"เชฟรูฟผู้จุดประกายไฟอาหารอินเดียให้เป็นที่แพร่หลายและโด่งดังไปทั่วเมืองไทยให้คนทุกเพศทุกวัยได้มาสัมผัสและลิ้มรสชาติ"
อาหารอินเดียในเมืองไทยมีมานานนับหลายสิบปีแต่ยังอาจจะไม่เป็นตัวเลือกของคนไทยเท่าไหร่นักเพราะว่าหลายคนอาจจะยังจะกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะมาลองอาหารประเภทนี้กัน แต่ด้วยฝีมือการทำอาหารอินเดียของเชฟรูฟให้ถูกปากคนไทยทุกเพศทุกวัยทำให้ตอนนี้ทั้งวัยรุ่นและคนไทยอีกหลายคนเปิดใจให้กับอาหารประเภทนี้ถึงกับขนาดต้องมาต่อคิวกันหน้าร้านรอกันเป็นชั่วโมงกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้อาหารอินเดียเป็นที่แพร่แล้วโด่งดังในหมู่คนไทย
ครั้งแรกที่ได้ไปเยือนเชฟรูฟ อัลราฮามัน ในซอยพุทธโอสถหรือเจริญกรุง 45 เดินเข้าไปในปากซอยเหมือนกับหลุดเข้าไปอีกซีกโลกหนึ่งที่ไม่ใช่เมืองไทยเพราะว่ามีทั้งชาวมุสลิมที่นับถือศาสนาต่าง ๆ รวมตัวกันอยู่ในซอยนี้ เหมือนหลุดไปอยู่ในประเทศอินเดียกันเลย แทบจะไม่มีคนไทยมาเยือนร้านอาหารแถวนี้สักเท่าไหร่ มีร้านอาหารอินเดียหลายร้านตั้งอยู่ในซอยแต่ลูกค้าเป็นแขกเกือบทั้งหมด
Al Rahaman เมื่อ 2 ปีที่แล้วแตกต่างจากทุกวันนี้โดยสิ้นเชิง ร้านอยู่ในสภาพทรุดโทรมไม่มีแอร์คอนดิชั่น แต่สิ่งที่ดึงดูดให้กลับไปซ้ำแล้วซ้ำอีกก็คือฝีมือการปรุงอาหารของเชฟรูฟ ปริมาณที่ให้ ราคา และที่ประทับใจมาจนถึงทุกวันนี้ก็คืออัธยาศัยของเชฟที่เอาใจใส่ทุกรายละเอียดและจริงใจต่อลูกค้า ทำให้ต้องแวะเวียนไปหาเชฟบ่อยครั้งนั่งคุยกันจนร้านปิดหรือแม้แต่เดินผ่านหน้าร้านเชฟก็ยังออกมาเรียกให้เข้าไปนั่งคุยกันรวมยกอาหารเมนูต่าง ๆ มาให้ลองชิมหลายครั้ง
เมนูที่ทำให้ประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลองกินฝีมือเชฟก็คือแกง Mutton Masala และ Briyani ข้าวหมก และ Beef Masala (ตอนนี้ไม่มีแล้วแต่ถ้าได้ลองแล้วคุณจะติดใจ) ด้วยทั้งปริมาณและรสชาติรวมถึงราคาบอกได้เลยว่าลืมร้าน Fine dining แถวสุขุมวิท, นานาสีลมกันไปเลย
ต่อมา Al Rahaman ได้มีการปรับปรุงโฉมร้านใหม่ให้เข้ากับยุคสมัย สะอาดสะอ้าน ติดแอร์ตกแต่งร้านใหม่ และ Bloggers หลายเพจรวมถึง Application อาหารอย่าง #Retty #Iroamalone #ชายกางตระเวนกินทั่วถิ่นไทย #wongnai #อาหารอินเดียไปเรื่อย ดารานักแสดงและน้อง ๆ อีกมากมายหลายคนแวะเวียนมาและประทับใจในรสชาติฝีมือของหนุ่มชาวบังกลาเทศคนนี้จนมีการบอกปากต่อปากเลยทำให้เชฟรูฟโด่งดังในโซเชียล รวมถึงมีสื่อและรายการทีวีต่าง ๆมาเยี่ยมเยียนกันจนตอนนี้ต้องรอคิวกันเป็นชั่วโมงกว่าจะได้ทาน แต่สิ่งสำคัญคือเชฟรูฟให้การต้อนรับลูกค้าทุกคนอย่างเป็นกันเอง ลดแลกแจกแถมตามสไตล์เชฟรูฟจนทำให้ทุกคนที่มาเยือนต่างประทับใจกันไปตาม ๆ กัน
เมนูที่มาแล้วต้องสั่งก็คือ Mutton Masala ที่จัดจ้านเข้มข้นแต่กลมกล่อมกำลังดี ที่สำคัญเนื้อแกะนุ่มแทบละลายในปากไม่มีกลิ่นสาบมารบกวนกันเลยแม้แต่น้อย จะทานคู่กับนานแผ่นยักษ์หรือชีสนานที่หนานุ่มแต่ไม่หนักมากก็เข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม Butter Chicken เมนูอาหารอินเดียที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมของยุโรปและอินเดีย มีรสชาติออกหวานนำนิดมีกลิ่นเครื่องเทศไม่แรงนักเหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเคยทานอาหารประเภทนี้ Lamb Kebab เป็นอีกหนึ่งเมนูใหม่ที่บอกได้เลยว่าไม่เคยทานร้านไหนอร่อยเท่านี้ ถ้าเป็นสไตล์แบบอาหรับจะย่างมาแบบแห้ง ๆ แต่ของเชฟปรุงรสมาได้อย่างดีเยี่ยมและตัวเนื้อแกะสับยังชุ่มฉ่ำอยู่ Briyani ข้าวหมกที่ทางร้านใช้ข้าวบาสมาติที่เป็นเม็ดเรียวยาวรสชาติเยี่ยมมาผัดกับเครื่องเทศเพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยพริกขี้หนูนิด ๆ จะสั่งเป็นแกะ, ปลาจาระเม็ดดำ, ไก่ , กุ้ง เลือกกันได้ตามใจชอบ
ส่วนตัวได้เห็นการพัฒนาฝีมือของเชฟตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ทานจนถึงทุกวันนี้ บอกเลยว่าตอนนี้ครบเครื่องจริง ๆ ทั้งเมนูแกง ปิ้งย่าง ข้าว นาน อร่อยทุกจานที่ได้ลิ้มลอง รวมถึงเครื่องดื่มอย่าง Lassi ขนมหวานที่เชฟชอบเอามาแจกและห้ามพลาดกับเมนูน้องใหม่อย่าง Pani Puri
Al-Rahaman อัลราฮามัน โดยเชฟ Abdur Rouf (อับดุล รุฟ) ซอยเจริญกรุง 45(พุทธโอสถ) วันเวย์เข้าจากทางด่วนตรงถนนสุรวงศ์ ร้านนี้เปิดทุกวันตั้งแต่ 11:00 น. ถึง 21:00 น. ควรไปตอนร้านเปิดเลยจะได้ไม่ต้องเข้าคิว ถ้านำรถมา ให้มาทางถนนเจริญกรุงแล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยเจริญกรุง 43 มีที่จอดรถใต้ทางด่วนชั่วโมงละ 20 บาท
