดเพิ่มเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ จากวันละ 1 มื้อก็กลายเป็นวันละ 3 รอบ 11.00 น., 14.00 น. และ 17.00 น. รอบละโต๊ะเดียวเท่านั้น จะมาแค่ 2 คนหรือ 24 คนก็ได้ (ถ้ามากันเต็มที่ไม่ควรเกิน 30 คน)

เมื่อเดือนมิถุนายน 2561 เปิดจองของครึ่งปีแรก 2562 ภายใน 5 วินาทีมีไลน์จองเข้ามา 800 คน ส่วนการจองครึ่งปีหลัง 2562 น้องเหมียวให้ไลน์เข้ามาตอน 8 โมงเช้า แค่ 8 วินาทีเท่านั้นก็จองเกินจำนวนล้นหลาม และตอนต้นปี 2562 จึงเปลี่ยนวิธีให้เขียนจดหมายจองคิวปี 2563 สำนวนของใครโดนใจน้องเหมียวมากที่สุดก็จะได้มาลิ้มลอง ซึ่งบัดนี้เต็มตลอดทั้งปีแล้ว

ใครสนใจอยากมาร้านนี้ในปี 2564 ให้คอยติดตามที่เฟซบุ๊ก เรือนจรุง Ayutthaya real chillin house เท่านั้น ซึ่งน้องเหมียวยังไม่ได้คิดลูกเล่นการจองเลยว่าจะใช้วิธีไหน

สำหรับผู้ที่จองได้แล้ว เรือนจรุงอยู่ที่บางปะอิน แต่ไม่ได้อยู่ตรงตัวอำเภอริมน้ำ ทางเข้านั้นลึกลับพอตัว (และกูเกิลบางครั้งจะพาขึ้นทางคันดินแทน) จึงขอบอกทางโดยละเอียด ให้มาตามถนนสายเอเชีย (32) เริ่มจากวงแหวนรอบนอก (มุ่งไปอยุธยา) พอผ่านปั๊มน้ำมัน ปตท. ปั๊มที่ 2 แล้ว ให้ออกถนนคู่ขนานด้านนอกได้เลย เมื่อถึงทางเข้านิคมอุตสาหกรรมไฮเทคไม่ต้องเลี้ยวเข้า แต่ให้เลยมาอีกนิดเดียวไม่กี่สิบเมตรจะมีทางแยกเข้าถนนเล็ก ๆ ซ้ายมือเขียนว่าไปอำเภอบางปะอิน ลัดเลี้ยวเคี้ยวคดเข้าไปตามทางไม่กี่กิโลเมตร มองหาเรือนไทยใหญ่ ๆ ตามรูป รับรองไม่หลง

เมนูของเรือนจรุงเน้นอาหารที่ครอบครัวตัวเองกิน ไม่ประดิดประดอยมากนัก แต่จัดจานให้สวย มีทั้งของแม่ตัวเองรสจัด ๆ เผ็ดร้อนต่อยหนัก และของคุณแม่ยายคนชลบุรี ถนัดอาหารทะเล ปรุงรสออกหวานหน่อย ซึ่งก่อนถึงวันมากิน 1 อาทิตย์คุณเหมียวจะไลน์หาเพื่อให้สั่งอาหารล่วงหน้า ควรสั่งให้พอไปเลย และขอบอกว่าอาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะจานใหญ่มาก ๆ

เมนูอาหารของปี 2562 มีประมาณ 37 อย่าง แต่สิ่งที่ต้องสั่งแน่นอนเวลามาอยุธยาก็คือกุ้งแม่น้ำเผา ที่เรือนจรุงสรรหากุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ขนาด 3 ตัวต่อกิโลกรัมมาให้ สดอร่อยเนื้อเด้งมันเยิ้ม ๆ เต็มหัว จิ้มกับน้ำจิ้มแซ่บ ๆ แต่ไม่เผ็ดจนเกินไป

thumbnail

ต่อด้วยกุ้งเผาสะเดาน้ำปลาหวาน ซึ่ง 1 จานจะให้กุ้งแม่น้ำขนาด 4 ตัวต่อกิโลกรัมจำนวน 2 ตัว ช่วงที่ไปเป็นสะเดาใบ ยังไม่มีดอก แต่ก็มัน ๆ ขม ๆ อร่อยดี ส่วนน้ำปลาหวานเป็นสูตรของแม่ยาย จะออกหวานหน่อย

อีกอย่างที่ควรสั่งคือ กุ้งคั่วพริกเกลือ ใช้กุ้งก้ามกรามเลี้ยงขนาดย่อม 12 ตัวต่อกิโลกรัม ให้มาหลายตัวจุใจ นำไปทอดแล้วคลุกเครื่องกระเทียม รากผักชี และพริกจินดาเผ็ดหอม ถือเป็นเมนูอันดับ 1 ของปี 2561 และนับเป็นเมนูที่ผมชอบมากที่สุด ปิดท้ายเมนูกุ้งคือ กุ้งแม่น้ำซอสกะปิสะตอ มาอยุธยาก็มีอาหารปักษ์ใต้นะจ๊ะ

