01/12/2020

เอี่ยวไถ่ สุกี้โบราณ

ในบรรดาร้านสุกี้ชาบูที่เห็นแพร่หลายอยู่ทั่วทั้งประเทศมากมายเป็นร้อยเป็นพันสาขานั้น ยังมีร้านสุกี้อีกประเภทหนึ่งที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ หากินได้ยากกว่าใครเพื่อน นั่นก็คือร้านสุกี้สูตรโบราณในตำนานเปิดมานานกว่าครึ่งศตวรรษ
เอี่ยวไถ่ สุกี้โบราณ
image description

ในบรรดาร้านสุกี้ชาบูที่เห็นแพร่หลายอยู่ทั่วทั้งประเทศมากมายเป็นร้อยเป็นพันสาขานั้น ยังมีร้านสุกี้อีกประเภทหนึ่งที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ หากินได้ยากกว่าใครเพื่อน นั่นก็คือร้านสุกี้สูตรโบราณในตำนานเปิดมานานกว่าครึ่งศตวรรษ สมควรแก่การตามไปลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง หนึ่งในนั้นก็คือ เอี่ยวไถ่ สุกี้โบราณ สูตรแต้จิ๋วที่ถึงเครื่องเข้มข้นถูกใจนักชิมยิ่งนัก เปิดมานานตั้งแต่พ.ศ.2503 เริ่มจากที่เป็นร้านสุกี้โบราณเล็ก ๆ ขายชามละ 5 บาท อยู่ตรงโรงหนังเฉลิมนคร วรจักร บริเวณคลองถมเก่า หลังกองปราบสามยอด ซึ่งพอใครสั่งสุกี้ก็จะลากถังแก๊สมาข้างโต๊ะเลย จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ย่านเยาวราช ถ.พาดสาย จนกระทั่งปี 2516 จึงย้ายมาปักหลักถาวรเปิดเป็นภัตตาคารเอี่ยวไถ่ใหญ่โตอยู่ที่สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เป็นที่น่าชื่นใจ ในตอนนี้บรรดาพี่น้องของเฮียปิงหรือคุณประพันธ์ ศรุตวราพงศ์ ทั้ง 5 คนได้ร่วมกันขยายสาขาออกไปตามศูนย์การค้าอีกมากมายรวมแล้วถึง 16 สาขา โดยมีทายาทรุ่นที่ 3 คอยช่วยดูแลร้านแล้วด้วย

image description

ถ้าอยากชิมเมนูแต้จิ๋วเต็มรูปแบบขอให้ตรงมาที่สาขาใหญ่ ภัตตาคารเอี่ยวไถ่สุกี้โบราณอยู่ในตึกแถว 3 คูหาเชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ก่อนถึงสี่แยกอรุณอมรินทร์ ถ้ามาจากฝั่งสนามหลวง เมื่อข้ามสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าไปแล้วให้ไปกลับรถที่ใต้สะพานข้ามแยกอรุณอมรินทร์ที่อยู่ถัดไป แล้วเข้าทางคู่ขนานวิ่งย้อนมากลับรถใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าอีกที ผ่านวัดดุสิตารามไปสัก 300 เมตรก็จะเห็นเอี่ยวไถ่อยู่ทางซ้ายมือ จอดรถได้ทั้งสองฟากของทางคู่ขนาน ที่หน้าร้านมีอาหารทะเลสด ๆ และกุ้งแม่น้ำจัดเรียงอยู่เต็ม ทำได้ทั้งปิ้งย่างเผาอบ ส่วนด้านในเป็นห้องปรับอากาศจุได้ 100 คน อีกทั้งชั้นบนยังมีห้องใหญ่จุได้ 4 โต๊ะ และห้องเล็กอีก 2 โต๊ะด้วย มาสาขาเชิงสะพานพระปิ่นเกล้านี้มีสองเมนูเด็ดหากินยากในยุคปัจจุบัน นั่นก็คือ สุกี้ยากี้โบราณใส่น้ำจิ้มผสมเต้าหู้ยี้สีชมพูกับหมูและเนื้อกระทะเจงกิสข่าน

