25/12/19

ฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่แบบไม่ธรรมดา!กับ 8 พิกัดร้านนานาชาติจากเชลล์ชวนชิม

อิ่มอร่อยแบบมีอินเนอร์ รับประกันว่าทีมอินเตอร์ ต้องถูกใจสิ่งนี้!
ฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่แบบไม่ธรรมดา!กับ 8 พิกัดร้านนานาชาติจากเชลล์ชวนชิม

 

thumbnail

1.La Monita (ลาโมนิต้า)

“ถ้าอยากสัมผัสรสชาติเม็กซิกันแท้ ๆ ให้มาที่ร้านลาโมนิต้า”

ที่ร้านมีอาหารที่หน้าตาเหมือนขนมเบื้องบ้านเรา แต่รสชาติแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เรียกว่าทาโก้ (Tacos) ซึ่งมีไส้ให้เลือกถึง 15 ชนิด เช่น กุ้งย่าง ไก่ย่าง หรือปลากะพงย่าง เมนูกินเล่นยอดนิยมของร้านคือ นาโชฟรายส์สเต๊ก เนื้อริบอายและเฟรนช์ฟรายส์ราดด้วยชีสเหลวและกัวคาโมเล อย่าลืมสั่งสเต๊กเนื้อจานร้อนควันฉุย ฟาฮีตา และ เอนซาลาดา สลัดสไตล์เม็กซิกัน ใส่มาในชามแป้งทาโก้กรอบ ก็น่าชิมไม่แพ้กัน ยังมีอาหารเม็กซิกันให้เลือกอีกหลายสิบเมนู แนะนำให้ไปกันเยอะ ๆ จะได้เลือกชิมหลาย ๆ อย่าง ถ้าไปตอนมื้อเย็นแนะนำให้รีบไปเพราะอาจต้องรอคิวนาน หรือจะมากินบรันช์ที่มีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ก็ได้

พิกัด : ด้านข้างอาคารมหาทุนพลาซ่า ถนนเพลินจิต

2.Nabezo Premium (นาเบโซ พรีเมียม) 

“ร้านที่ปฏิวัติการกินชาบูชาบูของคนไทย ให้กินตามขนบแท้แต่ดั้งเดิมของญี่ปุ่น”

นาเบโซ พรีเมียม ไม่ใช่ร้านชาบูชาบูสไตล์กินไม่อั้น แต่เป็นชาบูชาบูระดับพรีเมียมที่เสิร์ฟเป็นคอร์สไล่เรียงไป เริ่มจากเลือกอาหารเรียกน้ำย่อยประจำวันที่เรียกว่า Omakase แล้วจึงเลือกน้ำซุป จาก 5 ชนิด ได้แก่ ซุปชาบูชาบู ซุปสุกี้ยากี้ ซุปโตนิว ซุปคานิ และซุปกิวนาเบะ จากนั้นตามด้วย Meal ที่เป็นเมนูปรุงตามซุปและคอร์สที่เราเลือก สามารถเลือกได้ทั้งคอร์สเนื้อโอมิ คอร์สเนื้อวากิวออสเตรเลีย คอร์สหมูดำคุโรบูตะ คอร์สขาปูทาระบะ คิงแคร้บจากฮอกไกโด และคอร์สเนื้อโอมิที่เสิร์ฟพร้อมกับขาปูทาระบะอีก 1 ชิ้น จะได้ไม่ต้องรักพี่เสียดายน้อง จบด้วยของหวานอลังการให้เลือกอีก 3 ชนิด ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมเครื่องดื่มที่มีให้เลือกอีกมากมายอีกด้วย ใครอยากลองสัมผัสวัฒนธรรมการกินชาบูชาบูแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ ต้องไม่พลาดร้านนี้เลย! ะ

พิกัด : สาขาเกษรวิลเลจ ชั้น 3

thumbnail
thumbnail

3.Indus (อินดัส)

“ ร้านอาหารอินเดียไฟน์ไดนิ่งกับเมนูชั้นเลิศจากทั่วดินแดนภารตะ”

