อย่างที่เคยบอกไว้ว่าแต่ละเมืองต่างก็มีของดีของอร่อยเชิดหน้าชูตาประจำจังหวัด เหมาะสำหรับซื้อกลับไปเป็นของฝากญาติสนิทมิตรสหาย ซึ่งถ้าเป็นของฝากภาคใต้ขึ้นชื่อแล้ว เราต้องนึกถึงจังหวัดภูเก็ตเป็นอันดับแรก ๆ แน่นอน และร้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศเห็นจะเป็นร้านไหนไปไม่ได้นอกจากร้านของฝากคุณแม่จู้เท่านั้น ใครมาภูเก็ตแล้วไม่ได้แวะซื้อน้ำพริกกุ้งเสียบตำรับแม่จู้เจ้าตำนาน กลับไปฝากคนที่คุณรัก ถือว่ามาไม่ถึงเกาะแห่งนี้เลยนะจ๊ะ
ร้านคุณแม่จู้ ของฝากจากภูเก็ตนั้นอยู่ริมถนนเทพกระษัตรี(สาย402) เลยอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทรไป 11 กม. อยู่ริมถนนด้านซ้ายมือก่อนถึงสนามบินภูเก็ตเพียง 10 นาที ใครผ่านไปผ่านมาไม่มีทางหลงเพราะศูนย์ของฝากแห่งนี้มีขนาดใหญ่ ที่จอดรถกว้างขวาง มองเห็นได้ชัด
มาที่นี่แล้ว อยากซื้ออะไรก็เชิญตามสบาย แต่ต้องไม่ลืมซื้อแกงไตปลากับน้ำพริกกุ้งเสียบติดไม้ติดมือกลับไปด้วย แม่จู้หรือหงวดจู้เป็นหลานปู่ของกำนันที่สะปำ ถือเป็นคนภูเก็ตแท้ ๆ ยืนอ่านตำนานแม่จู้ที่ลูกหลานทำประวัติติดไว้ข้างหน้าร้าน จึงทราบว่าเป็นผู้เปิดศักราชร้านของฝากเจ้าแรกในจังหวัดภูเก็ตนับเป็นเวลากว่า 80 ปีแล้ว (ตั้งแต่พ.ศ. 2482) โดยปัจจุบันนี้ทายาทแม่จู้รุ่นลูกรุ่นหลานยังสืบสานตำนานความสำเร็จ อีกทั้งคิดค้นสินค้าเพิ่มเติมหลากหลายมากมาย อีกทั้งยังยืดอายุผลิตภัณฑ์โดยการถนอมอาหารด้วยวิธีฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อนแบบสเตอริไลซ์ จึงเก็บรักษาได้นานโดยไม่ต้องใส่ยากันบูดใด ๆ ทั้งสิ้น
ก่อนจะเลือกซื้อเชิญชิมดูก่อนได้ เขาจัดช้อนสำหรับชิมใช้แล้วทิ้งไว้ให้เสร็จสรรพ ควรพุ่งไปที่โซนแกงไตปลาก่อน ทราบหรือไม่ว่าแกงไตปลาคือผลิตภัณฑ์แรกของร้านแม่จู้เลย แกงไตปลาบรรจุขวดสูตรคุณแม่จู้มีให้เลือกถึง 3 ชนิด ได้แก่ แกงไตปลาน้ำ (165 กรัม) ซึ่งเป็นแกงน้ำข้นใส่ปลาย่าง ปลาฉิ้งฉ้างและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แกงไตปลาแห้ง (150 กรัม) ที่ผัดให้มีน้ำมันขลุกขลิก และแกงไตปลาคั่วกลิ้ง (90 กรัม) ที่คั่วแบบแห้ง ๆ เป็นผง ๆ หอมกลิ่นข่าป่น ซึ่งแกงไตปลาของแม่จู้ต้องทำจากไตปลามงเท่านั้น บรรจุในขวดแก้ว สนนราคาขวดละ 80 บาทเท่ากัน มีอายุการเก็บนานถึง 1 ปี
สำหรับผู้ที่อยากกลับไปปรุงแกงไตปลาเองที่บ้าน ขอแนะนำสูตรของร้านแม่จู้ ไตปลาน้ำ 2 ขวด แกงกับไตปลาแห้ง 1 ขวด เติมผักและหน่อไม้ลงไปตามใจชอบ
ส่วนน้ำพริกกุ้งเสียบแม่จู้นั้น ผมเป็นแฟนประจำมานานมากแล้ว ตัวหลัก ๆ ที่ห้ามพลาดเวลามาที่ร้านคือ น้ำพริกกุ้งเสียบตำสด (กล่องละ 150 บาท) รสชาติอร่อยเหมือนไปกินในร้านอาหาร มีอายุการเก็บ 5 วัน (นอกตู้เย็น) หรือถ้าแช่ตู้เย็นจะอยู่ได้นานถึง 20 วัน