image description

สุกี้หม้อไฟเจ้านี้ยังใช้เตาแก๊สอยู่เช่นเดิม กินให้ครบเครื่องต้องสั่งสุกี้ยากี้รวมมิตร(320 บาท+ ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ส่วนในห้างราคาจะต่างกันเล็กน้อย และมีค่าบริการ 10% แต่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) ประกอบด้วยเนื้อวัวหมักเหล้าจีนหอม ๆ ชิ้นโตสะใจ และเนื้อหมู ไก่ กุ้ง ปลาหมึกแช่กรอบ ๆ ปลาหมึกสด และตับ ทั้งหมดนี้หมักด้วยเครื่องเทศสูตรแต้จิ๋วรวมทั้งเต้าเจี้ยว ตอกไข่ดิบมาด้วย 1 ฟอง เวลาจะกินให้ตีไข่ผสมคลุกเคล้าแล้วเทเครื่องลงในหม้อทั้งชาม ใส่ผักกาดขาว ผักบุ้ง ขึ้นฉ่าย วุ้นเส้น ต้นหอมตามลงไป ต้มอย่าให้สุกมากเกินไป ตักใส่ชามแล้วกินกับน้ำจิ้มผสมเต้าหู้ยี้สีชมพูและกระเทียมดอง ครบทุกรสเปรี้ยวเค็มหวาน เนื้อวัวและเนื้อหมูหมักนั้นสุดยอดพอกัน นุ่มอร่อยเป็นที่สุด สมควรแก่การสั่งเพิ่มต่างหาก ทั้งสุกี้ยากี้เนื้อ(320 บาท+) และสุกี้ยากี้หมู(290 บาท+) เท่านี้ยังไม่พอ ใครชอบของทะเลมาแล้วไม่ผิดหวัง เริ่มจากสุกี้ยากี้ทะเล ที่ให้เนื้อปลาเก๋า แมงกะพรุน ปลาหมึกสด ปลาหมึกแช่ และกุ้งทะเล(380 บาท+) ราคาย่อมเยามาก หรือจะสั่งของทะเลดี ๆ เช่น สุกี้ปลาเต๋าเต้ย(800 บาท+) ที่เนื้อมัน ๆ อร่อยยิ่งนัก หรือยังไม่สะใจจะสั่งปลาทั้งตัวเลยยิ่งดี(ขนาด 1 กิโลกรัม ขีดละ 240 บาท+) ลวกในน้ำซุปใส ๆ หอมกลิ่นพริกไทย

