24/11/2019

เฮือนใจ๋ยอง

เสน่ห์ของเฮือนใจ๋ยองอยู่ที่เขาทำอาหารพื้นบ้านทางเหนือรสชาติจัดจ้านเหมือนที่ทำกินในบ้านจริง ๆ จัดใส่ในถ้วยชามเซรามิกแบบง่าย ๆ ต้องขอบอกว่าลำขนาด ลำแต๊ ๆ เด็ดที่สุดเท่าที่ได้เคยกินมาทีเดียว
เฮือนใจ๋ยอง

 

thumbnail

ถ้าอยากชิมของอร่อยสุดยอดที่เมืองเชียงใหม่ เที่ยวกินครบจบภายใน 5-6 ร้าน ควรไปร้านไหนบ้าง คำตอบคือไม่ง่ายเลย เพราะเชียงใหม่อุดมไปด้วยของกิ๋นลำขนาดอยู่ทั่วทุกมุมเมือง มีทั้งร้านอาหารเหนือ ร้านที่ขายอาหารเฉพาะประเภท ร้านนานาชาติ เรื่องขนมเค้กของหวานก็โดดเด่นไม่แพ้กัน แค่นึกในใจ ปิ่นโตเถาเล็กก็มีร้านโปรดอยู่หลายสิบเจ้าทีเดียว

แต่ถ้าจะให้เลือก แน่นอนว่าอันดับหนึ่งย่อมต้องเป็นร้านอาหารเหนือ และร้านโปรดของข้าพเจ้าก็คือเฮือนใจ๋ยองที่เปิดมานานตั้งแต่พ.ศ. 2545 ด้วยความที่ครบเครื่องเรื่องรสชาติอาหารเมืองขนานแท้(โดยคนยอง) เรื่องความหลากหลายของเมนูพื้นบ้าน และได้บรรยากาศเมืองเหนือในเรือนไม้ล้านนาโบราณ ถ้าไม่ดีจริง คงไม่มีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศมาอุดหนุนกันเนืองแน่นทุกมื้อกลางวันเช่นนี้หรอก

ร้านเฮือนใจ๋ยองอยู่ริมถนนสายเชียงใหม่-สันกำแพงสายใหม่ มาจากแยกดอนจั่น ตรงถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง ผ่านศูนย์การค้า Promenada เป็นระยะทางประมาณ 9 ก.ม. ก็จะเห็นร้านเฮือนใจ๋ยองทางขวามือ ก่อนถึงแยกเข้าตัวอำเภอสันกำแพงเล็กน้อย จอดรถได้ในซอยข้างร้านกับที่ด้านหน้าร้านริมถนนได้เลย

พื้นเพของอาจารย์และคุณนกมาจาก ต.บวกค้าง อ.สันกำแพง ในละแวกนั้นเอง เป็นคนไทยเชื้อสายยอง(คนยอง) หรือคือคนไทลื้อที่อพยพมาจากรัฐฉานของพม่าในปัจจุบัน ตั้งแต่พ.ศ. 2356 เป็นเวลาเกือบ 200 ปีเข้าไปแล้ว จึงเป็นที่มาของชื่อร้าน

เริ่มแรกอาจารย์ลิปิกร มาแก้วกับคุณนก ศรีภรรยา ตลอดจนพี่แดงพี่สาว ขายลาบไก่ในเพิงเล็กๆ มาบัดนี้ขยับขยายกลายเป็นร้านอาหารผู้คนคึกคัก มีทั้งเรือนไม้ล้านนาสำหรับนั่งกินใต้ถุนบ้าน ส่วนชั้นบนตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้สมัยป่ออุ้ยแม่อุ้ย ด้านหนึ่งจัดเป็นมุมขันโตก ด้านหน้ามีเรือนเล็กชั้นเดียวสร้างใหม่ขายของพื้นเมือง ด้านข้างมีเรือนอีกหลังติดเครื่องปรับอากาศ ส่วนด้านหลังมีหอศิลป์และที่กินข้าวเพิ่มเติม ถัดจากห้องปรับอากาศมีร้านกาแฟเพิ่มมาอีก ต่อไปจนถึงริมถนนใหญ่ยังมีตึกสร้างใหม่ที่ชั้นล่างมีห้องกินข้าว เรียกว่า โซน L.A. อีกด้วย

