ตัวร้านเป็นบ้านสีฟ้าโดดเด่นสไตล์น่ารักอบอุ่น อยู่ในซอยสุขุมวิท 49/11 (ซอยพร้อมศรี 1) ซึ่งเป็นซอยที่เชื่อมระหว่างซอยสุขุมวิท 49 กับซอยสุขุมวิท 39 ถ้าเลี้ยวมาจากด้านโรงพยาบาลสมิติเวช เข้าซอยมาเพียงไม่ถึง 200 เมตรก็จะเห็นร้าน Truly Scrumptious (ทรูลี่ สครัมเชียส) ทางขวามือ โดยจอดรถได้ที่ The Racquet Club ซึ่งอยู่เยื้อง ๆ กันทางซ้าย
คุณดิ๋ง-นิดา สิงหเนตร ผู้มีใจรักในการทำเค้กโดยเน้นค้นคว้าหัดทำด้วยตนเองเป็นหลักตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่อังกฤษ คุณดิ๋งลาออกจากงานลักชัวรีแฟชั่นหันมาเปิดร้านเค้กเต็มตัว ตั้งชื่อร้านแปลความหมายได้ว่า เลอเลิศ ถูกใจมาก อันเป็นวลีที่คนอังกฤษนิยมใช้กัน โดยมีหุ้นส่วนอีกคนคือคุณแพรว-ชุลีอร ชลิตอาภรณ์ คอยดูแลส่วนบริการหน้าร้าน
จุดเด่นของทรูลี่ สครัมเชียสคือเค้กแต่ละตัวมีลูกเล่นส่วนผสมโดดเด่นไม่ธรรมดา หากินที่อื่นได้ยาก คัดสรรเลือกใช้วัตถุดิบชั้นเลิศอย่างพิถีพิถัน อย่างเช่นช็อกโกแลต คุณดิ๋งจะใช้หลายชนิดเพื่อให้มีรสชาติเข้ากับคาแรกเตอร์ของเค้กแต่ละอย่างที่ไม่ซ้ำกัน แม้เค้กแต่ละชิ้นจะมีราคาสูงสักหน่อยแต่เมื่อได้กินเข้าไปแล้วถึงขนาดต้องร้องว้าวด้วยความตื่นตาตื่นใจทีเดียว
คุณดิ๋งนิยมทำเค้กเนื้อหนักหน่อยแต่ชุ่มฉ่ำ กินแล้วเพลิดเพลิน แต่ละวันมีเค้กประมาณ 10 ชนิดเท่านั้น เพราะเป็นสไตล์โฮมเมดทำเองทั้งหมด แถมยังคิดค้นเค้กใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ด้วย
เค้กซิกเนเจอร์ของร้านที่มาแล้วห้ามพลาดก็คือ Basque Burnt Cheesecake เป็นชีสเค้กที่มีต้นกำเนิดจากแคว้นบาสก์ของสเปน อบในอุณหภูมิสูงให้หน้าชีสเค้กไหม้นิด ๆ เป็นสีน้ำตาลทอง คุณดิ๋งปรับเนื้อชีสเค้กให้เป็นแบบเยิ้ม ๆ ครีม ๆ หอมมันตามรสนิยมของคนไทย ขอบอกว่าใช่เลย หอมมันครีม ๆ เข้มข้นมีรสเค็มอมเปรี้ยว นี่แหละคุณลักษณะที่ถูกต้องของชีสเค้กที่ต้องมีรสเค็มนิด ๆ
อีกเมนูที่คนชื่นชอบกันมากคือ Signature Black Beer Cake หรือเค้กเบียร์ดำ (เฉพาะกลิ่นและรส แต่ไม่มีแอลกอฮอล์) ผสมช็อกโกแลตเนื้อหนักหน่อย แต่ชุ่มฉ่ำมาก โปะหน้าด้วยครีมชีสหนา ๆ กินแล้วหยุดไม่ได้ คุณดิ๋งบอกว่าถ้ามาวันธรรมดาจะเพิ่มเป็นคอนญัก (Cognac) ครีมชีสให้ด้วย ซึ่งจะเติมดับเบิลครีมให้รสนุ่มนวลอีกต่างหาก และมีเชอร์รี (หรือผลไม้อื่น เช่น แบล็กเบอร์รี) ให้ด้านบน ใครสนใจสามารถสั่งทางออนไลน์เป็นก้อน ๆ ได้ด้วย
