ในบรรดาก๋วยเตี๋ยวเนื้อทั้งหลาย มีอยู่อย่างหนึ่งซึ่งหากินยาก ก๋วยเตี๋ยวประเภทนี้ไม่ค่อยนิยมกินเส้นกัน ต้องสั่งเป็นเกาเหลาถึงจะเหมาะ เอกลักษณ์ของเกาเหลาชนิดนี้คือมีน้ำซุปที่หอมกลิ่นซอสปรุงรสซึ่งทำจากถั่วเหลืองและมีกลิ่นรสของเนื้อตามธรรมชาติชัดเจนจนเตะจมูก ใช้เนื้อชั้นดีมีคุณภาพ จึงไม่ค่อยมีร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อทั่วไปกล้านำมาขาย แต่ถึงสนนราคาต่อชามจะค่อนข้างสูง(ชามละ 120-150 บาท) บรรดาคอเนื้อแห่งชมรมคนชอบกินเนื้อก็มิมีปัญหา มาอุดหนุนกันจนขายหมดก่อนเวลาปิดร้านอยู่บ่อยๆ ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ้านี้มีชื่อว่า เกาเหลาเนื้อวัวไร้เทียมทาน ราชวัตร
ต้นตอของเกาเหลาเนื้อชั้นดีแบบนี้มาจากร้านในเวิ้งนครเกษมหรือเวิ้งนาครเขษมในอดีต อีกทั้งร้านของพี่น้องที่ย่านสะพานเหล็ก ถนนบริพัตร ถ้าจะพูดเฉพาะเจาะจงก็คือร้านเซี้ยและร้านชิ่วนั่นเอง เป็นที่รู้กันดีในหมู่ผู้เสาะแสวงหาเกาเหลาเนื้อดีๆ ต้องไปที่ 2 เจ้านี้(ซึ่งคุณชายถนัดศรีเคยชวนชิมไปตั้งแต่ปีมะโว้) สมัยที่ผมเป็นนิสิตยังจำได้ว่าสนนราคาชามละ 50 บาททีเดียว
คุณแก้ว ศรีมุงคุล เจ้าของร้านที่ราชวัตรนั้น ในอดีตก็คือลูกมือของร้านเกาเหลาในตรอกริมถนนบริพัตรนี้แหละ ช่วยเฮียทำเกาเหลาตั้งแต่ยังเล็ก ทำอยู่นาน 22 ปี พอเถ้าแก่เสียชีวิต จึงออกมาเปิดร้านเองที่ราชวัตรนับได้ 15 ปีแล้ว(เปิดปลายปี 2549) สามารถทำออกมาได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยนจนมีขาประจำติดกันงอมแงม
ทางไปร้านไม่ยาก ถ้ามาจากทางรถไฟตรงสามเสน วิ่งมาตามถนนนครไชยศรี ถึงสี่แยกราชวัตรให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระราม 5 เลียบคลอง เลี้ยวมาแล้วมองทางซ้ายจะเห็นร้านเกาเหลาเนื้อมีป้ายผ้าใบเบ้อเริ่ม ถัดจากร้านไปไม่กี่ห้องเป็นซอยดุสิตคอนโดฯ จะขอจอดในคอนโดก็ได้
หรือไปจอดรถริมถนนนครไชยศรีช่วงนอกเวลาเร่งด่วน(หลัง 9 โมงเช้า) สลับฝั่งตามวันคู่วันคี่ ซึ่งถ้าตรงผ่านสี่แยกขึ้นสะพานข้ามคลองไปอีกฝั่ง จะหาที่จอดได้ง่ายกว่าด้านตลาดราชวัตร ควรมาอุดหนุนตั้งแต่ตอนสายดีที่สุด เพราะบรรดาเนื้อชั้นดียังมีอยู่ครบถ้วน อีกทั้งบางวันจะมีหน่วยงานต่างๆเหมาไปแล้วก็มี
คนที่นิยมกินเกาเหลาเนื้อวัวไร้เทียมทานจะทราบดีว่ามีศัพท์บัญญัติเฉพาะของบรรดาเนื้อพวกนี้ เริ่มจากเนื้อกรอบ(เรียกว่า กอบ)ซึ่งยังพอเห็นได้ตามร้านก๋วยเตี๋ยวทั่วไป เป็นเนื้อน่องลายส่วนที่มีเส้นเอ็นอ่อน เนื้อชนิดนี้เวลาเคี้ยวจะรู้สึกเด้งดึ๋งๆกรอบๆ มีความมันนิดๆ โดยไม่ต้องพึ่งน้ำประสานทอง
