01/07/2020

Nana Coffee Roasters

Nana Coffee Roasters ครบครันขึ้นชื่อในเรื่องกาแฟทุก ๆ องค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเมนูกาแฟซิกเนเจอร์หลากหลาย เป็นแหล่งรวมเมล็ดกาแฟหรือกาแฟคั่วบดชนิด Single Origin กาแฟสายพันธุ์เดียวชั้นเลิศ
Nana Coffee Roasters

นับเป็นครั้งแรกที่เชลล์ชวนชิมแนะนำกาแฟในร้านกาแฟอย่างจริงจัง เนื่องจากมีความประทับใจในร้านนานาคอฟฟี่โรสเตอร์(Nana Coffee Roasters) เป็นอันมาก ร้านนี้ตั้งอยู่ในโครงการเล็ก ๆ ชื่อว่า Niche 3 ริมถนนประดิษฐ์มนูธรรม(หรือถนนเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา)ฝั่งขาออก เข้าได้จากถนนใหญ่ ทางเข้าเลยซอยประดิษฐ์มนูธรรม 3 มาเพียง 50 เมตร(ถ้าขับเลยไปให้เลี้ยวเข้าซอยประดิษฐ์มนูธรรม 5 แล้ววิ่งย้อนกลับมาด้านหลังได้) Nana Coffee Roasters ครบครันขึ้นชื่อในเรื่องกาแฟทุก ๆ องค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเมนูกาแฟซิกเนเจอร์หลากหลาย เป็นแหล่งรวมเมล็ดกาแฟหรือกาแฟคั่วบดชนิด Single Origin กาแฟสายพันธุ์เดียวชั้นเลิศ มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวจากแหล่งเพาะปลูกขึ้นชื่อทั่วโลก อีกทั้งยังเก่งกาจเรื่องการนำเมล็ดกาแฟหลายชนิดมาผสมหรือเบลนด์(Blend) ได้อย่างลงตัว ถูกใจคอกาแฟทั้งมือใหม่หัดชิมไปจนถึงกูรูนักชิมกาแฟ ข้อสำคัญคือ Nana Coffee Roasters คือศูนย์รวมของผู้ทำร้านกาแฟฝีมือขั้นเทพ ทั้งคุณกุ้ง(ชาย) วรงค์ ชลานุชพงศ์ คิวเกรดเดอร์(Q Grader) หรือคอฟฟี่ฮันท์เตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการชิมกาแฟและคัดสรรเมล็ดกาแฟ(โดยมีเกณฑ์ให้คะแนน 20 หัวข้อ) ซึ่งมีเพียงไม่กี่พันคนในโลกนี้

image description

อีกทั้งน้องกุ้ง(หญิง) กานดา โทจำปา แชมป์บาริสต้าประเทศไทย 2019(Thailand National Barista Champion 2019) และน้องแนต กษมา กันบุญ แชมป์โลกกาแฟไซฟ่อน 2018 (World Siphonist Champion 2018) เธอมาสมัครงานที่นานาฯครั้งแรกโดยขอฝึกงานไม่รับค่าจ้าง ด้วยความทุ่มเททั้งกายและใจ ม้านอกสายตาคนนี้จึงคว้าแชมป์ไซฟ่อนโลกที่กรุงโตเกียว มาได้ดังใจหมาย มาที่นี่นอกจากได้ลิ้มลองดื่มด่ำสุดยอดกาแฟยังได้พูดคุยกับผู้รู้ตัวจริงอีกด้วย ชื่อนานานั้นมาจากชื่อลูกสาวของคุณกุ้งทั้งสอง ร้านใหม่ที่ย้ายมานี้เปิดมาได้ 1 ปีเศษ คอนเซปต์การตกแต่งด้วยอิฐในโทนสีอิฐและสีเขียวอ่อน เดินท่อไปทั่วเพดานร้านเปรียบเสมือนเป็นท่อลำเลียงเมล็ดกาแฟของโรงคั่ว นั่งได้ทั้งชั้นล่างและชั้นลอย หรือในลานด้านนอก

