คุณโอ๋-กษมา เหล่าพาณิชย์ เจ้าของร้านเล่าที่มาของชื่อร้านว่า ตอนจีบกันใหม่ ๆ Billy Bautista สามีชาวอเมริกันชอบเรียกเธอว่า “La Monita” เป็นภาษาสเปน แปลว่า เจ้าลิงน้อย เมื่อทำร้านจึงใช้ชื่อนี้และออกแบบโลโก้ร้านเป็นรูปลิง
ร้านตั้งอยู่ทางซ้ายมือของทางเข้าด้านข้างอาคารมหาทุนพลาซ่า ถนนเพลินจิต ตัวร้านสีฟ้า-ส้มสดโดดเด่นออกมาจากร้านรวงอื่น ๆ ในละแวกนั้น
คุณบิลลี่เป็นชาวแคลิฟอร์เนีย ซึ่งในละแวกบ้านเป็นถิ่นชาวเม็กซิกัน เมื่อมาอยู่เมืองไทยก็หาอาหารเม็กซิกันรสชาติได้ดังใจเหมือนที่เคยกินไม่ได้ ว่าแล้วก็ต้องทำเอง และทุกครั้งที่ชวนเพื่อนพ้องมากินข้าวก็มักได้รับคำชมเสมอว่าอร่อยล้ำ มีคนเชียร์มาขนาดนี้ก็เลยเปิดร้านอาหารเสียเลย
เมนูของลาโมนิต้ามีรูปภาพกำกับไว้ด้วย เหมาะสำหรับคนที่ไม่เคยชิมอาหารเม็กซิกันมาก่อนให้ได้ยลโฉมอาหารก่อนตัดสินใจ ซึ่งคนไทยมักเอาไปเปรียบเทียบกับอาหารไทย เช่น ของกินเล่นหอมมันชื่อเกโซฟุนดีโด (Queso Fundido) เป็นเครื่องจิ้มที่ทำจากชีสใส่ไส้กรอกหมูรสจัดโชริโซ
(Chorizo) ของเม็กซิกัน จิ้มกินกับแป้งตอร์ติยา คนไทยเห็นเข้าก็เรียกว่าน้ำพริกอ่อง
เมนูกินเล่นยอดนิยมอีกอย่างคือนาโชฟรายส์สเต๊ก มันฝรั่งทอดหรือเฟรนช์ฟรายส์ราดด้วยชีสเหลวและกัวคาโมเล (Guacamole) ที่ทำจากผลอะโวคาโดบดปรุงรส อีกทั้งซัลซามะเขือเทศกับซาวร์ครีมหรือครีมเปรี้ยว ที่สำคัญคือมีเนื้อริบอายนุ่ม ๆ ใส่มาด้วย
ถ้าอยากชิมสลัดสไตล์เม็กซิกันหรือเอนซาลาดา (Ensalada) มีเมนูเก๋เป็นสลัดใส่มาในชามแป้งทาโก้กรอบ ๆ ที่กินตัวชามได้ด้วย (Tostada Ensalada) มีผักสลัดหลายชนิด เช่น ผักกาดแก้ว กรีนโอ๊ก เรดโอ๊ก ราดซัลซา กัวคาโมเล และน้ำสลัดสูตรพิเศษของลาโมนิต้าที่ทำจากน้ำมันมะกอก ผักชี มะนาว เกลือ และชีส เลือกใส่ได้ทั้งเนื้อปลา ไก่ เนื้อริบอาย และกุ้ง โดยผักของที่ร้านเป็นผักออร์แกนิกที่เพื่อนของเจ้าของร้านปลูกเอง เวลากินต้องกัดแป้งกับผักในคำเดียวกัน คุณโอ๋บอกว่าแสนเสียดายแทนลูกค้าที่กลัวแป้ง เพราะความอร่อยของจานนี้อยู่ที่แป้งต่างหาก
อาหารเมนูเนื้อที่เสิร์ฟมาในจานร้อนควันฉุย คือ ฟาฮีตา (Fajita) สเต๊กเนื้อจานร้อนของเม็กซิกัน ผัดกับหอมใหญ่และพริกหยวกไทย เวลากินให้ห่อด้วยแป้งตอร์ติยาแบบนุ่ม เติมเครื่องเคียง ซัลซาและกัวคาโมเล กินตอนร้อน ๆ ถึงจะได้รสชาติเต็มที่
