01/3/2020

สำราญโอชา

คนบางคนเกิดมาก็มีพรสวรรค์ติดตัวมาด้วยเลย ถ้าโชคดีได้ค้นพบว่าตัวเองถนัดเรื่องอะไร ก็จะเปล่งประกายในชีวิตขึ้นมาทันที ดังเช่นคุณสำราญ เจ้าของร้านกับข้าวสไตล์ไทยปนจีนแห่งอำเภอสามชุก ร้านสำราญโอชา นี่คือร้านที่ภายนอกอาจจะดูธรรมดา แต่ขอท้าให้รีบมาลอง เพียงได้ชิมคำแรก รับรองจะรู้ซึ้งว่าขึ้นสวรรค์นั้นเป็นฉันใด
สำราญโอชา

คนบางคนเกิดมาก็มีพรสวรรค์ติดตัวมาด้วยเลย ถ้าโชคดีได้ค้นพบว่าตัวเองถนัดเรื่องอะไร ก็จะเปล่งประกายในชีวิตขึ้นมาทันที ดังเช่นคุณสำราญ เจ้าของร้านกับข้าวสไตล์ไทยปนจีนแห่งอำเภอสามชุก ร้านสำราญโอชา นี่คือร้านที่ภายนอกอาจจะดูธรรมดา แต่ขอท้าให้รีบมาลอง เพียงได้ชิมคำแรก รับรองจะรู้ซึ้งว่าขึ้นสวรรค์นั้นเป็นฉันใด

สำราญคือชื่อเล่นของคุณเด่น ธัญญเจริญ (แปลกดีชื่อเล่นยาวกว่าชื่อจริง) เริ่มทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟตั้งแต่อายุ 14 ปีที่ร้านซ้งอาหาร ร้านดังในตลาดสามชุกสมัยก่อน นับเป็นร้านดังประจำอำเภอ และเป็นร้านโปรดของคุณชายถนัดศรีเมื่อครั้งยังหนุ่มแน่น พออายุได้ 18 ปี คุณสำราญก็ขยับขึ้นมาเป็นลูกมือช่วยพ่อครัว ต่อจากนั้นก็เป็นกุ๊กประจำร้าน จึงได้รับถ่ายทอดวิชาทำอาหารอร่อย ๆ มาเพียบ คุณชายถนัดศรีเคยเล่าให้ฟังว่า ซ้งอาหารนั้นถือเป็นต้นตำรับปลาบู่นึ่งซีอิ๊ว เมื่อ 50 กว่าปีก่อนทีเดียว จนกระทั่งพ.ศ. 2535 คุณสำราญได้ออกมาเปิดร้านสำราญโอชาเอง โดยช่วงแรกยังอยู่ในตลาดสามชุก ต่อมาได้ย้ายออกมาเปิดร้านที่ด้านนอกตลาดในปี 2550 จนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบันนี้การเดินทางไปตลาดสามชุกจากกรุงเทพฯเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว ต่างกับในอดีตที่เน้นการคมนาคมทางเรือเท่านั้น

samranocha

ทางไปร้านง่ายมาก จากถนนสายบางบัวทอง-สุพรรณบุรี (สาย 340) เลี้ยวซ้ายเข้าอ.สามชุก ตรงมาเรื่อย ๆ นิดเดียวก็ข้ามแม่น้ำท่าจีน เมื่อถึงแยกที่จะเลี้ยวขวาเข้าตลาดสามชุก ให้ตรงต่อไป (ไม่ต้องเลี้ยว) อีกอึดใจเดียวจะผ่านวงเวียนแล้วข้ามคลองชลประทาน ไปสุดทางที่โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอชื่อโรงเรียนสามชุกรัตนโภคาราม แล้วเลี้ยวขวาเลียบถนนริมคลองชลประทานไปไม่ถึง 300 เมตร ก็ถึงร้านสำราญโอชาทางซ้ายมือ ฝั่งเดียวกับตัวโรงเรียน

ตัวร้านเป็นตึกแถวห้องหัวมุมขนาด 2 คูหา มีโต๊ะหินอ่อนตั้งอยู่หน้าร้าน มีตู้แช่ของสดกับเตาปรุงอาหารตั้งอยู่ด้านหน้า ส่วนด้านในเป็นที่กินข้าวมีทั้งห้องปรับอากาศและห้องธรรมดา จุคนรวมกันได้ราว 70 คน

