คนบางคนเกิดมาก็มีพรสวรรค์ติดตัวมาด้วยเลย ถ้าโชคดีได้ค้นพบว่าตัวเองถนัดเรื่องอะไร ก็จะเปล่งประกายในชีวิตขึ้นมาทันที ดังเช่นคุณสำราญ เจ้าของร้านกับข้าวสไตล์ไทยปนจีนแห่งอำเภอสามชุก ร้านสำราญโอชา นี่คือร้านที่ภายนอกอาจจะดูธรรมดา แต่ขอท้าให้รีบมาลอง เพียงได้ชิมคำแรก รับรองจะรู้ซึ้งว่าขึ้นสวรรค์นั้นเป็นฉันใด
สำราญคือชื่อเล่นของคุณเด่น ธัญญเจริญ (แปลกดีชื่อเล่นยาวกว่าชื่อจริง) เริ่มทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟตั้งแต่อายุ 14 ปีที่ร้านซ้งอาหาร ร้านดังในตลาดสามชุกสมัยก่อน นับเป็นร้านดังประจำอำเภอ และเป็นร้านโปรดของคุณชายถนัดศรีเมื่อครั้งยังหนุ่มแน่น พออายุได้ 18 ปี คุณสำราญก็ขยับขึ้นมาเป็นลูกมือช่วยพ่อครัว ต่อจากนั้นก็เป็นกุ๊กประจำร้าน จึงได้รับถ่ายทอดวิชาทำอาหารอร่อย ๆ มาเพียบ คุณชายถนัดศรีเคยเล่าให้ฟังว่า ซ้งอาหารนั้นถือเป็นต้นตำรับปลาบู่นึ่งซีอิ๊ว เมื่อ 50 กว่าปีก่อนทีเดียว จนกระทั่งพ.ศ. 2535 คุณสำราญได้ออกมาเปิดร้านสำราญโอชาเอง โดยช่วงแรกยังอยู่ในตลาดสามชุก ต่อมาได้ย้ายออกมาเปิดร้านที่ด้านนอกตลาดในปี 2550 จนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันนี้การเดินทางไปตลาดสามชุกจากกรุงเทพฯเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว ต่างกับในอดีตที่เน้นการคมนาคมทางเรือเท่านั้น
ทางไปร้านง่ายมาก จากถนนสายบางบัวทอง-สุพรรณบุรี (สาย 340) เลี้ยวซ้ายเข้าอ.สามชุก ตรงมาเรื่อย ๆ นิดเดียวก็ข้ามแม่น้ำท่าจีน เมื่อถึงแยกที่จะเลี้ยวขวาเข้าตลาดสามชุก ให้ตรงต่อไป (ไม่ต้องเลี้ยว) อีกอึดใจเดียวจะผ่านวงเวียนแล้วข้ามคลองชลประทาน ไปสุดทางที่โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอชื่อโรงเรียนสามชุกรัตนโภคาราม แล้วเลี้ยวขวาเลียบถนนริมคลองชลประทานไปไม่ถึง 300 เมตร ก็ถึงร้านสำราญโอชาทางซ้ายมือ ฝั่งเดียวกับตัวโรงเรียน
ตัวร้านเป็นตึกแถวห้องหัวมุมขนาด 2 คูหา มีโต๊ะหินอ่อนตั้งอยู่หน้าร้าน มีตู้แช่ของสดกับเตาปรุงอาหารตั้งอยู่ด้านหน้า ส่วนด้านในเป็นที่กินข้าวมีทั้งห้องปรับอากาศและห้องธรรมดา จุคนรวมกันได้ราว 70 คน
สำราญโอชาเป็นร้านกับข้าวกับปลาเต็มรูปแบบ ขึ้นชื่อเรื่องปลาแม่น้ำและเมนูพื้นบ้านหลากหลาย คล้ายกับร้านแม่บ๊วยแห่งอำเภอบางปลาม้า ปลาที่นี่สดมาก ไม่มีกลิ่นโคลน รับมาจากแม่น้ำท่าจีนและเขื่อนกระเสียวที่อำเภอด่านช้าง
ดังนั้นมาที่นี่ต้องชิมเมนูหากินยากยิ่งในปัจจุบัน ปลาบู่นึ่งซีอิ๊ว (กิโลละ 600 บาท) ให้จงได้ ปลาบู่เนื้อแน่นเป็นก้อน ๆ สด ๆ หวาน ๆ เอาไปนึ่งซีอิ๊วญี่ปุ่น ปรุงด้วยเห็ดหอม ต้นหอมซอย ขิงซอย รสกลมกล่อมหอมซีอิ๊วอย่าบอกใคร จิ้มด้วยน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวยำใส่พริกปรุงรสเปรี้ยว ๆ เข้ากันดีเป็นที่สุด
อย่าลืมสั่ง ลูกชิ้นปลากรายผัดขี้เมา (140 บาท) ใส่พริกมาแบบไม่ยั้ง ถึงเครื่องเผ็ดร้อน ลูกชิ้นปลากรายตีเองนวดเอง นำไปทำ แกงเขียวหวาน แกงป่า หรือลวกจิ้มก็ได้
ของเผ็ด ๆ ที่หากินในเมืองกรุงได้ยากอีกอย่างก็คือ ไส้อ่อนผัดพริกแกง (100 บาท) หอมกลิ่นเครื่องแกง คุณสำราญบอกว่าสั่งเครื่องแกงจากเจ้าเก่าแก่ แม่กิมลั้ง ใช้มาตั้งแต่สมัยร้านซ้งอาหาร เมนูนี้ใส่ถั่วพูกับมะระขี้นกชิ้นเล็ก ๆ ด้วย เข้ากันดีมาก หรือจะกินเป็นไส้อ่อนลวกจิ้มหรือทอดกรอบก็ได้
เมนูพื้นบ้านอีกอย่างคือ กบทอดกระเทียม (120 บาท) ที่ทอดมาจนกรอบ ต้องบอกว่ากรอบจริง ๆ กินได้ทั้งตัว มีหนังกบทอดซึ่งกรอบพอ ๆ กับหนังปลาเลย ทอดมาร้อน ๆ ไม่อมน้ำมัน มีรสมีชาติ
ปิดท้ายด้วยผัดแขนงคะน้าหมูกรอบใส่พริกใส่เห็ด (80 บาท) มาอีกจาน อร่อยอีกแล้ว ไม่เห็นมีจานไหนไม่อร่อยเลย
เมนูอื่น ๆ ยังมีอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นกุ้งแม่น้ำทอดเกลือ ๆ (ที่นี่ตัวไม่ใหญ่มากแต่เนื้อแน่นสด) ไข่เค็มผัดพริกขิง (อีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อ) ผัดกุยช่ายขาวเต้าหู้หมูกรอบ ฯลฯ
นี่คือร้านดีฝีมือขั้นเทพที่คนต่างถิ่นไม่ค่อยรู้จัก ผมยกให้เป็นร้านอร่อยแห่งปีเลยก็ว่าได้ ทำอะไรก็อร่อย มาแล้วรับรองไม่ผิดหวัง เชิญมาชิมได้ทุกวันไม่มีวันหยุด ร้านจะเปิด 2 ช่วง 11 โมงเช้าถึงบ่าย 2 โมง และบ่าย 4 โมง ถึง 4 ทุ่ม โทรสอบถามได้ที่ 08-6093-7618