ร้านเชฟป้อมอยู่ในหมู่ตึกแถวของโครงการเจ.เอส.พี.3 ริมถนนพระราม 3 มาจากด้านคลองเตยให้วิ่งมาตามถนนพระราม 3 พอข้ามสะพานลอยข้ามแยกถนนสาธุประดิษฐ์แล้วให้ชิดซ้ายทันที จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าโครงการเจ.เอส.พี.3 (จุดสังเกตคือวัดดอกไม้ฝั่งตรงข้าม) ร้านเชฟป้อมอยู่ในตึกข้างในสุดริมแม่น้ำ
ตัวร้านด้านล่างมีโต๊ะทั้งใหญ่ กลาง เล็ก จุคนได้ 40 คน ชั้นลอยมีห้องส่วนตัวอีก 1 ห้อง ชั้นบนรับได้อีก 6 โต๊ะจีน มีฉากกั้นเป็นสัดส่วน อีกทั้งชั้น 3 ยังมีห้องใหญ่อีก 2 ห้อง รับได้ถึงโต๊ะละ 15 ที่ รวมทั้งร้านรับรองลูกค้าได้เต็มที่ประมาณ 150 คน
ตัวเลข 1977 ที่อยู่ในป้ายชื่อร้านนั้นคือปี ค.ศ. ที่เชฟป้อมเริ่มเข้าสู่วงการอาหารจีน ถ้าเปรียบเชฟป้อมเป็นทหารก็เคยผ่านสมรภูมิ (ทำอาหาร) มาอย่างโชกโชน ทั้งเยาวราช เฉิงตู ปักกิ่ง ฮาร์บิน ไทเป เกาสุง และฮ่องกง ไม่นับโรงแรมห้าดาวในไทย แถมยังเป็นเชฟกระทะเหล็กอาหารจีน เทคนิคการปรุงอาหารจึงมีลูกเล่นแพรวพราว แถมยังพูดจาแบบศิลปิน มีลูกเล่นลูกหยอด
ก่อนอื่นขอแนะนำกฎกติกาในการสั่งติ่มซำวันเสาร์-อาทิตย์ เชฟป้อมเปรียบเสมือนศิลปินรังสรรค์อาหารเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด ก่อนที่จะมาชิมติ่มซำมื้อกลางวันที่ร้านเชฟป้อมต้องโทร.มาจองโต๊ะล่วงหน้า 1 วัน และสั่งจองติ่มซำไว้เลยว่าต้องการสิ่งใดบ้าง อย่างละกี่จาน ทางร้านจะสาธยายให้ฟังว่ามีอะไรน่าชิมบ้าง ใครก็ตามที่เดินเข้าไปดุ่ย ๆ โดยไม่ได้จองโต๊ะไว้ในวันเสาร์-อาทิตย์ยังไงก็อดกินแน่นอน ถ้าไม่อยากเจอคนแน่นล้นให้มาวันธรรมดา วันจันทร์-ศุกร์ไม่ต้องจองอาหารก่อนล่วงหน้า
เชฟป้อมมีรายการอาหารใหม่ ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในเมนูบางส่วนด้วย อย่าลืมสอบถามผู้จัดการร้านหรือเชฟป้อมโดยตรง จะได้ชิมของอร่อยอื่น ๆ นอกเมนู แต่ที่พลาดไม่ได้เป็นอันขาดคือกล่องปริศนา แค่ชื่อก็ชวนให้อยากสั่งมาชิมแล้ว เมื่อเปิดกล่องไม้ออกมารับรองว่าต้องร้องว้าวกับติ่มซำตรงหน้า ตอนกินให้เริ่มจากฮะเก๋าสีแดงทำจากบีตรูตไส้ฟัวกราส์ผสมกุ้ง โฟมซอสด้านบนเป็นพาร์เมซานชีส ถัดมาเป็นเกี๊ยวหอยเชลล์ ข้างบนเป็นไข่ปลาแซลมอน คาเวียร์ ราดซอสเอกซ์โอ ส่วนอันที่เป็นปลาคาร์ปข้างในเป็นเนื้อปลาหิมะ ก่อนหยิบเข้าปากอยากให้สังเกตตาปลาคาร์ปให้ดีว่าเชฟป้อมพิถีพิถันทำให้สมจริงขนาดไหน ต่อกันด้วยขนมจีบหมูสับไข่นกกระทา หน้าตาอาจดูธรรมดาแต่ข้างในเป็นไข่นกกระทาที่คำนวณเวลานึ่งมาเป็นอย่างดี ทำให้ไส้ไหลเป็นลาวา ราดด้วยซอสสาหร่ายปรุงรส ปิดท้ายความตื่นตากันด้วยฮะเก๋าวาซาบิสีเขียวเข้มไส้กุ้งที่มาพร้อมรสเผ็ดร้อนและกลิ่นฉุนอันเป็นเอกลักษณ์ของวาซาบิ