เม็กซิกันก็มีอาหารที่หน้าตาเหมือนขนมเบื้องบ้านเรา แต่รสชาติแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เรียกว่าทาโก้ (Tacos) ซึ่งมีไส้ให้เลือกถึง 15 ชนิด เช่น กุ้งย่าง ไก่ย่าง หรือปลากะพงย่าง ลองเลือกชิมคาลีทาโก้ (Cali Taco) สไตล์แคลิฟอร์เนีย เลือกแป้งตอร์ติยาข้าวโพดแบบกรอบใส่ชีสและเนื้อสัตว์ได้ตามใจชอบ
โรยหน้าด้วยกัวคาโมเล ซัลซาสด และซาวร์ครีม
คุณบิลลี่โผล่ออกมาจากครัวพร้อมเมนูใหม่ที่กำลังมาแรงในแคลิฟอร์เนีย คือ แวมไพร์ทาโก้ (Tacos Vampiros) ที่พ่อครัวบอกอย่างภูมิใจว่ามีที่ร้านนี้เป็นที่แรกในกรุงเทพฯ ไส้เป็นเนื้อรมควันราดชีสที่นำไปย่างจนกรอบ เปรียบเหมือนโดนแวมไพร์ดูดความฉ่ำออกไปจนหมด
และยังมี LA Fish Tacos ทาโก้แป้งข้าวโพดไส้ปลากะพงอันดามัน
เกซาดียา (Quesadillas) พิซซ่าพับของเม็กซิกัน แป้งเป็นชนิดนุ่ม ๆ ที่นำไปนาบในกระทะแบนให้ร้อน ๆ แนะนำให้เลือกสอดไส้ตรงกลางด้วยไส้หมูอบ หนักชีสละลายเยิ้มในปากเต็มคำ ใส่ซัลซา กัวคาโมเล ถั่วปินโต (Pinto) และซาวร์ครีม
มีขนมอร่อยแบบสเปนและเม็กซิกันเรียกว่าชูร์โรส (Churros) คือโดนัทแท่งเคลือบน้ำตาลและซินนามอน หรือลองชิมฟลาน (Flan) คัสตาร์ดรสกาแฟเอสเปรสโซสไตล์เม็กซิกัน คุณโอ๋บอกว่าทีเด็ดคือเค้กนมสไตล์เม็กซิกัน (Tres Leches) ทำจากนม 3 ชนิด จึงเข้มข้นหวานมันมาก ถ้าปิดท้ายมื้อด้วยเค้กนมรับรองว่าอาจหลับยาวไปทั้งบ่าย
ยังมีอาหารเม็กซิกันให้เลือกอีกหลายสิบเมนู ขอแนะนำให้ไปกันเป็นหมู่คณะจะได้เลือกชิมหลายอย่าง ๆ หากไปกินกันคนสองคนรับรองได้ว่ากินเหลือแน่นอน ถ้าไปตอนมื้อเย็นอาจจะเล่นเก้าอี้ดนตรีหน่อยเพราะแน่นอย่าบอกใคร หรือจะมากินบรันช์ที่มีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ก็ได้
คุณโอ๋เผยเคล็ดลับการทำร้านอาหารให้ขายดียาวนานว่า เจ้าของต้องทำเอง กินเอง บริหารเอง คุณบิลลี่จึงเข้าครัวเอง และคุณโอ๋ยังดูหน้าร้านเองมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ซึ่งในปี 2562 ร้านเปิดมาได้ 10 ปีพอดี มีลูกค้าทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยมาจับจองที่นั่งเต็มร้านตั้งแต่เวลาเปิดทำการ
นั่นเป็นเพราะอาหารเม็กซิกันสไตล์แคลิฟอร์เนียที่มีพ่อครัวเป็นชาวแคลิฟอร์เนียจะหาที่ไหนได้อีก