ถัดมาเป็นตระกูลเนื้อเปื่อยชั้นดีซึ่งเป็นที่ถวิลหามากที่สุด คือเพียร์และโกเบ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเรียกอย่างนี้ รู้แต่ว่าเพียร์คือเนื้อเปื่อยติดเอ็น มีความหอมมันอย่างสุดๆ ทางร้านบอกว่าทางที่ดีควรโทรมาจองก่อนว่าจะเอากี่ถุงกี่ชาม ให้แจ้งชื่อเสียงเรียงนามไว้เป็นดีที่สุด ส่วนโกเบนั้นคือเนื้อเปื่อยอย่างดีที่ไม่ค่อยมีมัน ซึ่งก็เด็ดอร่อยอีกเช่นกัน และยังมีเนื้อเปื่อย 3 ชั้น มีมันแทรกเป็นชั้นๆซึ่งผมก็ชื่นชอบมากอีกด้วย
สำหรับคอเนื้อตามปกตินิยมกินกัน 3 สิ่งคือ กรอบ เพียร์ โกเบ ลืมบอกไปว่าเนื้อที่ใช้เป็นเนื้อโคขุนจากอยุธยา สนนราคาเกาเหลาประเภทนี้จะเริ่มต้นที่ 120 บาท พิเศษ 150 บาท ซึ่งให้ปริมาณเยอะมาก แต่ถ้ายังไม่จุใจก็มีขนาด L-XL-XXL ชามละ 200-300-400 บาทอีกด้วย ซึ่งผมไม่เคยสั่งสักที
เดี๋ยวนี้มีของดีเพิ่มมาอีกคือเนื้อวากิวกับลิ้นวัว โปรดอย่าเข้าใจผิดว่าเป็นเนื้อจากญี่ปุ่นนะจ๊ะ ความจริงเนื้อวากิวในที่นี่คือเนื้อหนอกนุ่มหนึบที่มีมันตรงขอบนั่นเอง
ลักษณะเกาเหลาเหมือนที่บอกไปตอนต้น คือหอมกลิ่นน้ำต้มเนื้อ ซึ่งเวลาปรุงจะเหยาะซอสปรุงรสกับซีอิ๊วขาวลงไปด้วย น้ำซุปมีรสชาติเค็มหอม ใส่ผักกาดหอมเป็นหลัก นิยมกินกับข้าวเปล่า (ถึงแม้จะมีเส้นหมี่ เส้นใหญ่ เส้นเล็ก ให้เลือกก็ตาม)
นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคราอื่นๆให้เลือกใส่ด้วย เช่น ลูกชิ้น ตับ ผ้าขี้ริ้วดำ(มีบางวัน) หัวใจ ไส้ ม้าม เอ็น ถ้าสั่งเป็นก๋วยเตี๋ยวธรรมดาจะเริ่มต้นที่ชามละ 60บาท แต่ไม่ค่อยเห็นมีใครสั่งกัน ล้วนแล้วแต่ต้องการลิ้มลองเนื้อดีๆสารพัดส่วนกันทั้งนั้น
ปัจจุบันนี้คุณแก้วให้หลานสาวมายืนเป็นมือหนึ่งประจำร้าน ส่วนช่วงคนเยอะก็จะมีลูกชายคุณแก้วชื่อจตุรงค์มาคอยช่วยอีกด้วย ร้านนี้มีโต๊ะไม่มาก ด้านในมีประมาณ 7 โต๊ะ ด้านนอกอีก 2-3 โต๊ะ มีห้องปรับอากาศห้องข้างๆอีก 1 คูหา(แต่ตอนนี้ยังไม่เปิดบริการห้องปรับอากาศ)
ในช่วงที่สถานการณ์โควิดเข้มข้น ถึงแม้ร้านต่างๆจะเปิดให้เข้าไปนั่งกินได้แล้ว แต่ร้านเกาเหลาเนื้อวัวไร้เทียมทาน ราชวัตร ก็ยังแค่ให้สั่งกลับบ้านอย่างเดียว โดยจะเปิดตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมง หยุดทุกวันอาทิตย์ แต่ถึงอย่างไรก็ควรโทรสั่งกันแต่เนิ่นๆที่เบอร์ 08-1638-0897 และ 08-9064-5061 หรือสั่งผ่านไรเดอร์ต่างๆตั้งแต่ช่วงเช้าๆ มาร้านอร่อยเช่นนี้ให้ท่องจำไว้เลยว่า ช้าหมดอดกินนะจ๊ะ