ร้านนี้เปิดมานานกว่า 15 ปี โดดเด่นในเรื่องรสชาติและบรรยากาศกลิ่นอายแบบภารตะ มีเมนูขึ้นชื่อจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศอินเดีย มาถึงจะมีออร์เดิร์ฟต้อนรับด้วยแผ่นแป้งปาปาดัมบางกรอบกับเครื่องจิ้ม 4 อย่าง มีทั้งที่ทำจากเสาวรส มะขาม สะระแหน่ และหอมดอง ตามมาด้วยข้าวบาสมาติคั่วกับหญ้าฝรั่น กินกับผักโขมสับใส่ครีมผัดกับคอตเทจชีส ก็อร่อยไปอีกแบบ อีกเมนูดังประจำร้านคือ แกงไก่รมควัน จากเมืองเดลี และแกงกะหรี่แพะนุ่มอร่อย สไตล์แคว้นแคชเมียร์ที่เรียกว่า อินดัสโรกันจอช แล้วห้ามพลาดของย่างในเตาถ่านพิเศษทันดูร์ ส่วนเมนูย่างยอดนิยมคือ ขาแกะย่างสูตรอินดัส (Raan) ที่หมักแกะนานข้ามคืนก่อนนำมาย่างไฟอ่อนนาน 7 ชั่วโมง เนื้อนุ่มหอมกลิ่นเครื่องเทศเบา ๆ ไม่มีกลิ่นสาบ บอกเลยว่าเมนูร้านนี้มีให้เลือกเยอะมาก ซึ่งถ้าใครอยากชิมหลาย ๆ เมนู ทางร้านก็มีทั้งแบบเซต และแบบบุฟเฟต์ในวันหยุดอีกด้วยน้า

พิกัด : ซอยสุขุมวิท 26 ใกล้โรงแรมโฟร์วิงส์

4.ครัวไซ่ง่อน

“อาหารเวียดนามตำรับเวียดนามแท้ ๆ เพราะปรุงจากรสมือแม่ครัวเวียดนาม 100%” ”

แหนมเนืองรสชาติกลมกล่อม ใส่เครื่องห่อแป้งขนาดพอดีคำ บอกเลยว่าน้ำจิ้มแหนมเนืองของครัวไซ่ง่อนเป็นต้นตำรับแท้จากเวียดนาม โดยจะผสมตับหมูบดในน้ำจิ้ม แกล้มด้วยผักสด ถ้ากินแล้วติดใจที่ร้านมีแหนมเนืองขายเป็นชุด ๆ ให้ซื้อกลับบ้านได้ เมนูอร่อยจนลืมกลัวอ้วนอีกอย่างคือ บั่นหอยหมูสามชั้นย่าง มีมันชุ่มฉ่ำสะใจ แกล้มกับเส้นหมี่หั่นเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม สูตรเฉพาะคนเวียดนาม แถมยังมีบั่นหอยหมูย่างธรรมดา บั่นหอยหมูผัด และกุ้งผัดอีกด้วย ของกินของที่ร้านยังมีอีกเยอะ เช่น กุ้งพันอ้อย สลัดเนื้อ หมูยอ หมูยอเนื้อ หมูยอทรงเครื่องหรือยอถู้ ทอดมันปลาหมึก และเมนูใหม่หมูเปรี้ยวสมุนไพรเวียดนาม ถ้าใครถามว่าร้านอาหารเวียดนามที่ไหนอา

พิกัด: สาขาคลอง 2 ถนนรังสิต-นครนายก ปทุมธานี และสาขาลาดพร้าว เยื้องกับห้างบิ๊กซีลาดพร้าว

thumbnail
thumbnail

5.Tokyo Yakiniku Shoutaian (โตเกียว ยากินิกุ โชไทอัน)

“สุดยอดยากินิกุปิ้งย่าง เด็ดเกินคำบรรยาย”

