การแจ้งเตือน ()
  01/03/2020

Hanaya ฮานาย่า

มีร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าหนึ่งที่ถือเป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของครอบครัวเรา รายนี้ถือเป็นร้านแรกในเมืองไทย เปิดมานานกว่า 80 ปีแล้ว (เริ่มพ.ศ. 2482) ร้านนี้มีชื่อว่าฮานาย่า(Hanaya)
Hanaya ฮานาย่า

ผมชอบกินอาหารญี่ปุ่นมาก (ความจริงชอบกินทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่เลือกว่าเป็นอาหารชาติอะไร) พอเริ่มจำความได้พ่อก็พาตะลอนกินตามร้านญี่ปุ่นซึ่งเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่นแท้ ๆที่มาตั้งรกรากในเมืองไทย มีร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าหนึ่งที่ถือเป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของครอบครัวเรา รายนี้ถือเป็นร้านแรกในเมืองไทย เปิดมานานกว่า 80 ปีแล้ว (เริ่มพ.ศ. 2482) ร้านนี้มีชื่อว่าฮานาย่า(Hanaya)

ที่นี่มีจุดเด่นอยู่ที่เมนูญี่ปุ่นหลากหลาย ราคาดีสมเหตุสมผล แม้กระทั่งของสดจากญี่ปุ่น (มาอาทิตย์ละ 2 วัน ทุกวันอังคารและศุกร์) ก็มีราคาไม่แพงเกินไป กลายเป็นขวัญใจชาวไทย นิยมมากันทั้งครอบครัวใหญ่ จึงมักจะแน่นอย่าบอกใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น จึงควรโทรมาจองก่อนล่วงหน้าดีที่สุด

ฮานาย่าตั้งอยู่ที่เดิมไม่เคยย้ายไปไหนตรงบริเวณหัวถนนสี่พระยา ควรไปตั้งต้นที่หัวถนนสีลมที่เป็นสามแยก (ตรงโรงพยาบาลเลิดสิน) เลี้ยวขวาเข้าถนนเจริญกรุง มาตามเส้นทางวันเวย์ ผ่านทางเข้าโรงแรมโอเรียนเต็ล ผ่านสามแยกที่ตัดกับถนนสุรวงศ์ ผ่านไปรษณีย์กลางด้านซ้ายมือ จากนั้นให้เลี้ยวขวาที่สี่แยกไฟแดงถัดไปเพื่อเข้าถนนสี่พระยา เพียงแค่ 100 เมตรให้ชิดขวาทันที จะเห็นป้ายทางเข้าฮานาย่าอันเบ้อเริ่ม เลี้ยวเข้าไปในทางแคบ ๆ นั่นแหละก็จะเห็นร้านอยู่ด้านในทางซ้าย มีที่จอดรถด้านหลังเป็นลานโล่งกับโรงจอดรถสูง ๆ ได้ประมาณ 40 กว่าคัน ซึ่งด้านหลังนี้ยังออกไปซอยเจริญกรุง 39 โดยเข้าจากทางนี้ได้ด้วย

ด้านในร้านตกแต่งเนี้ยบเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่นแท้ จุคนทั้งสองชั้นได้ถึง 230 คน รวมห้องส่วนตัวเล็กใหญ่ถึง 8 ห้อง สำหรับใครที่ต้องการเจาะลึกถึงของกินญี่ปุ่นเป็นพิเศษ ขอเชิญนั่งหน้าเคาน์เตอร์ซูชิ (ได้ประมาณ 10 คน)

ความพิเศษของฮานาย่าอีกอย่างคือนอกจากจะมีเมนูทั่วไปหลากหลายแล้ว (เชิญเปิดเมนูเลือกจิ้มได้เลย) ยังมีดีที่วัตถุดิบของสดพิเศษนอกเมนูอีกมาก ทั้งปลาปูกุ้งหอย ทั้งของกินเล่นกินจริง นี่คือจุดใหญ่ใจความที่อยากเชียร์ให้มาลิ้มลอง โดยจะขอเน้นบรรยายเมนูเหล่านี้เพื่อประโยชน์แก่การตามไปชิมได้ถูก

