เทรนด์ใหม่ของร้านอาหารในช่วงนี้คือการเปิดบ้านทำร้านสไตล์โฮมเมด ซึ่งบางเจ้าต้องโทรจองล่วงหน้าก่อน บ้างก็เปิดเป็นบางเวลา เป็นบางวัน มีอยู่รายหนึ่งหันมาทำร้านน้ำชาแบบอังกฤษน่ารักสุดแสนโรแมนติก ในโทนสีขาวตกแต่งด้วยเครื่องกระเบื้องอังกฤษ มีเมนูโฮมเมดทั้งคาวและหวาน บรรยากาศเหมือนหลุดไปอยู่ในชนบทยุโรป ร้านนี้มีชื่อว่า T’s Room 56 เจ้าของร้านคือคุณตั้ม มณฑิรา เต็มบุญเกียรติ (ซึ่งคุณแม่ของพี่ตั้มคือคุณจินดา จรุงเจริญเวชช์ คุ้นเคยกับคุณชายถนัดศรีเป็นอันมาก) ศิษย์เก่าเลอ กอร์ดองเบลอ อังกฤษ สมัยปี 1982 ที่คนไทยยังไม่ได้ฮิตเรียนทำอาหารกันเหมือนทุกวันนี้ และพี่ตั้มยังไปฝึกวิชาต่อที่ฝรั่งเศสอีก 6 เดือนด้วย เมื่อเดือนธันวาคม 2559 พี่ตั้มเพิ่งเปิดบ้านทำร้านน้ำชา ทำอาหารยุโรปและอังกฤษทั้งคาวหวาน อีกทั้งชุดน้ำชายามบ่ายอันเลื่องลือ มีชารสเลิศกลิ่นหอมฟุ้งให้เลือกกว่า 30 ชนิดอีกด้วย ร้านชาสไตล์ตะวันตกหายากกว่าร้านกาแฟหลายเท่าตัว จึงขอเชียร์ให้มาลองชิมโดยเร็ว
ที่ตั้งร้านอยู่ในซอยสุขุมวิท 56 ย่านพระโขนง(อันเป็นที่มาของชื่อร้าน) ห่างจากปากซอยเพียง 150 เมตร ทางฝั่งขวามือ(จอดรถริมซอย) ถ้าขยันเดินก็ให้มาลงที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอ่อนนุช(ตรงสุขุมวิท 50-52) แล้วย่ำเท้ามาซอยนี้ไม่เกิน 700 เมตรก็ถึงแล้ว ก่อนอื่นขอบอกว่าร้านนี้เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ แถมยังเปิดแค่ช่วงสั้น ๆ ตั้งแต่ 11 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็นเท่านั้น(ถ้าเสาร์-อาทิตย์ไหนตรงกับวันนักขัตฤกษ์ก็ยังเปิดนะจ๊ะ ยกเว้นช่วงปีใหม่ สงกรานต์) ทางที่ดีควรโทรจองก่อนที่ 08-1989-3525 หรือจะโทรหาพี่ตั้มเลยที่ 08-1818-9600 ก็ได้เพราะโต๊ะมีจำนวนจำกัด อีกทั้งของกินบางเมนูนั้นทำอย่างละ 6-10 ที่เท่านั้น ถึงแม้ T’s Room 56 จะมีขนาดกะทัดรัด แต่ก็มีมุมเก๋สวยหวานมากมาย บางจุดได้เห็นวิวสวนอังกฤษเล็ก ๆ ด้านนอกอีกด้วย มาถึงให้รีบสั่งอาหารเพราะเดี๋ยวจะต้องรอนาน เนื่องจากทำกันในครอบครัวด้วยใจรักจริง ๆ อาจจะช้าหน่อยแต่อร่อยชัวร์
