19/12/19

ลา โบเตก้า ดิ ลูค่า (La Bottega di Luca)

ร้านอาหารบรรยากาศโรแมนติกที่คุณไม่จำเป็นต้องแต่งตัวโก้หรูเป็นทางการก็มากินอาหารอร่อยแบบผ่อนคลายได้อย่างสบาย ๆ ต้องร้านนี้เลย ลา โบเตก้า ดิ ลูค่า (La Bottega di Luca) ร้านเมดิเตอร์เรเนียนอิตาเลียนหรูบนชั้น 2 ของโครงการเดอะ 49 เทอร์เรซ (The 49 Terrace) ในซอยสุขุมวิท 49
ลา โบเตก้า ดิ ลูค่า (La Bottega di Luca)

 

หนึ่งในเจ้าของคือคุณลูค่า อัปปีโน (Luca Appino) เชฟมากประสบการณ์จากร้านอิตาเลียนชื่อดังทางตอนใต้และตอนเหนือของอิตาลี ตลอดจนร้านอาหารเมดิเตอร์เรเนียนในตุรกี จากนั้นมาเริ่มงานในเมืองไทยที่ร้านอีโนเตก้า (Enoteca) ยุคแรกเริ่มในปี 2547 จนมาร่วมเปิดร้านของตนเองที่นี่เมื่อ พ.ศ. 2551 จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 11 ปีแล้ว มาร้านนี้มีข้อแม้ว่าควรจะพาญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมากันเกิน 4 คนขึ้นไป เพราะเมนูแนะนำบางอย่างมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ชิมกันถล่มทลายจริง ๆ ตัวร้านมีทั้งโซนด้านในใกล้ครัวเปิด เทอร์เรซหรือระเบียงด้านนอก ตลอดจนห้องส่วนตัวที่จุได้ 14 คน

thumbnail

ของโปรดตลอดกาลในใจใครหลายคนคือชีสบูราต้ากับปาร์มาแฮมและมะเขือเทศเชอร์รีหมักน้ำมันมะกอกและน้ำส้มสายชูหมักบัลซามิก (Balsamic) ชีสบูราต้า (Burrata) เป็นชีสสดทำจากชีสมอซซาเรลลาผสมครีมหอมมันถึงใจ ที่นี่ใช้บูราต้าชั้นเลิศจากเมืองอันดรีอา (Andria) แคว้นปุลยา (Puglia) เสิร์ฟมาเป็นถุงใหญ่ ตักจ้วงตรงกลางจะได้ชีสครีมนุ่ม ๆ กินกับปาร์มาแฮมเกรดดีเลิศที่บ่มนานถึง 24 เดือน นุ่มหอมอย่าบอกใคร แกล้มกับมะเขือเทศเชอร์รีหวานสดจากเชียงใหม่ มีบัลซามิกข้นหอมกับน้ำผึ้งให้ราดบนชีส ใครที่อยากกินพาสต้าเส้น ๆ มาถูกที่แล้ว ที่นี่เขาทำเส้นพาสต้าเองสด ๆ รวมไปถึงขนมปังแสนอร่อยเพราะทางร้านทำเองเช่นกัน ห้ามพลาดสปาเกตตีหอยลายในซอสไวน์ขาว เรียกว่าวองโกเล (Vongole) เมนูเส้นสุดฮิตตลอดกาลของร้าน ความอร่อยเริ่มตั้งแต่เส้นสุกกำลังดีหนึบนอกกรุบในเป๊ะ ๆ เหมือนที่คนอิตาเลียนชอบกิน กินกับหอยลายตัวโต ๆ ที่ผัดปรุงรสจนหอมกรุ่น