เสน่ห์ของเฮือนใจ๋ยองอยู่ที่อาหารพื้นบ้านทางเหนือรสชาติเข้มข้นเหมือนที่ทำกินในบ้านจริงๆ จัดใส่ในถ้วยชามเซรามิกแบบง่ายๆ ลำแต๊ๆเด็ดที่สุดเท่าที่ได้เคยกินมาทีเดียว

ตอนนี้เฮือนใจ๋ยองเพิ่มของกิ๋นพื้นเมืองอีกมากมายรวมเป็น 50 กว่าอย่าง มีอาหารล้านนาที่รับรองว่าคนต่างถิ่นไม่รู้จักเพียบ ถ้ารออาหารแล้วหิวก็มีมุมขนมจีนน้ำเงี้ยวให้ตักเอง หยอดเงินจ่าย 30 บาทเองได้เลย และมีมุมผักสดพื้นบ้านเลือกหยิบตามใจชอบ(แต่ต้องกินให้หมด)

เมนูใหม่อันดับหนึ่งในดวงใจตอนนี้คือน้ำพริกน้ำปู๋(65 บาท) น้ำพริกหนุ่มผสมน้ำปู๋ ซึ่งทำจากปูนาตำทั้งกระดอง กรองเอากากออก เคี่ยวและปรุงรสจนได้น้ำสีดำๆเข้มข้น ช่างเป็นน้ำพริกที่ข้นหอมเป็นที่สุด และน้ำพริกดั้งเดิมที่สั่งประจำทุกครั้งคือน้ำพริกปลาจี่(65บาท) ได้ความหอมของพริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียม ห่อใบตองแล้วปิ้ง ผสมกับกลิ่นปลาช่อนย่าง แกล้มด้วยแคบหมูติดมัน(30 บาท)

thumbnail

เมนูใหม่อีกอย่างที่ชอบมากเช่นกันคือปูอ่อง(70 บาท) ทำจากเนื้อปูนากับมันปูนา(ที่เลี้ยงเองในนา)เคี่ยวแล้วกรอง แล้วเคี่ยวต่อกับฟักทอง ไข่และกระเทียม ขอบอกว่าเด็ดไม่แพ้มันปูญี่ปุ่นเลย อีกทั้งเมนูใหม่รสจี๊ดจ๊าดถูกใจสาวๆ ตำมะม่วงปลาแห้ง(80 บาท)ใส่ปลาช่อนแห้ง คลุกกับถั่วลิสง หอมแดงเจียว แกล้มด้วยผักเชียงดา ใบชะพลู และชะอม

ของกินพื้นเมืองที่หมดเร็วต้องรีบสั่งคือ ไก่เมืองนึ่งสมุนไพร(ราคาตามน้ำหนัก) หมักกับรากผักชี หอมแดง กระเทียม ลูกผักชี ดีปลี เม็ดตะไคร้กับตะไคร้ น้ำมันงา น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว และเกลือนาน 1 คืนจนรสจัดเข้าเนื้อหอมขมิ้น

ที่ห้ามพลาดอีก 2 อย่างคือ ต๋ำขนุน(65 บาท)หรือต๋ำบ่าหนุนอร่อยสุดๆ ขนุนอ่อนต้มจนเปื่อยแล้วนำมาโขลก ผัดกับหมูสับ แคบหมู ใส่มะเขือเทศ เครื่องแกง ใบมะกรูด ซึ่งในขั้นตอนจะมีการโขลกส่วนผสมอีกถึง 2 ครั้ง ก่อนเสิร์ฟราดน้ำมันกระเทียมเจียวจนหอม กับต๋ำบะเขือ(35 บาท)หรือตำมะเขือยาวใส่พริกชี้ฟ้าเขียว กระเทียม หอมแดงเผา ใส่ไข่ต้ม เป็นของง่ายๆที่อร่อยกลมกล่อมหอมกลิ่นมะเขือและไม่เผ็ด

thumbnail

อีกอย่างที่มาแล้วต้องสั่งทุกครั้งคือส้าผักกาดน้อย(60 บาท) เป็นยำผักที่รสชาติกลมกล่อมนุ่มนวล ทำจากผักกาดซอยเป็นชิ้นเล็กๆกับมะกอก(จึงมีกลิ่นน้ำมะกอกหอมๆ) ใส่เครื่องต่างๆ ปรุงด้วยน้ำยำปลาทับทิม โรยด้วยแคบหมู ส่วนผัดผักให้สั่งผักพื้นเมืองซึ่งมีวิตามินเอสูง เชียงดาผัดไข่(50 บาท) อร่อยหอมหวาน ผัดกับพริกชี้ฟ้าหอมๆ

