เดี๋ยวนี้มีทั้งหมด 4 สาขา คือ ริมถนนสีลม ซึ่งเปิดมานานถึง 46 ปี ในซอยธนิยะ (เปิดมา 38 ปี) ซึ่งเป็นสาขาที่พวกเรารวมทั้งลูกค้าขาประจำอีกมากมายชอบมาอุดหนุน อีกทั้งสาขาเยาวราช และสาขาน้องใหม่เปิดมาไม่กี่ปีที่ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นเชียงการีลาโกลด์
สำหรับสาขาธนิยะนี้มีที่จอดรถสะดวกสบายในอาคารจอดรถญาดา ซึ่งอยู่ติดกับตัวภัตตาคารเลย หรือจะให้พนักงานที่ร้านนำรถไปจอดให้แทนก็ได้
ข้อดีของภัตตาคารระดับตำนานอย่างนี้ก็คือจะมีเมนูคลาสสิกที่อยู่คู่ร้านมานมนาน ซึ่งใครมาก็ต้องสั่งตลอด ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเมนูก็ขายดี รุ่นพ่อกินกันมาอย่างไร รุ่นลูกรุ่นหลานก็สั่งตามนั้นเช่นกัน
ใครมาเลี้ยงฉลองที่เชียงการีลาแล้วไม่ได้ลิ้มลองกุ้งมังกร 7 สีเหมือนมาไม่ถึงร้าน มีขนาดตั้งแต่ 1, 1.5, 2 กิโลกรัม บางครั้งได้ตัวใหญ่มหึมาถึง 4 กิโลกรัมก็มีด้วย
เมนูขึ้นชื่อพิเศษสุดคือกุ้งมังกรซาชิมิคู่กับหม้อไฟ แล่เนื้อกุ้งมังกรสด ๆ วางบนน้ำแข็งใส่มาในเรือลำใหญ่ ประดับด้วยหัวกุ้งมังกรสวยงาม จะจิ้มกับซีอิ๊วญี่ปุ่นใส่วาซาบิหรือน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ดีทั้งนั้น เนื้อหวานสดจริง ๆ จากนั้นพนักงานจะลวกกุ้งมังกรใส่ผักสดในหม้อไฟชามแก้วยักษ์ที่มีน้ำซุป
ตักแบ่งเป็นถ้วย ๆ ให้ทุกคน ส่วนหัวกุ้งมังกรยักษ์นั้นนำไปทำเมนูอื่นได้อีกหลายอย่าง ทั้งก๋วยเตี๋ยวคั่วหัวกุ้ง ข้าวต้ม ผัดหมี่ฮกเกี้ยน ผัดซอสเอกซ์โอ ผัดพริกเกลือ และโจ๊ก
มีของแปลกยอดฮิตอีกอย่าง คือ เลือดกุ้งมังกรสด ๆ สีมอ ๆ นำมาผสมกับสไปรท์แล้วแบ่งใส่ถ้วยน้ำชาเล็ก ๆ ให้เรากิน เลือดจะกลายเป็นวุ้นรสเค็ม ๆ
เมนูดังคู่กันอีกอย่างที่มาแล้วต้องชิมให้ได้ก็คือปลาเก๋ามังกรจากทะเลอินโดนีเซียที่หนัก 100 กว่ากิโลกรัมขึ้นไป เนื้อดึ๋ง ๆ ในปากทั้งนุ่มทั้งมันต่างจากปลาอื่นมาก และยังมีอีกหนึ่งทีเด็ดคือตับปลาเก๋ามังกร (และหัวกับหนังปลา) นึ่งซีอิ๊วหรือนึ่งกระเทียม
รสชาติมัน ๆ หอมหวานอย่าบอกใคร ซึ่งต้องสั่งจองล่วงหน้าเป็นวัน ๆ เพราะเป็นของหายาก
อีกอย่างที่ห้ามพลาดเป็นอันขาดคือไก่อบเกลือทั้งตัว ไก่บ้านเนื้อนุ่ม ๆ สับติดกระดูก หนังสีเหลืองมัน ๆ หอมสุด ๆ กินแล้วหยุดไม่ได้จริง ๆ ไก่อบเกลือนี้เป็นเมนูพิเศษต้องโทร.สั่งล่วงหน้า 1 วันเช่นกัน
เช่นเดียวกับหมูหันฮ่องกงที่กินทั้งเนื้อและหนังพร้อมกันก็ต้องจองล่วงหน้า เพราะเขาต้องเลาะกระดูกและนำไปเป่าแห้งถึง 5 ชั่วโมง เราเลยสั่งหมูหันปกติ ซึ่งทีเด็ดคือเนื้อหมูหันจะนำไปย่างจิ้มแจ่ว ซึ่งจะนุ่มหอมเอามาก ๆ