เมนู Chocolate Ganache with Ovaltine Mascarpone Filling & Mixed Berries คือเค้กช็อกโกแลตเนื้อแน่น ๆ แต่ชุ่มฉ่ำ สอดไส้ด้วยโอวัลตินมาสคาร์โปเนครีมหอมหวานมัน มีหน้าช็อกโกแลตกานาชหนา ๆ เข้ม ๆ และมีเบอร์รีต่าง ๆ ช่วยเพิ่มความสดชื่น ด้วยความที่เค้กชนิดนี้ฉ่ำมากจึงปาดหน้าเค้กได้ยาก เราจะไม่ได้เห็นขายหน้าร้านบ่อยนัก ถ้าเจอก็ขอแนะนำให้สั่งมาเลี้ยงฉลองกันเลยดีกว่า
ส่วนเค้กหน้าร้านที่ต้องลองอีกอย่างคือ Signature Carrot Cake เนื้อเค้กมีทั้งแครอทเป็นชิ้น ๆ กับวอลนัต และเค้กที่โปะหน้าด้วยโอวัลตินมาสคาร์โปเนครีมอีกอย่างก็คือ Banana Chocolate Chip Cake with Mascarpone Ovaltine เนื้อเค้กกล้วยหอมผสมช็อกโกแลตชิป
มีเค้กที่เด็ก ๆ โปรดปรานคือ Galaxy with Star Constellation Chocolate Ganache เป็นเค้กช็อกโกแลตบัตเตอร์มิลก์ชุ่มฉ่ำมาก สอดไส้ด้วยโอวัลติน ปาดด้วยช็อกโกแลตกานาช ด้านบนมี M&M และของตกแต่งอื่น ๆ ที่เด็ก ๆ ชอบ
ยังมีเค้กดี ๆ อีกเพียบ เช่น Naked Raspberries Chocolate Cake with Chocolate Cream Cheese เนื้อเค้กช็อกโกแลตบัตเตอร์มิลก์ มีราสป์เบอร์รีสด และเพิ่มความเข้มหอมมันด้วยช็อกโกแลตครีมชีส ถ้าชอบเค้กหวานหน่อยให้สั่ง Naked Confetti Buttercream Cake เนื้อเค้กวานิลลาบัตเตอร์ครีมและมีตัวครัมบ์ผสมสปริงเคิลสีรุ้งสอดไส้และอยู่ด้านบนเค้กด้วย
ใครที่มาแต่เช้าและยังไม่ได้กินของคาวลองสั่งคีช (Quiche) ประจำวัน ใส่เบคอน ผักโขม เห็ด และหัวหอมสับ มีชีสเชดดาร์และมอซซาเรลลาด้วย
วันเสาร์-อาทิตย์มีเมนูพิเศษเพิ่ม เช่น หมี่โกเร็งโทสตี้ (Mee Goreng Toastie) แซนด์วิชขนมปังโฮลเกรนปิ้งไส้แฮมกับไข่ดาวไข่แดงเยิ้ม ๆ และมีไส้บะหมี่ผัดซอสหมี่โกเรงเหมือนของมาเลย์ ผัดซีอิ๊วใส่เครื่องปรุงและต้นหอมเป็นทีเด็ดอีกด้วย
ขนาดช็อกโกแลตเย็นชื่อว่า Chocolate Darkness ยังหอมมันไม่หวานมาก และมีกาแฟคั่วบดเมนูต่าง ๆ ให้เลือกอีกหลายอย่าง ใครได้ลองชิมเค้กมีระดับด้วยตนเองรับรองว่าจะต้องตกหลุมรักเจ้านี้แน่นอน