จำพวกแกงมีให้เลือกหลากหลาย มีแกงหน่อไม้ (65 บาท) ใส่หน่อไม้หวานกิมซุงซึ่งอ่อนมากๆ ปรุงด้วยพริกหนุ่ม กะปิ หอม กระเทียม น้ำปลาร้าและน้ำซาวข้าว และแกงตูน(80 บาท)แกงพื้นบ้านทางเหนือใช้พริกแกงแค ใส่ก้านตูนกรอบๆ(ตูนคือคูนหรือออดิบนั่นเอง) กับเนื้อปลาช่อน มีรสเปรี้ยวด้วยมะนาว(หรือน้ำมะกรูด) นอกจากนี้ยังมีแกงแคกบรสจัดมาก(100 บาท) มาเมืองเหนือต้องกินเนื้อกบ สดอร่อยอย่าบอกใคร และมีแกงแคไก่ แคปลาให้เลือกอีกด้วย

อยากกินรสจัดเผ็ดร้อนทุกคำกลืนต้องลองแกงคั่วไก่(80 บาท) ทำแห้งๆน้ำขลุกขลิกเหมือนคั่วแค ใส่มะแขว่นและกะทิเล็กน้อย มีส่วนผสมของใบจัน(ใบยี่หร่า)ผัดกับน้ำพริกแกงแค จึงมีรสร้อนแรงเป็นที่สุด ส่วนลาบเมืองนั้น ให้สั่งลาบปลานิลคั่ว(70 บาท) ใส่มะแขว่นมีกลิ่นเอกลักษณ์เหมือนลาบหมูคั่ว

ยังมีของน่าลิ้มลองอีกเพียบทั้ง จิ้นส้มหมกไข่(40 บาท) คือแหนมใส่ไข่ห่อใบตองแล้วย่างไฟ กับจิ้นส้มผัดไข่(50 บาท)หรือแหนมผัดไข่ แอ็บปลานิลไร้ก้าง(50 บาท) คลุกเครื่องแกง ห่อใบตองแล้วย่างไฟอ่อนๆจนสุกหอม กินได้สบายใจไม่กลัวติดคอเพราะเอาก้างออกแล้ว ห่อนึ่งหมู(60 บาท ห่อนึ่งไก่ก็มี)ใส่หมูสามชั้นกับสันคอหมูและวุ้นเส้น นำมาคลุกเคล้ากับเครื่องแกงแบบเดียวกับพริกแกงแค ห่อด้วยใบตอง และนึ่งจนสุก คั่วโฮะ(65 บาท)หรือแกงโฮะใส่น้ำฮังเล ตะไคร้ โรยผงฮังเล และใส่ผักแกงแค หน่อไม้ดอง กับวุ้นเส้น มีรสออกหวานนิดหน่อย

นอกจากนี้ยังมีเมนูตามฤดูกาล เช่น หน่อยัดไส้ พริกยัดไส้ ตำหน่อไม้สด(คล้ายตำไทย)และเมนูอื่นๆ ให้ลองถามที่ร้านได้เลย

เมนูเหล่านี้กินคู่กับข้าวได้สารพัดแบบ มีทั้งข้าวนึ่ง(ข้าวเหนียวธรรมดา) ข้าวนึ่งข้าวกล้อง ข้าวนึ่งก่ำ(15 บาทรวด) อีกทั้งข้าวสวย(10 บาท) และข้าวกล้องสวย(15 บาท)ด้วย

จะเห็นได้ว่ามีของกิ๋นพื้นเมืองมากมายลำแต๊ๆจริงๆ เฮือนใจ๋ยองเปิดบริการ 10 โมงเช้าถึงบ่าย 4 โมง หยุดทุกวันจันทร์ โปรดหลีกเลี่ยงช่วงเที่ยง คนแน่นอย่าบอกใคร โทรสอบถามได้ที่ 08-6671-8710 08-6730-2673 ขอย้ำว่าร้านนี้อร่อยขนาดยกนิ้วให้ทั้งสองมือ แอ่วเมืองเหนือเมื่อไหร่ ต้องมาชิมให้ได้นะจ๊ะ


Arrow Page Up