ร้านอาหารอิตาเลียนที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ เปิดมาได้เกือบ 2 ปี ถือเป็นร้านว้าวอยู่ในลิสต์ที่ใคร ๆ ต้องมาสักครั้งหนึ่งให้จงได้ ครบเครื่องทั้งบรรยากาศ การบริการ หน้าตาและรสชาติอาหาร ปิ่นโตเถาเล็กไปชิมแล้วติดใจ นั่งสบายได้ละเลียดชิม อยากรู้แล้วใช่ไหมครับว่าคือร้านไหน ร้านอิตาเลียนนี้มีชื่อว่า โลลิว่า (L’OLIVA) ซึ่งแปลว่ามะกอกนั่นเอง
โลลิว่าอยู่ในซอยสุขุมวิท 36 เข้าจากฝั่งถนนสุขุมวิทมา 300 เมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยนภาศัพท์ 2 อีกที จุดสังเกตปากซอยที่จะเลี้ยวมีป้ายโรงเรียนนานาชาติทรีนีตี้ (Trinity) ตัวร้านจะอยู่ทางขวามือ มีที่จอดรถมากมาย ส่วนถ้าเข้าจากฝั่งถนนพระราม 4 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยแสนสบาย ซึ่งคือซอยเดียวกับสุขุมวิท 36 นะจ๊ะ (ถ้ามาทางนี้ซอยนภาศัพท์ 2 จะอยู่ด้านซ้ายมือ)
ที่นี่มีทั้งโซนคาเฟ่เก๋ ๆ ในชื่อว่า Caffè Olives และถัดมาคือร้านอาหารอิตาเลียนโลลิว่า โดดเด่นด้วยเรือนกระจกโมเดิร์นด้านหน้า ล้อมรอบตัวบ้านด้านในซึ่งตกแต่งด้วยผนังอิฐเปลือยและไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ในอิตาลีจริง ๆ ด้านในสุดมีห้องส่วนตัว ตั้งโต๊ะยาวรองรับได้ 10 กว่าคน กรุกระจกโดยรอบ มองเห็นสวนด้านนอกกว้างขวางและเทอเรซซึ่งตกแต่งด้วยต้นมะกอก ที่เปิดให้นั่งได้เช่นกัน ส่วนชั้นบนของบ้านก็มีห้องส่วนตัวเพิ่มเติมอีกด้วย
เชฟใหญ่ของร้านในปัจจุบันนี้คือเชฟเกเบรียล ลูน่า (Gabriele Luna) ซึ่งเคยอยู่ที่ร้านอิตาเลียนในซอยสุขุมวิท 16 มาก่อน เก่งเรื่องพาสต้าเส้นสด นับเป็นเมนูที่สมควรสั่งด้วย
อาหารอิตาเลียนมีครบครันทุกประเภท เริ่มกันด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย ที่ขายดีมากคือ Black Mussels ซอสอรับเบียอาต้า (Arrabiata) หรือหอยแมลงภู่จากเมืองนอกในซอสมะเขือเทศรสจัด (550++) (วันที่จะถ่ายรูป ขายดีหมดเสียก่อน)
ส่วนชาวต่างชาติจะชอบสั่งพาร์มิจาน่า (Parmigiana) (380++) มะเขือม่วงอบทำเป็นชั้นๆสลับกับซอสมะเขือเทศ ชีสมอสซาเรลล่าชีสพาร์เมซานและโหระพาอิตาเลียน รสชาติดีมาก และมีเมนูน่าสนใจอีกหลายอย่าง เช่น แกะเสียบไม้ย่างกินกับขนมปังกระเทียม (390++)