เมนูที่ห้ามพลาดเลยก็คือพายสตูไก่(Chicken Pot Pie) (270 บาท) ที่ผมประทับใจเป็นอันมาก รู้สึกเหมือนได้กินอยู่ที่อังกฤษจริง ๆ ถึงขนาดมีฝรั่งซึ่งอยู่เมืองไทยมานาน คอมเมนต์ชื่นชมในโลกโซเชียล (ร้านนี้เป็นร้านขวัญใจชาวต่างชาตินานาประเทศ) แป้งพัฟเพสตรี้หอมร่วนเป็นชั้น ๆ สตูไก่ใช้เนื้อสะโพกจึงนุ่มเข้าเนื้อเข้มข้น ต่อด้วยของกินเล่นกินจริงลาซานญ่าหมู(และเนื้อ) (200 บาท) รสเบา ๆ ไม่จัดมาก กินคู่กับขนมปังกระเทียมและสลัด ราดน้ำสลัดหอมมาก ทำจากน้ำส้มบัลซามิคกับน้ำผึ้งและซอสเปรี้ยว ใครที่หิวโซมา ก็สามารถสั่งอาหารหนักได้ อย่างเช่น สตูหน้าแข้งแกะ(Lamb Shank) (600 บาท) ตุ๋นนาน 2-3 ชั่วโมง ราดน้ำเกรวี่แกะ มาคู่กับมันบดและถั่วลันเตาหวาน และมีเมนูสำหรับคนชอบกินเนื้อ สตูลิ้นวัว(340 บาท) นุ่มหอม (เสิร์ฟพร้อมกับมันบดและถั่วลันเตาหวาน) กับบีฟ สโตรกานอฟ (Beef Stroganoff) กินกับเฟตตุชชินี(Fettuccine)พาสต้าเส้นแบน คลุกซอสที่ทำจากเนื้อผัดกับซาวครีม เคลือบไปทั้งเส้น อีกทั้งยังมีเป็ดอบซอสส้ม(300 บาท) ที่ปรุงถึง 3 ขั้นตอน ทั้งทอด ตุ๋น และอบ น้ำเกรวี่ของอาหารแต่ละชนิดจะทำคนละสูตรแตกต่างกัน
ตอนนี้ที่ร้านมีเมนูใหม่ซึ่งไม่นึกว่าจะมีอยู่ในร้านน้ำชาอังกฤษเช่นนี้ นั่นก็คือข้าวหมกไก่(230 บาท)หรือข้าวบริยานีหุงใส่หญ้าฝรั่น(Saffron)ชั้นดีหอม ๆ จากอิหร่าน ส่วนไก่เป็นเนื้อสะโพกนุ่ม ๆ มีซุปใส่หอมเจียวให้ซดคล่องคอ และมีน้ำจิ้มข้าวหมกกับไรต้า เครื่องจิ้มที่ทำจากโยเกิร์ตด้วย อีกเมนูของชอบคนไทยคือโรตีแกงเขียวหวานแก้มหมูหรือจะเลือกเป็นแกงเขียวหวานเนื้อก็ได้(240 บาท) และก็ถึงสิ่งที่พวกเรารอคอย คือชุดน้ำชายามบ่ายหรืออาฟเตอร์นูนที(Afternoon Tea) ถ้ามาคนเดียวคิด 500 บาท ถ้าสั่ง 2 คนคิด 950 บาท ซึ่งถ้ามา 3 คน ผมแนะนำให้สั่งแค่ 2 คน เพราะให้ปริมาณมากจนจุใจแล้ว ถ้าขนมตัวไหนไม่พอก็สั่งเพิ่มได้ต่างหาก
ในชุดน้ำชานั้น จะได้ขนมเค้ก 2 ชิ้น(ถ้าสั่งชุด 2 คนจะได้คนละ 2 ชิ้นรวมเป็น 4 ชิ้น) แซนด์วิช 2 ชิ้น เพสตรี้ 2 ชิ้น ของหวานอื่น ๆ อีก 2 อย่าง อีกทั้งสโคน(Scone) ขนมอบอังกฤษอีก 2 ชิ้น กินกับชาสุดพิเศษอีก 1 กา(ชุดสำหรับ 2 คน ได้ 2 กา) เลือกได้ตามใจชอบ เติมน้ำร้อนเพิ่มได้ตลอด จะเห็นได้ว่าอลังการคุ้มค่ามาก เค้กในชุดน้ำชานั้นจะมีหมุนเวียนเปลี่ยนไปบ้าง ครั้งนี้เราได้เค้กช็อกโกแลตหน้าครีมชีส กับเค้กเร้ดเวลเว็ท(Red Velvet) ที่หอมครีมชีสมากทั้งคู่ เค้กพวกนี้สามารถสั่งแยกได้ด้วย คราวก่อนที่มาชิม(โปรดสังเกตว่ามาหลายครั้งแล้ว) เราสั่งเค้กเผือกกับมะพร้าวอ่อนมาต่างหาก(บางวันก็ทำเค้กมะพร้าวอ่อนแทน) เนื้อเค้กชิฟฟ่อนผสมเนื้อเผือกละเอียด หอมกลิ่นเผือก