image description

Dirty (150 บาท) คือเมนูซึ่งผมชื่นชอบเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับคนชอบกาแฟใส่นมหรือผู้ที่เป็นมือใหม่หัดชิม เป็นกาแฟคั่วกลางผสมคั่วเข้ม Brazil Blend ประกอบด้วยเมล็ดกาแฟสุมาตรา บราซิล และดอยช้าง บดละเอียดจนเป็นแป้ง และวิธีการชงนั้น คุณกุ้ง(ชาย)บอกว่าชงแบบนอกคอกคิดนอกกรอบ ชงนานถึง 60 วินาที จนได้ส่วนของน้ำมันหยดลงมาบนแก้วนมแช่เย็น 2 องศาเซลเซียสที่แช่ทิ้งไว้ 1 คืน ลอยหน้าอยู่ด้านบน กลิ่นรสหอมมันเหมือนกินนมผสมช็อกโกแลต ห้ามพลาดเลย ส่วนใครที่ต้องการปลุกตัวเองให้ตื่นและสดชื่น มีเมนู Wake Up (180 บาท) เครื่องดื่มเย็นทำจากกาแฟเอสเปรสโซ 30 ml ผสมน้ำส้มยูสุ เปรี้ยวหอมกำลังดี โรยหน้าด้วยบลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี ทับทิม และส้มฝานทั้งเปลือก สำหรับคอกาแฟนั้น ที่นานาฯมีกาแฟชนิด Single Origin หรือเมล็ดกาแฟสายพันธุ์เดียวชื่อดัง จากแหล่งเพาะปลูกเดียวทั่วโลก ถึง 30 กว่าชนิด(โดยนำมาโชว์ได้ครั้งละ 24 ชนิด) ให้เลือกชงได้ทุกรูปแบบ เช่น ดริป เอสเปรสโซ ไซฟ่อน(Syphon) และ french press เป็นต้น สนนราคา 180-600 บาทต่อแก้ว

image description

รู้ไหมครับว่ากาแฟของไทยเราก็โดดเด่นมากเช่นกัน ขอแนะนำ Moonstone (250 บาท) อันเลื่องลือจากไร่กาแฟออร์แกนิกที่เชียงใหม่ของคุณเอก สุวรรณโณ มีจุดเด่นที่กลิ่นหอม ๆ ของลิ้นจี่และกุหลาบ กาแฟไทยอีกตัวที่ห้ามพลาดคือเกอิชา(Geisha หรือ Gesha) จากภูเขาสูง 1,400- 1,600 เมตร ในจังหวัดน่าน (300 บาท) ซึ่งคำว่าเกอิชานี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสาวงามในญี่ปุ่นแม้แต่น้อย แต่ต้นกำเนิดมาจากกาแฟพื้นเมืองบริเวณภูเขา Gesha ของเอธิโอเปีย ซึ่งตอนนี้โด่งดังที่ประเทศปานามา(ที่ร้านมีให้ลองเช่นกัน 300-450 บาท) ซึ่งกาแฟน่าน เกอิชา ตัวนี้ขึ้นชื่อเรื่องความหอมของของ เอิร์ลเกรย์ พีช ส้ม และแอปริคอท ส่วนเมล็ดกาแฟ Single Origin จากทั่วโลกนั้น คุณกุ้ง(ชาย) แนะนำตัวที่ขายดีมาจากคอสตาริก้า ชื่อว่า Costa Rica Canet Musician Series Mozart (250 บาท) จุดเด่นคือมีความหอมของกุหลาบ ดื่มแล้วรู้สึกครีม ๆ เต็มปาก รสชาติไม่เปรี้ยวมากเหมาะกับคนไทย ซึ่งกาแฟซีรีส์นี้นอกจากจะตั้งชื่อตามโมซาร์ท นักดนตรีชื่อก้องโลกแล้ว ที่นี่ยังมีกาแฟตามชื่อนักดนตรีเอกบัค(Bach) อีกด้วย