ต่อด้วยสลัด เมนูดังประจำร้านคือสลัดเนื้อปู (650++) ใส่อโวคาโด้ มะเขือเทศ ราดน้ำสลัดน้ำผึ้งมัสตาร์ดปรุงรสเปรี้ยวๆสดชื่น ห้ามพลาดเลย แน่นอนว่ามีของโปรดพวกเราชาวไทย สลัดร็อกเก็ตกับชีสบูราต้า (550++) ด้วย
เมนูเส้นพาสต้าถือเป็นพระเอกของร้าน ที่ผมชื่นชอบคือตาเลียวลีนี่ (Tagliolini) เส้นพาสต้าริบบิ้นโฮมเมดราดซอสทรัฟเฟิล (ราคาตามฤดูกาล 1,180++) มีเห็ดทรัฟเฟิลสไลซ์เป็นแผ่นบาง ๆ ด้วย กินกับกวนชาเล่ (Guanciale) หรือเบคอนแก้มหมูกรอบ ๆ
อีกอย่างที่คนไทยชอบสั่งคือคาเปลลินี่ (Capellini) หรือแองเจิลแฮร์ผัดกับเนื้อปู(490++) ใส่พริกและมะเขือเทศลูกเล็ก ๆ
พาสต้าใช้มือทำมีอีกหลากหลาย เช่น อัญโญล็อตติ (Agnolotti) เกี๊ยวอิตาเลียนไส้ชีสบูราต้าราดซอสเห็ดพอร์ชินี (790++) มีทรัฟเฟิลฤดูร้อนชิ้นบาง ๆ ด้วย อีกทั้งออเรคคิเอตเต (Orecchiette) (แปลตรงตัวว่าพาสต้ารูปหู) ผัดกับไข่ปลาบตตาร์ก้า (Bottarga) (690++) หรือไข่ปลาในตระกูลปลากระบอกตากแห้งเค็ม ๆ ใส่มาเป็นแผ่น ๆ เลย
พิซซาก็หน้าตาดีไม่ซ้ำใคร เมนูขึ้นชื่อคือพิซซามอร์ตาเดลล่า (Mortadella) (520++) แตกต่างตั้งแต่แป้งพิซซาเป็นชนิดซาวร์โด (Sourdough) หมักไว้ 1 คืนจนนุ่มหนึบ หน้าพิซซาครีมซอสซุกินี มีไส้กรอกมอร์ตาเดลล่านุ่ม ๆ มันแทรกเป็นเนื้อเดียวเนียน ๆ ม้วนเป็นรูปดอกไม้ หยอดชีสมาสคาร์โปเน่และพิชตาชิโอ้ป่น โรยด้วยใบร็อกเก็ต
มาถึงอาหารจานหลักมีให้เลือกมากมาย ขอแนะนำเมนูคลาสสิคหน้าแข้งวัวตุ๋นหรือออซโซบูโก้ (Ossobuco) รสเข้มข้น กินกับข้าวริซอตโต้ใส่หญ้าฝรั่นหอม ๆ (850++) และมีซี่โครงแกะย่าง (Lamb Rack) (920++) ราดซอสไวน์แดง
ถามหาเมนูพิเศษได้อีกด้วย เช่น สเต๊กต่าง ๆ วันนั้นมีเนื้อกวาง (Venison) ย่าง (400 กรัม 2,690++) จากนิวซีแลนด์ ใส่ตับห่านฟัวกราส์ ราดซอสพอร์ตไวน์ซิตรัส กินกับแก่นตะวันหรือเยรูซาเล็มอาติโชคบด ดูอลังการมาก
ของหวานเมนูโปรดผมต้องโปรฟิตเตอโรล (Profiterole) (300++) คล้ายเอแคลร์ ทำจากแป้งชูไส้ไอศกรีมวานิลลา ราดช็อกโกแลตชั้นดีรสเข้ม อีกอย่างคือไจแอนท์โรเชอร์ (Giant Rocher) (260++) ช็อกโกแลตโรเชอร์หุ้มด้วยไอศกรีม โรยด้วยเฮเซลนัทและมีครัมเบิ้ลกรอบ ๆ
โลลิว่า (L’OLIVA) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 11โมงเช้า จนถึง 4 ทุ่มครึ่ง ควรโทรจองก่อนล่วงหน้าที่เบอร์ 09-4858-9868 และ 09-4868-1150 นะจ๊ะ