สำราญโอชาเป็นร้านกับข้าวกับปลาเต็มรูปแบบ ขึ้นชื่อเรื่องปลาแม่น้ำและเมนูพื้นบ้านหลากหลาย คล้ายกับร้านแม่บ๊วยแห่งอำเภอบางปลาม้า ปลาที่นี่สดมาก ไม่มีกลิ่นโคลน รับมาจากแม่น้ำท่าจีนและเขื่อนกระเสียวที่อำเภอด่านช้าง

ปลาบู่นึ่งซีอิ๊ว

ดังนั้นมาที่นี่ต้องชิมเมนูหากินยากยิ่งในปัจจุบัน ปลาบู่นึ่งซีอิ๊ว (กิโลละ 600 บาท) ให้จงได้ ปลาบู่เนื้อแน่นเป็นก้อน ๆ สด ๆ หวาน ๆ เอาไปนึ่งซีอิ๊วญี่ปุ่น ปรุงด้วยเห็ดหอม ต้นหอมซอย ขิงซอย รสกลมกล่อมหอมซีอิ๊วอย่าบอกใคร จิ้มด้วยน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวยำใส่พริกปรุงรสเปรี้ยว ๆ เข้ากันดีเป็นที่สุด

อย่าลืมสั่ง ลูกชิ้นปลากรายผัดขี้เมา (140 บาท) ใส่พริกมาแบบไม่ยั้ง ถึงเครื่องเผ็ดร้อน ลูกชิ้นปลากรายตีเองนวดเอง นำไปทำ แกงเขียวหวาน แกงป่า หรือลวกจิ้มก็ได้

ไส้อ่อนผัดพริกแกง

ของเผ็ด ๆ ที่หากินในเมืองกรุงได้ยากอีกอย่างก็คือ ไส้อ่อนผัดพริกแกง (100 บาท) หอมกลิ่นเครื่องแกง คุณสำราญบอกว่าสั่งเครื่องแกงจากเจ้าเก่าแก่ แม่กิมลั้ง ใช้มาตั้งแต่สมัยร้านซ้งอาหาร เมนูนี้ใส่ถั่วพูกับมะระขี้นกชิ้นเล็ก ๆ ด้วย เข้ากันดีมาก หรือจะกินเป็นไส้อ่อนลวกจิ้มหรือทอดกรอบก็ได้

เมนูพื้นบ้านอีกอย่างคือ กบทอดกระเทียม (120 บาท) ที่ทอดมาจนกรอบ ต้องบอกว่ากรอบจริง ๆ กินได้ทั้งตัว มีหนังกบทอดซึ่งกรอบพอ ๆ กับหนังปลาเลย ทอดมาร้อน ๆ ไม่อมน้ำมัน มีรสมีชาติ

ผัดแขนงคะน้าหมูกรอบ

ปิดท้ายด้วยผัดแขนงคะน้าหมูกรอบใส่พริกใส่เห็ด (80 บาท) มาอีกจาน อร่อยอีกแล้ว ไม่เห็นมีจานไหนไม่อร่อยเลย

เมนูอื่น ๆ ยังมีอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นกุ้งแม่น้ำทอดเกลือ ๆ (ที่นี่ตัวไม่ใหญ่มากแต่เนื้อแน่นสด) ไข่เค็มผัดพริกขิง (อีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อ) ผัดกุยช่ายขาวเต้าหู้หมูกรอบ ฯลฯ

นี่คือร้านดีฝีมือขั้นเทพที่คนต่างถิ่นไม่ค่อยรู้จัก ผมยกให้เป็นร้านอร่อยแห่งปีเลยก็ว่าได้ ทำอะไรก็อร่อย มาแล้วรับรองไม่ผิดหวัง เชิญมาชิมได้ทุกวันไม่มีวันหยุด ร้านจะเปิด 2 ช่วง 11 โมงเช้าถึงบ่าย 2 โมง และบ่าย 4 โมง ถึง 4 ทุ่ม โทรสอบถามได้ที่ 08-6093-7618


Arrow Page Up