ร้านเจ๊นกอยู่ในย่านซอยชินเขต หลังมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ซึ่งเป็นซอยรองลับตาคน แต่ถือเป็นร้านขวัญใจนักศึกษาและคนทำงานในย่านนี้ เพราะของย่างและส้มตำของเจ๊นกนั้นอร่อยเด็ดอย่าบอกใคร
ถ้ามาจากทางถนนวิภาวดีรังสิตขาออก พอเลยแยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ให้เข้าทางคู่ขนาน แล้วเลี้ยวซ้ายลอดอุโมงค์วิ่งทะลุโครงการนอร์ธพาร์คที่มีสนามกอล์ฟราชพฤกษ์ ผ่านตึกที่ทำงานแล้วมาออกประตูหลัง เข้าซอยงามวงศ์วาน 47 แยก 39 จากนั้นวิ่งตรงต่อไปอีกนิดเดียวจนถึงสี่แยกที่มี 7-Eleven อยู่ตรงหัวมุมสี่แยกฝั่งตรงข้ามด้านขวา เลี้ยวขวาเข้าซอยนี้ได้เลยอีกอึดใจเดียวจะเห็นร้านส้มตำเจ๊นกอยู่ในซอกข้างตึกแถวทางซ้ายมือ จุดสังเกตฝั่งตรงข้ามร้านด้านขวาคือซอยงามวงศ์วาน 47 แยก 46 (ซอยชินเขต 2/44)
ถ้ามาจากถนนประชาชื่น (ตรงท่าทราย) ให้เลี้ยวเข้าซอยประชาชื่น 12 ตรงมาจนสุดแล้วเลี้ยวขวาที่สามแยก ผ่านด้านหลังมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จากนั้นถนนซอยจะเป็นทางบังคับเลี้ยวซ้าย ซึ่งก็คือซอยงามวงศ์วาน 47 แยก 39 นั่นเอง ถ้ามาด้านนี้ 7-Eleven จะอยู่ทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกนี้ ก็จะเห็นร้านเจ๊นกอยู่ทางด้านซ้ายมือเช่นกัน
เจ๊นกเป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด แต่รักการกินส้มตำเป็นชีวิตจิตใจ จึงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารอีสาน เปิดร้านส้มตำมา 22 ปีแล้วกับคุณอเนกคู่ชีวิต
ตัวร้านเล็ก ๆ อยู่ในซอกข้างตึกแถว อีกด้านหนึ่งคือกำแพงบ้านที่เอนเข้าหาตัวร้านอย่างพองาม (ตอนนี้เอียงมากขึ้นแล้ว) จึงกลายเป็นที่มาของชื่อร้านส้มตำเจ๊นก (กำแพงเอียง) สมควรที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะโปรโมตให้คนมากินกันมาก ๆ จนกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์คู่กับหอเอนแห่งเมืองปิซา
ของอร่อยเจ้านี้มีมากมายหลายอย่าง สนนราคาอาหารแต่ละจานนั้นถูกแสนถูก จึงไม่น่าแปลกใจที่บรรดาผู้คนจะแห่กันมาลิ้มลองช่วง 11 โมงครึ่งไปจนถึงบ่ายโมงกว่า ๆ เพราะฉะนั้นจงโปรดหลีกเลี่ยงช่วงเวลามื้อกลางวันด้วยนะจ๊ะ
มาแล้วต้องสั่งส้มตำที่มีให้เลือกนับ 10 ชนิด อ่านรายการอาหารที่กระดานได้เลย ส้มตำเจ้านี้เขาใส่มะนาวแท้ หน้าร้อนมะนาวแพงแค่ไหนก็ยังใจป้ำใช้มะนาวสดอยู่ดี ผมสั่งส้มตำ 2 แบบมาประชันกัน ทั้งส้มตำไข่เค็มที่เขาตำแบบตำไทย ใส่ไข่เค็มครึ่งลูกขยี้รวมกับมะละกอ ส่วนอีกครึ่งลูกวางเคียงข้างไว้ให้ในจาน รสชาติสดใสซาบซ่าหอมมันกินแล้วชื่นใจ
ส่วนอีกอย่างคือตำซั่วใส่ปูเค็มกับปลาร้าที่ผสมขนมจีนเส้นเล็ก ๆ คลุกเคล้ารวมกับมะละกอ ใส่ปลาร้าหอม ๆ กับปูเค็มเข้าไปด้วย หอมหวนอย่าบอกใคร ถ้าเป็นส้มตำธรรมดา เช่น ตำไทย ตำปู ตำปลาร้า จะคิดจานละ 30 บาทเท่านั้น
เมนูเด็ดที่ห้ามพลาดเป็นอันขาดคือคลุกฝุ่น (เนื้อ) จานนี้รสจัดสุด ๆ คล้ายกับเนื้อน้ำตกแต่รสจัดกว่า ใช้เนื้อติดมันนุ่ม ๆ คลุกกับเครื่องต่าง ๆ รวมทั้งน้ำจิ้มแจ่วที่ใส่ข้าวคั่ว บีบมะนาวลงไปตอนคั่วเพื่อให้มีกลิ่นหอมจรุงใจ ปรุงรสให้เผ็ดจัด ๆ จนเกิดอาการไอจามกันทุกคนไม่มีเว้น ถ้าไม่กินเนื้อก็มีคลุกฝุ่นไก่ หมู และคอหมูอีกด้วย
อาหารจำพวกปิ้งย่างมีมากมายหลายสิ่ง แต่ที่ต้องรีบจอง ช้าหมดอดกินคือตับย่างนุ่ม ๆหอม ๆ อย่าบอกใคร ถ้าชอบกินไก่ก็มีทั้งปีกกลางย่าง และสะโพกไก่ย่างหอม ๆ อีกอย่างที่ต้องลองให้ได้ก็คือไส้อ่อนย่าง นุ่มและหอมอร่อยเป็นที่สุด นอกนั้นยังมีคอหมูย่าง หมูย่าง ปลาดุกย่าง กับกึ๋นและหัวใจไก่
ถ้าชอบซดน้ำต้องลองต้มแซ่บเอ็นแก้วกับซี่โครงหมู ใส่เห็ดฟาง รสเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดผสมกับรสเค็มนิด ๆ หรือจะกินแกงอ่อมซี่โครงหมู ใส่ผักสารพัดรวมทั้งผักชีลาว
นอกจากนี้ยังมีลาบ (ควรสั่งลาบเป็ดใส่กึ๋นเป็ดจะหอมอร่อยเป็นที่สุด) น้ำตก ยำ ตับหวาน ซุบหน่อไม้ เรียกได้ว่าครบเครื่องเรื่องอีสาน ขอแนะนำเมนูใหม่ ลาบหน่อไม้ เหมือนซุบหน่อไม้แต่ใส่หมูสับด้วย และตำกะปิกุ้งสด ที่ใส่กะปิแทนปลาร้า กินกับกุ้งทะเลสด ๆ
ร้านนี้เขาปิดวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนวันทำการเปิด 9 โมงครึ่งถึงบ่าย 3 โมงครึ่ง โทร.สอบถามทางได้ที่ 08-2960-8578