แม้เป็นอาหารที่แสนจะดูธรรมดา ๆ มีอยู่ทั่วไป มองเผิน ๆ นึกว่าแต่ละเจ้าที่ทำขายนั้นคงมีรสชาติไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก แต่ถ้าใครได้ลิ้มชิมรสเต้าหู้ทอดและของทอดที่ร้านเต้าหู้ทอดสวัสดี แม่โอเล่แล้วจะรู้ซึ้งว่าของที่ดูธรรมดานี้ถ้าคนทำมีเคล็ดลับทีเด็ดรายละเอียดในหลากหลายแง่มุมก็สามารถสร้างสรรค์เต้าหู้ทอดให้อร่อยเลิศเลอ ถึงขนาดที่ว่าใครก็ตามที่ลิ้มลองเข้าไปแล้วจะจดจำฝันถึงไม่มีวันลืมจนกลายเป็นขาประจำติดกันงอมแงม
ทางไปร้านนั้นให้มาทางถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรีจากห้างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ (ตรงสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง แยกนนทบุรี 1) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเรวดีไปเพียง 500 เมตรก็ถึงร้านเต้าหู้ทอดสวัสดี แม่โอเล่ ตั้งอยู่ในตึกแถวปากซอยเรวดี 62 ทางซ้ายมือ
แม่โอเล่หรือคุณสิรีธร สวัสดีเป็นลูกสาวคนโตของคุณพ่ออำนวยและคุณแม่สมเกาะ ซึ่งช่วยกันทำร้านทั้งครอบครัว คุณแม่เล่าว่าขายมานานตั้งแต่ พ.ศ. 2526 เดิมอยู่แถวสุทธิสาร ใกล้ซอยอินทามระ 41 จากนั้นได้มาซื้อตึกแถวในซอยเรวดีเมื่อปี 2536
ตอนนี้มีทั้งหมด 4 สาขา ที่ซอยเรวดี 62 ที่สุทธิสาร (ระหว่างซอยอินทามระ 41-43 ซึ่งคุณแม่กับน้าของแม่โอเล่จะไปขายที่นั่น) ที่ชั้น 6 ศูนย์อาหารเดอะมอลล์งามวงศ์วาน และชั้น G เดอะมอลล์บางแค โดยศูนย์ผลิตที่ซอยเรวดีนั้นเปิดขายตั้งแต่เช้าตรู่ตอน 6 โมงเช้าไปจนถึงบ่าย 2 โมงครึ่ง ทำกันวันต่อวันเลยทีเดียว
เต้าหู้ทอดเจ้านี้จะไม่อร่อยได้อย่างไร เพราะเขาทำเต้าหู้เอง เนื่องจากเคยซื้อมาทอดแล้วไม่ถูกใจ โดยเริ่มทำตอน 2 ทุ่มไปจนถึงตอนเช้า วิธีการทำเหมือนการทำเต้าหู้ทั่วไปที่นำถั่วเหลืองเกรดดี ใหม่ สดมาเข้าเครื่องบด แยกกากออก กรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วนำไปต้ม เคล็ดลับความแตกต่างอยู่ตรงที่เขาใช้น้ำเค็มหรือน้ำเกลือเข้มข้นที่ได้จากการทำนาเกลือ โดยซื้อมาจากโรงเกลือ (ปีหนึ่งจะมีไม่กี่หน) ทำให้เต้าหู้ตกตะกอนเป็นวุ้น ๆ หรือเป็นลิ่ม แล้วเทใส่พิมพ์ เอาของหนักกดทับเป็นบล็อก ๆ กลายเป็นเต้าหู้รสชาติและเนื้อสัมผัสอร่อย ทำวันต่อวัน ที่นี่ไม่ทำของค้าง
ทีเด็ดอีกอย่างคือของขายดีคู่กับเต้าหู้ทอด นั่นก็คือเผือกทอด ซึ่งไสเผือกเป็นเส้น ๆ แล้วผสมแป้งหมี่ เกลือ และน้ำ ความแตกต่างอยู่ที่เขามีเผือก 2 ชนิด คือ อย่างกรอบ และอย่างนุ่มซึ่งห่อด้วยฟองเต้าหู้แล้วนำไปทอด กินสลับกันแล้วจะเพลินมาก
นอกจากนี้ก็มีข้าวโพดทอด ที่ต้องฝานข้าวโพดกันสด ๆ ผสมแป้งหมี่ ปรุงรสด้วยเกลือ ซึ่งก็มี 2 ชนิดทั้งอย่างกรอบและอย่างนุ่มที่ห่อด้วยฟองเต้าหู้เหมือนกัน และยังมีหัวไชเท้าทอดซึ่งไสเป็นเส้น ๆ และใส่เกลือเพื่อลดความขื่น นวดให้นิ่ม ล้างน้ำเปล่า และบีบให้แห้ง จึงนำไปผสมแป้งหมี่ และห่อด้วยฟองเต้าหู้เช่นกัน
กระทะทอดใบใหญ่ไม่เหมือนใครตรงที่มีตะแกรงเป็นซี่ ๆ สวมทับอีกทีเป็นไอเดียของคุณพ่ออำนวยที่ออกแบบเอง ทอดเสร็จก็ยกของทอดผึ่งไว้บนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน และไอร้อนจากน้ำมันก็ช่วยให้ของทอดร้อนอยู่เสมอ
เต้าหู้ทอดถ้าขาดน้ำจิ้มที่ดีก็จะหมดเสน่ห์ไปมากโข แต่ที่ร้านนี้น้ำจิ้มนั้นคือสุดยอดแห่งน้ำจิ้มทีเดียว มีครบทุกรสลงตัว ใส่ถั่วลิสง 3 แบบผสมกันที่คั่วเองหอม ๆ ลงทุนเครื่องทุ่นแรงทั้งเครื่องร่อนเปลือกถั่วลิสง เครื่องบด และเครื่องคั่วซึ่งคั่วได้ถึง
50 กิโลกรัม โดยจะเคี่ยวน้ำจิ้มทำจากน้ำมะขามเปียก น้ำตาล เกลือ และน้ำเปล่านานถึง 4-5 ชั่วโมง ใส่ถั่วลิสงคั่วป่นและพริกสด โรยหน้าด้วยผักชี (ช่วงเจจะไม่ใส่)
อีกอย่างคือไม่น่าเชื่อว่าร้านนี้ยังขายทุกอย่างชิ้นละ 5 บาทเท่านั้น ถ้าขึ้นห้างขายชุดละ 5 ชิ้น 45 บาท เรียกได้ว่าถูกและดีก็มีในโลกจริง ๆ
ทางร้านยังมีโปรโมชั่นตลอดกาล คนสูงอายุ 70 ปีขึ้นไป คนตั้งครรภ์ และคนทุพพลภาพมารับของทอดชุดเล็ก 20 บาทฟรี
1 ชุด หรือรับเป็นส่วนลด 20 บาทก็ได้
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมจึงมีผู้คนแวะเวียนมาซื้อกันอย่างไม่ขาดสาย แถมยังสามารถสั่งให้มาส่งได้ทาง LINE MAN, Foodpanda และ Grab Food อีกต่างหาก บางคนยอมจ่ายค่าส่ง 300 บาทเพื่อซื้อของทอดแค่ 50
บาทก็มี อร่อยขนาดไหนต้องไปชิมด้วยตัวเอง แม่โอเล่ บอกว่าถ้ามาไวก่อนบ่ายโมงจะได้ชิมทุกอย่างในคราวเดียว