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับหนุ่มใหญ่หน้าใสใส่แว่นตาประจำซูชิบาร์ คือเจ้าของร้านรุ่นที่ 3 คุณโยชิโอ้หรือมีชื่อไทยว่าคุณยศกร วาตานูกิ ครอบครัวเราตั้งสมญานามให้ว่า พี่หล่อ เพราะ ลูกสาวคนโตของผมตอนเล็ก ๆ อายุ 3 ขวบเป็นคนตั้งชื่อให้ นอกจากนี้คุณพ่อของโยชิโอ้ คุณทากาชิ เจ้าของร้านรุ่นที่ 2 จะประจำอยู่ในครัวอีกด้วย

พี่หล่อเล่าให้ฟังว่าคุณตาคุณยายของเขามาจากเมืองคาโกะชิม่า เปิดร้านมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านปัจจุบัน จนกระทั่งพ.ศ. 2509 ได้ย้ายข้ามฝั่งมาเปิดร้านใหม่ในปัจจุบันจนทุกวันนี้ (ดูรูปร้านสมัยก่อนที่ด้านหลังเมนูได้ Miss Hanaya ในรูปหมายความถึงพนักงานร้าน) ตอนนี้ที่ซูชิบาร์มีผู้ดูแลอยู่ถึง 6 คน (แต่ก่อนมีเชฟอาวุโสชื่อ มิจัง คุ้นเคยกับคุณชายถนัดศรีมาก มาจากห้างไดมารู ห้างญี่ปุ่นเจ้าแรกในไทย แต่จากเราไป 3 ปีแล้ว)

สำหรับผู้ที่อยากเจาะลึกและมีสตุ้งสตางค์พร้อม ขอแนะนำให้สั่งแบบโอมากาเสะ ซึ่งมีความหมายว่า มีอะไรดี ๆ ก็ทำทยอยมาให้ชิมเลย หรืออยากสั่งบางอย่างก็ให้ดูเมนูแนะนำของผม

เริ่มกันด้วยของกินเล่นง่าย ๆ อย่างเช่น รากบัวทอด (Renkon Crisp) (100 บาท+ ค่าบริการ 10 %) กรอบอร่อย กับหนังปลาแซลมอนทอดกรอบ (60 บาท+) ลูกชิ้นปลาหรือเนื้อปลาสับห่อใบโอบะย่าง (70 บาท+) และที่พิเศษกว่าใครคือผัก Ice Plant (300 บาท+) หรือ Siona ที่คนไทยตั้งชื่อว่าผักเกล็ดหิมะ เพราะเหมือนมีเกล็ดหิมะเกาะอยู่มีรสชาติเค็ม ๆ ในตัวกรอบอร่อย ผักนี้มีต้นกำเนิดในแอฟริกาใต้ และมีคนญี่ปุ่นนำไปปลูก นิยมกินแต่ยอดใบอ่อน ซึ่งที่ฮานาย่าจะขูดชีสเป็นแผ่นยาว ๆ ให้กินคู่กันด้วย

มีของกินเล่นขึ้นชื่อแห่งจังหวัดอาคิตะ หัวไชเท้าดองรมควัน (Iburi Gakko) (100 บาท+) หั่นมาเป็นชิ้น ๆ เคียงข้างด้วยหัวไชเท้าดองคลุกครีมชีสหอมมัน ถ้าชอบมะเขือเทศ ให้สั่ง Cindy Sweet หรือมะเขือเทศหวาน (100 บาท+) กรอบอร่อย ซึ่งพันธุ์นี้นำเข้ามาปลูกในไทยแล้ว

ของดี 3 อย่าง

ต่อด้วยของทะเลต่าง ๆ ที่เป็นเมนูเล็ก ๆ มีสุดยอดไข่ตุ๋นหน้าปูซูไว (300 บาท+) เป็นของพิเศษนอกเมนู ใส่ปลามาไดและปลาหมึกกับส้มยูซุหอม ๆ ด้วย อีกทั้งของดี 3 อย่างในถ้วยเดียวกันมีทั้งอูนิ (Uni) ไข่หอยเม่นจากฮอกไกโด ไข่ปลาแซลมอน และชิโระเอบิ (Shiroebi) กุ้งขาวหวาน (700 บาท+) ใช้ช้อนเล็ก ๆ ตักกินสะใจ อีกทั้งอังกิโมะ (Ankimo) (100 บาท+) ตับปลา Monkfish ต้มซีอิ๊ว นุ่มแน่นหอม โปะหน้าด้วยชีสมอซซาเรลล่า เป็นของกินเล่นนอกเมนู และของดี ๆ อย่างหอยเป๋าฮื้อนึ่งสาเก (700 บาท+) เสิร์ฟมาทั้งตัว