ส่วนน้ำพริกกุ้งเสียบอย่างแห้งนั้นเก็บได้นานถึง 6 เดือน เดี๋ยวนี้มีให้เลือกถึง 4 รสชาติ มีน้ำพริกกุ้งเสียบรสดั้งเดิมเผ็ดปานกลาง อีกทั้งรสเข้มข้นเผ็ดร้อนยิ่งขึ้นด้วยพริกแห้ง รสมะม่วงหิมพานต์ใส่กะปิเล็กน้อย และน้ำพริกกุ้งเสียบผัดมะขามเพิ่มรสเปรี้ยวหอมของมะขามเปียกเข้าไป มีทั้งที่เป็นกระปุก และที่บรรจุในถุงฟอยล์อยู่ในกล่องรูปใบตองแห้ง ป้องกันการเปลี่ยนสีได้มากขึ้น ขนาดเล็ก (70 กรัม 80 บาท) และใหญ่ (150 กรัม 150 บาท)
กุ้งเสียบซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักนั้นคัดสรรมาจากชุมชนในพังงา ย่างจนแห้งมาให้แล้ว นำมาทอดต่อในน้ำมันเพื่อปรุงในน้ำพริก หรือนำมาอบจนแห้งไว้ใช้โรยหน้า
นอกนั้นยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกมากมาย ที่ห้ามพลาดเช่นกันคือเกลือเคยสูตรโบราณ(ขวด 100 กรัม 40 บาท และ 200 กรัม 60 บาท) เก็บได้นาน 1 ปี เอาไว้จิ้มกินกับผลไม้เช่นมะม่วง สับปะรด ซึ่งจะต่างจากน้ำปลาหวาน ตรงที่เน้นกะปิและปรุงด้วยซีอิ๊วพื้นบ้านแทนน้ำปลา
ต่อด้วยน้ำพริกแห้ง ๆ อย่างน้ำพริกนรกกุ้งเสียบ (ซอง 30 กรัม 30 บาท และ กระปุก 45 กรัม 40 บาท) ด้วย ใส่เครื่องต่าง ๆ ทั้งกุ้งป่น พริกจินดา (สีแดง ๆ) หอม กระเทียม และกุ้งเสียบ บดละเอียดและผัดจนแห้ง ส่วนผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ซึ่งเป็นของกินเล่นทำจากกุ้งเสียบ ประกอบด้วยกุ้งเสียบยำตะไคร้ (120 บาท) รสออกหวานเล็กน้อย ยำตะไคร้กุ้งกรอบ (120 บาท) เพิ่มใบมะกรูดและสมุนไพร และกุ้งเสียบยำสมุนไพร (120 บาท) ใส่มะม่วงหิมพานต์ มีรสหวานเพิ่มขึ้น
อีกอย่างที่ไม่นึกว่าจะมีแบบนี้ด้วย สมควรแก่การลิ้มลองก็คือคางกุ้งรสต้มยำ (30 บาท) ทำจากคางกุ้งขาวรับมาจากหาดใหญ่ ชุบแป้งทอดกรอบ คลุกกับผงต้มยำ กรอบหอมกินเพลินหยุดไม่ได้
ส่วนของฝากเอกลักษณ์ประจำภาคใต้อื่น ๆ มีทั้งเม็ดมะม่วงหิมพานต์รสต้มยำสมุนไพร (150 บาท) และของกินเล่นตระกูลปลาฉิ้งฉ้างตัวเล็ก ๆ กรอบ ๆ ซึ่งทำออกมาหลายรสชาติ มีตั้งแต่ปลาฉิ้งฉ้างกรอบรสธรรมชาติ ปลาฉิ้งฉ้างกรอบสามรส หม่าล่าปลาฉิ้งฉ้าง(ใส่ซอสหมาล่าแบบจีน) ปลาฉิ้งฉ้างกรอบรสต้มยำ ปลาฉิ้งฉ้างกรอบสามรสอบงา (120 กรัม 100 บาททุกรสชาติ)
จะเห็นได้ว่าที่คุณแม่จู้มีของฝากให้ซื้อมากมายหลากหลายประเภท ไม่สามารถสาธยายได้ครบ เชิญไปสำรวจด้วยตนเอง เที่ยวภูเก็ตเสร็จทริปก่อนกลับบ้านอย่าลืมแวะร้านของฝากคุณแม่จู้ เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 7 โมงเช้า (วันธรรมดา 7 โมงครึ่ง) ไปจนถึง 1 ทุ่ม โทร 076-621-226 ถึง 7