ส่วนมะพร้าวอ่อนก็อ่อนมาก ขนมหวานอื่น ๆ ในชุดน้ำชามี ราสพ์เบอร์รี่พันนาค็อตต้า(Raspberry Panna Cotta)บางวันเป็นอัลมอนด์) และแอ๊ปเปิ้ลครัมเบิ้ลราดซอสคัสตาร์ด ซึ่งถ้าสั่งมากินต่างหากจะเสิร์ฟคู่กับไอศกรีมเอิร์ลเกรย์(Earl Grey) ด้วย และตัวเอกในชุดน้ำชาคือขนมอบสโคน(Scone)กรอบร่วนสไตล์อังกฤษ เวลากินให้ผ่าครึ่งตามขวาง ทาด้วยคลอทเททครีม(Clotted Cream)หอมมันสุด ๆ จากอังกฤษ ทาทับด้วยแยมสตรอว์เบอร์รี่โฮมเมดทำเองจริง ๆ ถ้ายังไม่จุใจก็สั่งสโคนเพิ่มได้ คิด 4 ชิ้น 160 บาท
เนอกจากนี้ก็มีตับไก่บดปาเต้กับขนมปังกรอบ ครัวซองต์แฮมชีส แซนด์วิช(โฮลวีท)แซลมอนครีมชีส แซนด์วิช(ขนมปังขาว)ไข่ ทามัสตาร์ดและมีแตงกวาฝานบาง ๆ กรอบ ๆ ซึ่งอร่อยมาก ทีเด็ดอีกอย่างคือชาซึ่งมีให้เลือกกว่า 30 ชนิด เปิดดมตัวอย่างในขวดแก้วเล็ก ๆ ได้เลย ให้เขาช่วยแนะนำให้ดีที่สุด เราเลือกชาชนิด Mariage Frères Paris-Bangkok Black Tea(กาละ 290 บาท) ชาดำชั้นเลิศในคอลเลคชัน Voyage จากฝรั่งเศส ได้กลิ่นอายเหมือนเดินเล่นอยู่ริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา และ Mariage Frères Madame Butter Fly White Tea(กาละ 260 บาท) สำหรับผู้ที่ชอบชาขาวเบา ๆ อีกทั้ง My Sunshine by T’s Room(กาละ 220 บาท) ที่เป็นชาผลไม้ประจำร้าน มีความหอมของพีช ส้ม และมินต์ นอกจากชาดำ ชาขาว ชาผลไม้แล้ว ยังมีชาเขียว ชาแดง ชาสมุนไพร อีกด้วย ซึ่งชาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นของดีจากต่างประเทศทั้งนั้น และขนมนอกชุดน้ำชาที่ผมชื่นชอบโปรดปรานมากคือ สติ๊กกี้เดท(Sticky Date) (160 บาท) นุ่มเนียนเบาเหมือนฟองน้ำ หอมกลิ่นอินทผลัม ราดซอสบัตเตอร์สก็อตช์ กับวิปครีม เค้กอีกอย่างที่เมื่อได้ชิมคำแรกต้องทำตาโตร้องโอ้โฮตกตะลึงก็คือ เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม(130 บาท) ใช้ช็อกโกแลตชั้นดีของนอก เนื้อเค้กเบานุ่ม หน้านิ่มนั้นหนา ๆ นุ่มเนียนหอมมันสุด ๆ เพราะใช้มาสคาร์โปเน่ครีมมาทำ
แถมท้ายด้วยประชาสัมพันธ์ร้านนี้เป็นเจ้าตัวเล็กพันธุ์ปอมเมอเรเนียนชื่อว่า ลาเต้ น่ารักน่าเอ็นดู รับแขกเก่งที่สุด ก่อนจากกันไปขอย้ำว่าร้าน T’s room 56 เปิดบริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ตั้งแต่ 11 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น โทรจองโต๊ะได้ที่คุณตั้ม 08-1818-9600 และ 08-1989-3525 นะจ๊ะ