ส่วนเมนูดังประจำปี 2562 คือ ไข่พะโล้ บ้านนี้ปรุงโดยผัดเครื่อง 3 เกลอ รากผักชี กระเทียม พริกไทย ไม่ใส่ผงพะโล้ เน้นเคี่ยวไข่นาน ๆ จนไข่รัดตัว เริ่มทำตั้งแต่วันพฤหัสบดี ใครมาวันอาทิตย์ยิ่งโชคดี ไข่หนึบสุด ๆ

เมนูที่มีคาแรกเตอร์สร้างชื่อให้กับเรือนจรุงคือ น้ำพริกสองแม่ ใน 1 ชุดตำมา 2 ครกเลย มีน้ำพริกสูตรแม่ยาย ใส่กะปิศรีราชา ปรุงรสออกหวานหน่อย ส่วนอีกครกเป็นสูตรแม่คุณเหมียว ใช้กะปิแถวนั้น เน้นเค็มและเผ็ดร้อนถูกใจ จัดผักแนมมาเต็มกระจาดทั้งผักสด ผักต้ม ผักชุบไข่ทอด อลังการมาก และมีปลาทูทอดอีกด้วย จานนี้ถ่ายรูปออกมาสวยที่สุด แนะว่าถึงจะมาเป็น 10 กว่าคนให้สั่งชุดเดียวพอแล้ว เพราะให้ปริมาณเยอะจริง ๆ

thumbnail

อีกอย่างที่ผมชื่นชอบคือผัดเรือโป๊ะ ตอนเด็ก ๆ พ่อพาไปลิ้มลองที่ศรีราชา ประทับใจมาจนทุกวันนี้ สูตรเรือนจรุงมีกุ้ง ปลาหมึก ปลากะพง หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และหอยแมลงภู่ไทย ปรุงด้วยพริกไทย พริกเหลือง พริกขี้หนู ผัดกับกระเทียม รสเผ็ดจัดสะใจ

ของเผ็ด ๆ อีก 2 อย่างที่ต้องสั่งคือแกงส้มปูหน่อไม้ดอง ใช้เครื่องแกงใต้ใส่ขมิ้น เนื้อกรรเชียงปูใหญ่ ๆ ของดี (กิโลกรัมละ 2 พันกว่าบาท) และแกงคั่วหอยหวาน เนื่องจากหอยขมดี ๆ หายากเลยใช้หอยหวานแทน อร่อยไปอีกแบบ ทั้ง 2 เมนูนี้เผ็ดร้อนจนหุบปากไม่ลง

ของกินเล่นที่อย่าริอ่านสั่งหลายจานเกินไปคือปลาเห็ด ซึ่งก็คือทอดมันปลากรายนั่นเอง ให้ชิ้นเบ้อเริ่ม เหนียวหนึบเนื้อแน่นชนิดที่ว่าช้อนอาจงอได้ กินชิ้นเดียวจุกไปถึงเช้า จึงแนะนำว่าชิ้นหนึ่งแบ่ง 2 คนกำลังดีนะจ๊ะ ส่วนเมนูหายากให้บอกล่วงหน้านานหน่อยคือเชิงปลากรายทอด ชิ้นโต ๆ อีกเช่นกัน แตะแป้งแล้วนำไปทอดรสเค็มนิด ๆ

ของกินแก้เผ็ดที่ควรสั่งคือเมนูชื่อเก๋ เนื้อแดดบ่ายสามสี่สิบห้า และหมูแดดบ่ายสี่สามสิบสอง ซึ่งก็คือเนื้อแดดเดียว หมูแดดเดียวนั่นแหละ ทอดมาชิ้นโต ๆ ยาว ๆ ติดมันอร่อย และที่ฝากไว้ก่อน ยังไม่ได้สั่งก็คือหมูคุณฝน เป็นหมูสามชั้นทอดน่ากินมาก ซึ่งใช้ชื่อของลูกค้าขาประจำคนคุ้นเคยที่เป็นช่างแต่งหน้า

วันนั้นยังมีเมนูไม่เคยกินมาก่อนคือแกงร้อนใส่ฟองเต้าหู้ วุ้นเส้น เห็ดหูหนู ใส่กะทิและกะปิ ปรุงรสออกหวานหน่อย ส่วนยำต่าง ๆ ที่ได้ลิ้มลองไปคือยำหัวปลีกับยำมะเขือยาว

เขียนแนะนำคราวนี้รู้สึกเห็นใจคนอ่าน เพราะบอกไปก็อาจไม่ได้ชิม เอาเป็นว่าจงมีความพยายาม ถามหาจากเพื่อนฝูง ถ้ามีใครจองไว้ให้อ้อนวอนขอตามไปด้วย รับรองว่าจะมีความสุขล้นเหลือ นับเป็นประสบการณ์ประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิตเลยทีเดียว


Arrow Page Up