ซึ่งเราสั่งชงด้วยไซฟ่อน(Syphon) ไปดูการทำได้เลยตอนชง หลักการคือต้มน้ำในกระเปาะแก้วด้านล่างให้เดือดด้วยตะเกียงอินฟราเรด น้ำจะดันตัวขึ้นไปกระเปาะแก้วด้านบนที่ใส่เมล็ดกาแฟคั่วบด บาริสต้าจะคนกาแฟด้วยความชำนาญ จนได้น้ำกาแฟที่ไหลกลับสู่ด้านล่าง ดังนั้น ไหน ๆ มาแล้ว ต้องสั่งเมนู World Syphon Blend (600 บาท) ซึ่งเป็นกาแฟที่ทำให้น้องแนตสามารถคว้าแชมป์โลกไซฟ่อนปี 2018 จากโตเกียว ใช้กาแฟไทยออร์แกนิกไนน์ วัน(Nine one) จากจังหวัดเชียงใหม่ของคุณ วัลลภ ปัสนานนท์ 50% เบลนด์กับกาแฟไทยน่าน เกอิชา 30% และเกอิชาจากปานามา 20% มีรสเปรี้ยวหอมคล้ายน้ำสับปะรด และมีกลิ่นสับปะรด พีช และฝรั่งไส้แดง ออกแนวผลไม้เมืองร้อน อยากรู้ซึ้งว่ากาแฟแชมป์โลกเป็นอย่างไร ต้องสั่งให้ได้นะจ๊ะ

นอกจากกาแฟแล้ว ผู้ที่ชอบดื่มชาให้ลอง Nitro Tea (200 บาท) เครื่องดื่มชาหอมเย็นสีแดง สกัดจากผลไม้ทั้ง ส้ม บลูเบอร์รี่ ตะไคร้ และกุหลาบ ใช้กรรมวิธีสกัดเย็นด้วยก๊าซไนโตรเจนโดยเครื่อง Nitro Cold Brew อยากตื่นตาตื่นใจให้นั่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์ด้านล่าง มีเครื่องชงเอสเปรสโซเก๋ ๆ ชื่อ Mod Bar ที่โผล่มาเฉพาะหัว ส่วนของบอยเลอร์อยู่ข้างล่าง อีกทั้งเครื่องชงชาร้อน สตีมพังค์ (Steampunk) สนนราคาเครื่องเท่ารถเก๋งชั้นดี ที่เราสั่ง Steampunk Tea (200 บาท) ใส่ในกาแก้วใสมาลองด้วย

image description

Nana Coffee Roasters ยังมีกาแฟหลากหลายเมนู หลากหลายเทคนิคการชง ให้เลือก ถ้าจะตามมาชิม ควรรีบไปแต่ตอนสาย ๆ จะดีที่สุด เพราะหลังจากช่วงเที่ยงที่จอดรถ 10 กว่าคันด้านหน้านั้นจะแน่นยิ่งกว่าเล่นเก้าอี้ดนตรี ข่าวดีคือปีนี้ทางร้านจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 2 แห่งกับเพื่อน ๆ ประมาณเดือนสิงหาคมที่ ถนนพรานนกสายใหม่ ในชื่อ Nana Hunter Coffee Roasters และเดือนตุลาคม อีก 1 สาขาใหญ่ที่ซอยอารีย์ 4 พหลโยธิน กับคุณ หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์ และคุณไก่ อรรควุฒิ สุวรรณประกร ในชื่อ Nana Coffee Roasters อารีย์ นี่คือร้านกาแฟดี ๆ ที่ควรรีบตามไปลองนะจ๊ะ


Arrow Page Up