บ้านมะหญิง (กระชังปลา)

ร้านอาหารในกระบี่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านอันเรียบง่าย มาแล้วได้ทั้งอิ่มอร่อยและสนุกสนานเพลิดเพลิน จะเป็นร้านไหนไปไม่ได้ นอกจากร้านบ้านมะหญิงเท่านั้น แค่เริ่มต้นก็ตื่นตาตื่นใจแล้วเพราะการเดินทางนั้นต้องล่องเรือไปสถานเดียว ร้านบ้านมะหญิงอยู่ที่หมู่บ้านเกาะกลาง ตำบลคลองประสงค์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเกาะจริง ๆ อยู่บริเวณปากน้ำกระบี่ เกาะนี้ยังมีป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์มาก ให้ตรงมาที่ท่าเจ้าฟ้าในตัวเมืองกระบี่ เหมาเรือหัวโทงไปกลับ 300 บาท(เที่ยวละ 150 บาท) นั่งได้ประมาณ 8 คน เรือหัวโทงเป็นเรือไม้ขนาดเล็กหัวเรือสูงงอนเชิดขึ้นไป ใช้เวลาเดินทางไปตามแม่น้ำลำคลองผ่านป่าโกงกางอันอุดมสมบูรณ์ เพียง 10 นาทีเรือจะมาเทียบที่หน้าร้านเลย

ความโดดเด่นอีกอย่างของร้านบ้านมะหญิงก็คือมีกระชังปลาไว้สำหรับโชว์ให้อาหารปลาหมอทะเลตัวมหึมา โชว์ปลาเสือตอพ่นน้ำใส่อาหารที่ทำเป็นเหยื่ออยู่กลางอากาศ บางคนจึงเรียกชื่อร้านบ้านมะหญิง ต่อท้ายด้วยคำว่ากระชังปลาอีกด้วย มะหญิงหมายถึงย่า ซึ่งเป็นคุณแม่ของบัง สามีของคุณเยาวภาเจ้าของร้าน มีพวกหลาน ๆ มาช่วยทำร้านร่วมกัน ความสดของอาหารทะเลและฝีมือในการปรุงของคุณซัน หลานสะใภ้ สร้างชื่อให้กับร้านเป็นอันมาก โดยเปิดมาได้ 10 ปีแล้ว เมนูขึ้นชื่อที่ห้ามพลาดเลยคือปูดำผัดออริกาโน่(กิโลละ 780 บาท) ไม่น่าเชื่อว่าออริกาโน่ เครื่องเทศของฝรั่งสามารถนำมาปรุงผสมผสานกับเมนูไทย ๆ ได้อย่างลงตัวที่สุด ซอสเข้มข้นรสจัดเผ็ดร้อนหอมหวาน ปรุงจากมะเขือเทศสดเป็นลูก ๆ เคี่ยวกับหอมใหญ่ ใบกะเพรา ใส่พริกกะเหรี่ยง ผงออริกาโน่และพริกไทยดำ เคี่ยวนาน 1 ชั่วโมงครึ่งจนกลายเป็นซอสเหลว ส่วนปูทะเลดำนั้นเนื้อหวานสดมาก ๆ

มากระบี่ก็ต้องกินหอย ทั้งหอยหวานต้มตะไคร้(กิโลละ 380 บาท) หอยพื้นถิ่นท้ายเกาะนี้เอง ต้มหอมแดงกับตะไคร้ กระเทียม พอน้ำเดือดใส่หอยลงไปแล้วยกขึ้นได้เลย สดหวานมาก ๆ เนื้อหอยมีรสเค็มนิด ๆ อยู่แล้ว หรือจะทำหอยหวานผัดน้ำพริกเผาก็ได้ อีกทั้งหอยชักตีนลวก(กิโลละ 380 บาท)จากเกาะปู เกาะจำและอ่าวนาง สดอร่อยหรอยจังฮู้ เราสั่งปลาเก๋าสด ๆ อีก 1 ตัว ทางร้านทำให้ 2 เมนู ซึ่งจะใช้ปลาตัวหนักไม่ต่ำกว่า 1 กิโล (ตัวนี้หนัก 1.2 กิโล ๆ ละ 680 บาท) ทำแกงส้มหัวปลาเก๋าใส่อ้อดิบ รสชาติพื้นบ้านหรอยแรงยิ่งกินยิ่งเผ็ดพริกสด เนื้อส่วนหัวสดมาก แน่นเป็นก้อน ๆ เลย เครื่องแกงตำเองเข้มข้นใส่พริกกะเหรี่ยง กะปิ กระเทียม เปรี้ยวด้วยน้ำมะขามเปียก จะไม่เน้นใส่ขมิ้นมากเกินไป ส่วนเนื้อส่วนตัวปลาเก๋านำไปทำปลาเก๋าผัดซอสไข่เค็ม ผัดกับขึ้นฉ่าย ไข่แดงเค็ม และพริกขี้หนู หรือให้แล่เนื้อปลาเก๋าเอาไปทำเมนูอลังการ ตะกร้าทะเลเผา(980 บาท) ประกอบด้วย เนื้อปลาเก๋า หอยหวาน หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งทะเล ปลาหมึกหอม ย่างเตาถ่านหอม ๆ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดแซบ ๆ

อีกจานปลาที่ควรสั่งคือ ปลากะพงทอดน้ำปลา(กิโลละ 580 บาท) ทอดน้ำมันท่วม ๆทั้งตัว กรอบสุด ๆ กินได้ทั้งเกล็ดปลาเลย ส่วนน้ำจิ้มนั้นทำจากน้ำปลา น้ำตาลและน้ำมะขามเปียก จึงมีครบ 3 รส ที่อร่อยเด็ดอีกอย่างคือกุ้งแชบ๊วยซอสมะขาม(กิโลละ 950 บาท) กุ้งแชบ๊วยใหญ่ได้จากท้ายเกาะ เนื้อจึงสดนุ่มมาก ราดด้วยซอสมะขามที่ไม่หวานมากและหอมอร่อย ปรุงจากน้ำมะขามเปียก น้ำตาล น้ำมันหอย ตะไคร้ และหอมใหญ่ทอด เคี่ยวจนเหนียว ส่วนปลาหมึก ทำได้ทั้งปลาหมึกผัดตะไคร้(280 บาท) หมึกกล้วยไข่เต็มท้องผัดกับตะไคร้ซอยและกระเทียมทอด หมึกหวานหอมจะออกมาเอง หรือถ้าชอบรสนุ่มนวลหอมกะทิ ให้สั่งปลาหมึกต้มกะทิ(280 บาท) นำหมึกสดมาตั้งไฟ ใส่ตะไคร้ หอม กระเทียม และกะทิคั้นสด ๆ หมึกดำในตัวจะออกมาผสมกับกะทิ หวานหอมอร่อยมาก ๆ