ที่นี่เชี่ยวชาญเรื่องการคัดสรรเนื้อคุโรเกะวากิวเฉพาะเกรดสูงสุด A5 เท่านั้น มีเมนูยอดฮิตโด่งดังข้ามประเทศที่ใคร ก็มาเพื่อสิ่งนี้ คือแฮมเบิร์กเนื้อวัวคุโรเกะวากิว หน้าตาเหมือนก้อนเนื้อแฮมเบอร์เกอร์ อบและย่างเสิร์ฟมาในจานร้อน หอมนุ่มแทบละลายในปาก ร้านนี้มีเมนูปิ้งย่างอร่อยไม่เหมือนใคร เรียกว่า สุกี้ยากี้เนื้อลายหินอ่อน คือเนื้อวากิว A5 ลายไขมันเป็นหินอ่อน ทาซอสทาเระสุกี้ยากี้ ซึ่งจะย่างให้บนเตา แล้วม้วนเนื้อ เสิร์ฟในถ้วยที่มีไข่ดิบกับข้าวญี่ปุ่นพอดีคำ ถ้าสั่งเมนูปิ้งย่างแบบตามสั่งก็เริ่มต้นกันด้วยลิ้นวัวบุปผาย่างเกลือ ต่อด้วยเมนูเนื้อที่เสิร์ฟมาในหีบสมบัติสุดอลังการ ส่วนถ้าใครไม่กินเนื้อก็มีเนื้อหมูดำสันนอกคุโรบูตะ ปูทาระบะ หอยเป๋าฮื้ออาวาบิ หอยเชลล์โฮตาเตะ ล็อบสเตอร์ และกุ้งลายเสือธรรมชาติ ปิดท้ายด้วยน้ำแข็งไสหิมะขาว อร่อยจนเก็บไปฝันทั้งคืน ใครที่อยากลิ้มลองรสชาติเนื้อคุโรเกะวากิวชั้นเลิศระดับ A5 แบบไม่ต้องบินไกลไปถึงญี่ปุ่น ห้ามพลาดร้านโตเกียว ยากินิกุ โชไทอัน ด้วยประการทั้งปวง

พิกัด : ชั้น 3 Nikko Hotel Thonglor

6.Mihara Tofuten (มิฮาระ โตฟูเต็น )

“ ร้านเต้าหู้โอมากาเสะ 16 คอร์สครั้งแรกในโลก”

ที่นี่มีมื้อเต้าหู้โอมากาเสะมีทั้งหมด 16 คอร์ส โดยเมนูของร้านจะเปลี่ยนตามฤดูกาลหรือทุก 3 เดือน แถมยังส่งเต้าหู้ วัตถุดิบต่าง ๆ แม้กระทั่งน้ำแร่ที่ใช้ปรุงก็ส่งตรงมาจากฟุกุโอกะทุก ๆ 2 วันอีกด้วย เมนูในคอร์สมีหลากหลายอย่าง อาทิ น้ำเต้าหู้เนื้อโมจิ  ฟัวกราส์เต้าหู้โครเก็ตที่เสิร์ฟมาในช้อนไม้ก่อน เพราะต้องกินตอนร้อน ๆ เต้าหู้ซารุเนื้อนิ่มของขึ้นชื่อจากจังหวัดซากะ เส้นโซเมนเย็นในน้ำเต้าหู้ดาชิ เสิร์ฟกับเนื้อวากิว A5 และไข่หอยเม่น รวมถึงพาเหรดของหวาน 3 คอร์ส แต่ละคอร์สบอกเลยว่าฟินละมุนลิ้นหนักมาก ใครอยากสัมผัสความอร่อยของคอร์สเต้าหู้โอมากาเสะที่หากินได้ยาก ให้รีบโทรจองด่วน ๆ บอกเลยว่าประสบการณ์การกินเต้าหู้ของคุณจะเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ลิ้มลอง

พิกัด : ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 5 สาทร

thumbnail
thumbnail

7.La Bottega di Luca (ลา โบเตก้า ดิ ลูค่า)