ควรสั่งพาสต้าอีกอย่างที่ให้อารมณ์รสสัมผัสอร่อยคนละแบบแตกต่างกัน นั่นคือราวิโอลีไส้เห็ดป่า (Ravioli with Wild Mushrooms) ราดซอสชีสริคอตต้ากับซอสที่ทำจากใบเซจ ตัวพาสต้าเคี้ยวหนึบอร่อย จานนี้รสชาตินุ่มหอมมันครีม ๆ ชิมไปชิมมาหมดในพริบตา จานหลักมีให้เลือกทั้งซี่โครงแกะย่าง ปลาชั้นเลิศจากเมดิเตอร์เรเนียนและยุโรป และที่สำคัญที่นี่คือสวรรค์ของรักสเต๊ก ไม่ควรพลาดเด็ดขาดคือเมนูสเต๊กเนื้อย่างจานยักษ์ เนื้อโทมาฮอว์กออสเตรเลียนวากิว เนื้อติดกระดูกรูปเหมือนขวานโทมาฮอว์กชิ้นหนาใหญ่ยักษ์ แชร์กันได้ 4 คนสบาย ๆ จี่ในกระทะเร็ว ๆ จนผิวเนื้อด้านนอกปิดผนึกห่อหุ้มความชุ่มฉ่ำด้านในไว้ได้ ปรุงด้วยกระเทียม ไทม์ (Thyme) และโรสแมรี หมักกับไวน์แดง แล้วเข้าเตาอบเพื่อให้น้ำตาลในไวน์แดงกลายเป็นคาราเมลเคลือบเนื้อสีเข้มสวย จากนั้นนำมาย่างจนหอมอีกครั้งหนึ่ง เนื้อสไตล์ฟิโอเรนตินา (Fiorentina Style) หรือสไตล์เมืองฟลอเรนซ์นี้จะหั่นชิ้นหนา ๆ และนิยมรับประทานไม่สุกมากยังมีเลือดซิบ ๆ หอม ๆ ฉ่ำ ๆ นุ่มหอมอร่อยจนสุดจะบรรยาย

thumbnail
thumbnail

ส่วนขนมหวานเชฟหนุ่มหล่อหน้าตาคมตามสไตล์ชาวอิตาเลียน Andrea Ortu แนะนำ เครปบรูเลแยมเลมอน (Crepes Brulee Lemon Curd) เชฟอันเดรอานำเครมบรูเลของหวานขึ้นชื่อของชาวปารีเซียงมาประยุกต์โดยใช้แป้งเครปเนื้อนุ่มมาห่อไส้แล้วม้วนเป็นแท่งคล้ายเปาะเปี๊ยะ ตอนเสิร์ฟเชฟหั่นเฉียงให้เห็นความเนียนนุ่มของไส้เลมอนเคิร์ด ส่วนด้านบนยังคงคาราเมลที่ให้กลิ่นหอมของน้ำตาลไหม้ที่มาช่วยเบรกความเปรี้ยวของเลมอนได้อย่างลงตัว ตกแต่งด้วยซอสจากผลไม้สีแดง เสิร์ฟกับสตรอว์เบอร์รีสดปิดท้ายด้วยเมนูล้างปากอย่างไอศกรีมพิสตาชิโอโฮมเมด (Pistachio Homemade Ice Cream) ทางร้านเจาะจงใช้ถั่วพิสตาชิโอจากเมืองคาตาเนีย ประเทศอิตาลี เพื่อให้ได้ถั่วคุณภาพพรีเมียม ได้รสชาติไอศกรีมสไตล์อิตาเลียนเจลาโตแท้ ๆ

ข่าวดีคือทุกวันอังคาร-ศุกร์ มื้อกลางวันมีคอร์สอาหารกลางวันเป็นชุดราคาย่อมเยาให้เลือกชิมด้วย ขอแนะนำว่าสมควรไปชิมเป็นอย่างยิ่ง เพราะคุ้มค่าเกินราคาแน่นอน เริ่มด้วยสตาร์ตเตอร์ที่จัดเป็นบุฟเฟต์มีให้เลือกหลายเมนู ส่วนเมนคอร์สกับของหวานเป็นอะลาคาร์ต รับรองว่าเป็นอิตาเลียนแท้ ๆ ที่รสจัดจ้านถูกปากคนไทยแน่นอน


Arrow Page Up