อีกหนึ่งเมนูชื่อเชิญชวนให้ต้องสั่ง เถ้าถ่าน แท้จริงแล้วเป็นฟัวกราส์ผสมซอสหมูแดงห่อด้วยแป้งชาร์โคล สีเข้มเหมือนถ่าน กินกับมะเขือเทศ ครัมเบิลขิงกรุบกรอบ และซอสมะม่วง เป็นส่วนผสมที่ช่างเข้ากันจริง ๆ
สำหรับเมนูติ่มซำเชฟป้อมใช้วัตถุดิบคุณภาพดี นึ่งกันสด ๆ เมื่อลูกค้าออร์เดอร์ แต่ละอย่างจึงทำออกมาได้อร่อยล้ำสมเป็นติ่มซำสไตล์กวางตุ้งและเสฉวน โดยมีให้เลือกประมาณ 25 ชนิด ส่วนใหญ่เสิร์ฟมาที่ละ 3 ชิ้น ที่ห้ามพลาดเลยคือฮะเก๋าไส้กุ้งกรอบแสนกรอบ เกี๊ยวหอยเชลล์ไส้แน่นเด้งดึ๋งอร่อย ราดน้ำซีอิ๊วใส่หอมเจียวกับต้นหอม ขนมจีบหมูไข่นกกระทา เกี๊ยวปูชีส ไส้เด็ดมากมีทั้งเนื้อปูก้อน กุ้งสับ กินกับมายองเนส ก๋วยเตี๋ยวหลอดหมูอบ ก๋วยเตี๋ยวหลอดหอยเชลล์สไตล์กวางตุ้ง ก๋วยเตี๋ยวหลอดหมึกดำไส้กุ้งกรอบ ที่เชฟป้อมคิดใหม่ ทำใหม่ จนได้แป้งก๋วยเตี๋ยวหลอดใส่หมึกดำ ข้างในเป็นกุ้งกรอบ
ยังมีขนมผักกาดกรอบนอกนุ่มในกินกับซีอิ๊วหวาน ทับทิมกุ้งชาเขียวมัดมาเป็นถุง ๆ ปากเขียว มีลูกตา 2 ข้างคือไข่ปลาแซลมอน แป้งหนาหน่อย เป็นแป้งใส ๆ เคี้ยวแล้วเด้งในปากอร่อยดี ซาลาเปาหิมะ เนื้อแป้งเป็นสีขาวเนื้อทราย ๆ นำไปอบแทนการนึ่ง โรยน้ำตาลและมีอัลมอนด์ด้านบน หน้าตาคล้ายขนมปัง ซาลาเปาไส้หมูแดงที่รักษาเอกลักษณ์โบราณ คือย่างกับไม้จนไส้หมูแดงมีกลิ่นควันหอม ๆ เนื้อแป้งซาลาเปาเป็นปุยฝ้าย ต้องกินตอนร้อน ๆ ถึงจะฟูนุ่ม ถ้าปล่อยจนเย็นแป้งจะกระด้าง และเสี่ยวหลงเปาไส้น้ำซุปหอม ๆ ร้อน ๆ มีความมันนิด ๆ
อีกอย่างที่เอาน้ำซอสมาคลุกข้าวสวยกินอร่อยเข้มข้นก็คือเป๋าฮื้อออสเตรเลียกับตับห่านและเห็ดทรัฟเฟิล เป็นอาหารจีนหน้าตาสไตล์ยุโรป โดยนำเป๋าฮื้อเคี่ยวนาน 2 วันกับแฮมยูนนาน ไก่แก่ และเนื้อหมูจนนุ่มเข้าเนื้อ เข้ากันดีกับฟัวกราส์หรือตับห่านและเห็ดทรัฟเฟิลจากอิตาลี จิ้มน้ำส้มบัลซามิกสีเข้มและมัสตาร์ด แกล้มด้วยสลัดผักสด เก็บท้องไว้อีกนิดเพื่อกินนกพิราบในตำนานที่หมักเครื่องเทศแล้วนำไปต้มพะโล้ จากนั้นผึ่งลมให้แห้งเพื่อให้รสชาติซึมเข้าไปในเนื้อ แล้วนำไปทอด ยกเสิร์ฟมาในกรงนกกันเลยทีเดียว
ร้านจีนมีเสน่ห์มีลูกเล่นไม่เหมือนใครแบบนี้สมควรตามไปชิมโดยด่วน อยากกินอะไรให้สอบถามเชฟป้อมกันอย่างด่วนที่สุด