“รสชาติสไตล์อิตาเลียนแท้ ๆ กับกรรมวิธีสไตล์โฮมเมด รับรองว่าได้กินแล้วจะหลงรักอาหารอิตาเลียนไม่รู้ตัว”

เริ่มด้วยของโปรดตลอดกาลในใจใครหลายคนคือชีสบูราต้ากับปาร์มาแฮมและมะเขือเทศเชอร์รี  ส่วนถ้าใครที่อยากกินพาสต้าเส้น ๆ มาถูกที่แล้ว เพราะที่นี่เขาทำเส้นพาสต้าเองสด ๆ ห้ามพลาดสปาเกตตีหอยลายในซอสไวน์ขาว เรียกว่าวองโกเล เมนูสุดฮิตตลอดกาลของร้าน ความอร่อยที่เส้นหนึบนอกกรุบในเหมือนที่คนอิตาเลียนชอบกิน กับหอยลายตัวโต ๆ ที่ผัดปรุงรสจนหอมกรุ่น หรือจะสั่งพาสต้าราวิโอลีไส้เห็ดป่า ราดซอสชีสริคอตต้ากับซอสที่ทำจากใบเซจ รสชาตินุ่มหอมมันครีม ๆ ที่ชิมไปชิมมาหมดในพริบตา จานเด็ดอีกจานของที่นี่คือเมนูสเต๊กเนื้อโทมาฮอว์กออสเตรเลียนวากิวชิ้นหนาใหญ่ยักษ์แชร์กันได้ 4 คนสบาย ๆ อร่อยจนสุดจะบรรยาย เป็นอันสรุปว่าร้านนี้ควรมาอย่างยิ่ง รับรองว่าเป็นอิตาเลียนแท้ ๆ ที่รสจัดจ้านถูกปากคนไทยแน่นอน

พิกัด : โครงการเดอะ 49 เทอร์เรซ ซอยสุขุมวิท 49

8.SO RA BOL (ซอราเบิล)

“ ร้านโปรดของไอดอลเกาหลีเมื่อมาเยือนเมืองไทย รับประกันรสชาติต้นตำรับสไตล์เกาหลี 100%”

ใครอยากลิ้มลองรสชาติแท้ ๆ แบบของเกาหลี ที่โด่งดังในหมู่ชาวเกาหลี และเป็นที่สำหรับเลี้ยงต้อนรับบุคคลสำคัญ รวมถึงดาราศิลปินเกาหลี ต้องมาที่นี่ แน่นอนว่าเมนูหลักคือบาร์บีคิวปิ้งย่างเกาหลีบนเตาถ่าน ทั้งเนื้อติดซี่โครงหมักซอสและไม่หมักซอส บุลโกกิ เนื้อริบอาย รวมถึงเนื้อหมู ทั้งซี่โครงหมูหมักซอส หมูสามชั้นสไลซ์บาง และหมูผัดซอสพริกเกาหลี สำหรับคนไม่กินเนื้อด้วย นอกจากปิ้งย่าง ที่ร้านก็มีเมนูเด่นอีกมาก ทั้งแพนเค้กใส่ต้นหอมผัดวุ้นเส้น บิบิมบับ และไข่ตุ๋นทรงเครื่องเกาหลีคเยรันจิม  และเมนูเอาใจคนรักเนื้ออย่างยำเนื้อดิบเกาหลี ยุค ฮเว ที่ใช้เนื้อออสเตรเลียสดมาซอยเป็นเส้น ๆ อร่อยมาก ไม่คาวเลย อร่อยถูกปากตั้งแต่ศิลปิน K-Pop จนถึงชาวเกาหลีแท้ ๆ ขนาดนี้ ชาวไทยสายเกาทั้งหลายไม่ควรพลาด!

พิกัด : ถนนสุขุมวิท 26 ตรงข้ามหมู่บ้านญี่ปุ่น นิฮอนมาชิ

thumbnail

Arrow Page Up