ส่วนออร์เดิร์ฟของกินเล่นมีทั้งร้อนและเย็น เราเลือกออร์เดิร์ฟร้อน 4 อย่างที่ขึ้นชื่อเรื่องจานใหญ่ยักษ์อลังการ เลือกได้หลากหลายเป็น 10 ชนิด เราสั่งลิ้นเป็ดพะโล้หอม ๆ มัน ๆ จิ้มน้ำจิ้มข้น ๆ คล้ายน้ำจิ้มซีฟู้ด กับกระเพาะปลาผัดแห้ง ปลาเงินทอดกรอบ
และกังป๋วยกับแปะก๊วยคั่วพริกเกลือ
ถ้ามาตอนกลางวันช่วง 11.00-14.00 น. ก็มีติ่มซำกวางตุ้งให้เลือกมากมาย (ส่วนที่สาขาธัญญาพาร์คมีทั้งกลางวันและเย็น) ผมสั่งขนมจีบกุ้ง ฮะเก๋า ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง ซาลาเปาลาวา ส่วนของทอดมีเปาะเปี๊ยะกุ้ยหลินเคลือบงาขาวสอดไส้กุ้ง สุดยอดมาก กับเกี๊ยวกุ้งกรอบไข่เค็ม
ต่อด้วยของดี กุ้งแม่น้ำผัดซอสพริกรสเข้มข้น ความอร่อยอยู่ที่มันกุ้งเยิ้ม ๆ ข้างในกับซอสพริกเผาทำเอง คลุกกับข้าวสวยร้อน ๆ เนื้อกุ้งแม่น้ำนุ่มกำลังดี
ปิดท้ายด้วยของหายาก ข้าวอบฮ่องกง หรือหลาบเหมยฝ่าน ประกอบด้วยหลาบเฉิงหรือกุนเชียงเนื้อหมูและกุนเชียงตับแสนอร่อย หลาบหยกหรือหมูสามชั้นตากแห้ง และเป็ดตากลมหนาวรมควัน (จากฮ่องกง) พร้อมข้าวนึ่งราดน้ำซีอิ๊วปรุงหอม ๆ มีน้ำซีอิ๊วให้เลือก
2 ชนิด เชิญสอบถามกันเอาเอง
ถึงอิ่มแสนอิ่มก็ต้องชิมของหวานให้ได้ ที่ชื่นชอบมาก ๆ คือเผือกทองคำ หรือคนนิยมเรียกว่าเกล็ดมังกร ด้านนอกเคลือบด้วยเม็ดกวยจี๊ มีไส้เผือกกวนกับแปะก๊วย หรือจะสั่งเผือกทองคำลาวาที่มีไส้ไข่เค็มเยิ้ม ๆ ข้างใน กัดเข้าไปรับรองฟินกับรสชาติสุดนัวที่แสนจะเข้ากันของไข่เค็มกับเผือกกวน
และพุทราจีนทอด หรือจะสั่งโอนี้แปะก๊วยที่ทำเป็นถ้วยเล็กสีสันสดใสโปะด้วยแปะก๊วย พุทราจีน เยลลี่ อีกทั้งแคนตาลูปสาคูเย็น บัวลอยน้ำขิง สาคูเผือกบดร้อน ให้ถามพนักงานดีที่สุดเพราะมีให้เลือกจนลานตา
ถ้าจะสั่งเป็นชุดโต๊ะจีนก็มีให้เลือกหลากหลายราคาคุ้มค่าไม่แพง เริ่มต้นที่ 10,500 บาท+ เซตยอดนิยมคือราคา 13,000 บาท+ ได้ครบทั้งกุ้งมังกร ปลาเก๋ามังกร และเป็ดปักกิ่ง (เพิ่มเป็น 13,800 บาท+ จากเป็ดปักกิ่งเปลี่ยนเป็นหมูหัน) และชุด 17,500 บาท+
ซึ่งได้เป๋าฮื้อออสเตรเลียเจี๋ยนด้วย
มากี่ครั้งก็ไม่เคยผิดหวัง ขอแนะนำให้มาเป็นหมู่คณะเพราะอาหารที่นี่เขาจานใหญ่จริง ๆ ฉะนั้นอย่ารีรอ รีบโทร.ไปจองที่สาขาธนิยะ โทร. 0-2234-0861-4 ช่วงมื้อเที่ยงเปิด 11 โมงเช้าถึงบ่าย 2 โมง และมื้อเย็นเปิด 6 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม อย่าลืมโทร.จองโต๊ะและเมนูพิเศษบางเมนูล่วงหน้า
1 วัน