ไข่ตุ๋นหน้าปูซูไว

ใครชอบสิ่งที่ท้าทายให้สั่งชิราโกะ (Shirako) (700 บาท+) หรือสเปิร์มปลาคอดสีขาวครีม ๆ คลุกกับพอนสึเปรี้ยว ๆ จึงกินเท่าไหร่ก็ไม่เลี่ยน อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา

ซูชิหน้าปลาไหลอูนางิ

ส่วนซูชิที่ต้องสั่งคือโฮตารุอิกะ (Hotaru ika) หรือปลาหมึกหิ่งห้อย เราสั่งปลาหมึกหิ่งห้อยดองซีอิ๊วห่อสาหร่าย (คำละ 60 บาท+) ที่ญี่ปุ่นพอจับมาได้ก็ดองซีอิ๊วทันที รวมทั้งปลาหมึกหิ่งห้อยนึ่ง จิ้มมัสตาร์ด (200 บาท+) มาเป็นจาน ๆ อีกทั้งซูชิหน้าปลามาได (Madai) (คำละ 180 บาท+) หรือปลากะพงแดงญี่ปุ่น ก่อนกินให้บีบมะนาว และซูชิหน้าปลากินเมได(Kinmedai) (250 บาท+) ที่สุดยอดมาก ต่อด้วยเมนูในตำนานร้านนี้ ซูชิหน้าปลาไหลอูนางิ (Unagi) (360 บาท+) ย่างซีอิ๊ว ชิ้นยาวเหยียดเท่าตัวปลาไหล (แล่มาครึ่งตัว) ยาวกว่าข้าวปั้นหลายเท่า ข้าวญี่ปุ่นร้านนี้ใช้ข้าวสายพันธุ์โด่งดังของจังหวัดอาคิตะ ที่นำมาปลูกในไทยได้แล้ว

ถ้ายังไม่อิ่มให้สั่งปลาหิมะ (Gindara) ย่างเต้าเจี้ยว (500 บาท+) ซึ่งโยชิโอ้บอกว่าเป็นตัวเลือกที่มาแรงนอกเหนือจากปลาย่างซีอิ๊วหรือย่างเกลือ อีกทั้งให้ลองเห็ดไมตาเกะเทมปุระ (180 บาท+) แทนที่จะเป็นกุ้งเทมปุระ

คุณโยชิโอ้แถมหัวไชเท้าดองเปรี้ยวหวานมาให้กินแก้เลี่ยน และปิดท้ายด้วยซุปมิโสะหอยชิจิมิ (Shijmi) (150 บาท+) อีก 1 ถ้วยเป็นธรรมเนียมตอนจบ

มาถึงตรงนี้ไม่น่าเชื่อว่าเมนูเล็ก ๆ เหล่านี้ทำเอาอิ่มแปล้ทีเดียว แต่ยังหยุดไม่ได้ถ้าไม่ได้กินของหวานเมนูดังที่ต้องจองพุดดิ้งชาเขียว (110 บาท+) โปะหน้าด้วยถั่วแดงกวน ทำแค่ 30 ถ้วยต่อวันเท่านั้น อีกทั้งโมจิห่อไส้คัสตาร์ดครีม (80 บาท+)

นี่คือของพิเศษต่าง ๆ ที่คัดสรรมาเชียร์ให้ลิ้มลอง ส่วนเมนูอื่น ๆ ซูชิ ปลาดิบทั้งนำเข้าและปลาไทย กับเมนูทั่วไปเหมือนกับร้านอื่น ๆ มีอีกมากมายที่ราคาสบายกระเป๋า

ร้านฮานาย่า เปิดเป็นช่วง ๆ ตามมื้ออาหาร 11 โมงครึ่งถึงบ่าย 2 โมง และ 5 โมงครึ่งถึง 4 ทุ่มครึ่ง ทุกวัน แต่อย่าลืมว่าร้านหยุดทุกวันอาทิตย์ที่ 2 และ 4 ของเดือน วันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์แน่นอย่าบอกใคร ควรโทรไปจองก่อนที่เบอร์ 0-2234-8095 นะครับ