image description

นอกจากนี้ก็มี สุกี้ปลาเก๋าแดง(600 บาท+) สุกี้ปลาเก๋ามังกร(600 บาท+) สุกี้ปลาหิมะ(650 บาท+) สุกี้ปลากะพง(420 บาท+) สุกี้แก้มปลาฮามาจิ(380 บาท+) สุกี้ปลาแซลมอน(380 บาท+) ที่สาขาปิ่นเกล้ายังมีของดีสูตรโบราณคือเนื้อและหมูกระทะเจงกิสข่าน(อย่างละ 350 บาท+) หมักเครื่องอีกสูตรหนึ่งนาน 4-5 ชั่วโมง ใส่งาขาวกับน้ำมันงาด้วย วิธีกินให้เอามันหมูชโลมกระทะให้ทั่ว กระทะนี้รูปร่างเหมือนหมวกทหารมองโกลในสมัยโบราณ จึงได้ชื่อตามจอมทัพเจงกิสข่าน เอาตะเกียบคีบเนื้อและหมูมาย่างพอสุก ใส่ผักกาดขาวตรงขอบกระทะ จิ้มกับน้ำจิ้มรสหอมหวาน เฮียปิงเจ้าของร้านบอกว่าสูตรเดียวกับน้ำจิ้มลูกชิ้นปิ้งไม้ละบาทหน้าโรงเรียนอัสสัมชัญฯ ที่ลุงของเฮียปิงเคยขายในสมัยโน้น ใครอยากสั่งเครื่องอื่น ๆ เช่น ตับ และอาหารทะเลต่าง ๆ เปิดเมนูเลือกได้เลย ช้าก่อนอย่าเพิ่งอิ่ม ยังมีของอร่อยอีกเพียบ ที่เยี่ยมมากคือเนื้อปูก้อนผัดพริกขี้หนูสวน(600-900-1,200 บาท+) เผ็ดหอมอร่อยให้เนื้อปูก้อนส่วนกรรเชียงปูขาหลังไซส์จัมโบ้ นอกจากนี้ก็มีเนื้อปูก้อนผัดไข่เค็มเคลือบเนื้อปูอวบอ้วนหอมมัน ต่อด้วยก๋วยเตี๋ยวหลอดเนื้อปู(290-580 บาท+) เน้นเนื้อปูล้วนเอาไปผัดแล้วห่อด้วยก๋วยเตี๋ยว นำไปนึ่งและโรยกระเทียมเจียวมาเต็ม ราดน้ำซีอิ๊วดำกับน้ำส้มพริกตำผสมกัน และฮ่อยจ๊อเนื้อปูไส้ชุ่มฉ่ำใส่ปูไม่ยั้ง(290-580 บาท+)

ร้านนี้สมควรไปกันเป็นหมู่คณะ จะได้สั่งเป็ดปักกิ่งตัวใหญ่เบ้อเริ่ม ใช้เป็ดขนาด XXL อบในแคปซูลพิเศษสำหรับย่างเป็ดจนหนังกรอบ ตอนนี้มีโปรโมชันจากตัวละ 780 บาท+ เหลือ 599 บาท+ อีกด้วย เนื้อเป็ดปักกิ่งนำไปทำเป็ดผัดกะเพราและเป็ดทอดกระเทียมสุดยอดทั้งคู่(คิดค่าทำ 100 บาท+) หรือจะทำเมี่ยงเป็ด ราดหน้าเป็ด และเป็ดผัดพริกไทยดำก็ได้ และก็มีหมูหันฮ่องกง(ตัวละ 1,900บาท+) เป็นสูตรเลาะกระดูกออกแล้วนำไปย่างเตาถ่านจนแห้ง ที่จะกินทั้งเนื้อติดหนังได้ทั้งตัว กับหมั่นโถว แตงกวาและต้นหอม ปิดท้ายด้วยอาหารจานเส้น เมนูซิกเนเจอร์ซึ่งมีเฉพาะที่ปิ่นเกล้าคือ เนื้อปลาเก๋ามังกรนึ่งซีอิ๊วกินกับเส้นใหญ่ทอดกรอบ ๆ(600-1,200 บาท+) และราดหน้าเนื้อฮ่องกงใส่คะน้าฮ่องกง(150-250-350 บาท+) ก็ผัดเส้นจนหอมกลิ่นกระทะ เนื้อหมักจนนุ่ม ทำเอาอิ่มอร่อยตาปรือ ปิดท้ายของหวานที่ขายดีมีพุทราทอด(200 บาท+) บัวลอยน้ำขิง(65 บาท+) และเผือกหิมะ(200-300 บาท+)

อย่างที่บอกไปเอี่ยวไถ่ สุกี้โบราณ มีสาขามากมายถึง 16 สาขา ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น แต่ถ้าอยากกินเมนูให้ครบเครื่องทุกอย่างแล้วล่ะก็ ขอให้ตรงมาที่สาขาดั้งเดิม เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ได้ทุกวัน ตั้งแต่ 11 โมงครึ่งถึง 5 ทุ่ม โทร 0-2423-0430


Arrow Page Up