คนมักจะเข้าใจผิดว่าภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว จึงมีแต่ร้านอาหารที่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว รสชาติอาหารกลาง ๆ ไม่เผ็ดร้อนไม่รสจัด แต่ความจริงแล้วภูเก็ตมีเสน่ห์เรื่องอาหารการกินเหลือหลาย มีร้านอาหารท้องถิ่นภูเก็ตพื้นบ้านแท้ ๆ อยู่หลายเจ้า ขอแนะนำร้านอาหารพื้นเมืองภูเก็ตแท้ ๆ หรอยแรง ร้านโปรดของผมที่เปิดมานาน 28 ปีแล้ว เจ้าของร้านตั้งใจที่จะอนุรักษ์อาหารพื้นเมืองโดยเลือกใช้วัตถุดิบและของทะเลประจำถิ่น ร้านนี้มีชื่อว่าครัวไพลิน อยู่บนเส้นทางเข้าน้ำตกกะทู้ซึ่งเป็นเส้นที่แยกจากถนนสายหลักที่จะมุ่งหน้าไปสู่หาดป่าตอง โดยห่างจากที่ว่าการอำเภอกะทู้ประมาณ 4 กม. ตัวร้านอยู่ตรงหน้าทางเข้าน้ำตกกะทู้เลย มีป้ายชื่อเห็นได้ชัด โดยอยู่ต่ำกว่าระดับถนน ต้องเดินไต่ลงไปนิดหน่อย ที่นั่งกินอยู่ในศาลาโถงโล่ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ของหรอยพื้นถิ่นมีให้ชิมมากมาก เริ่มกันด้วยแกงที่มีน้ำสีแดงเข้ม ๆ ชื่อว่าแกงพริกหอยกัน(130 บาท) หนักพริกไทยดำ รสชาติเข้มข้นเผ็ดจัดจนลมออกหู หอยกันตัวโต เนื้อหนึบเหนียวเด็ดจริง ๆ อาหารจานหอยอีกอย่างชื่อ หอยรากผัดโหระพา (130 บาท) หอยอะไรไม่รู้มีรากงอกยาว ๆ สีขาวออกมาจากเปลือกสมชื่อ ตรงรากจะเนื้อแข็ง ๆ หน่อย จานนี้หอมอร่อยไม่เผ็ดมาก
เมนูห้ามพลาดคือน้ำพริกคนใต้ ชื่อว่า น้ำพริกขยำหรือน้ำชุบหยำหรือน้ำพริกกุ้งสด (110 บาท) เวลาทำใช้มือขยำจริง ๆ ทำจากกะปิเคยของระนอง ใส่กุ้งลวก พริกหั่น หอมหั่น ไม่ตำ ปรุงรสด้วยมะนาวและน้ำมะขามนิดหน่อย ลักษณะเป็นน้ำเหลว ๆ หน่อย กินคู่กับต้มกะทิผักลิ้นห่าน (120 บาท) ผักลิ้นห่านรสขมเล็กน้อย ๆ ต้มกับกะทิหอม ๆ ตักกินพร้อมกับน้ำพริกขยำเข้ากันดีนักแล และควรกินกับปลาทอดอีกอย่างด้วย แกงไม่แปลกอีกอย่างแต่ใส่ปลาชื่อแปลก ๆ คือแกงส้มปลามิหลังใส่โชนปลามิหลัง (ที่ร้านเรียกว่าปลาปิหลัง) หรือปลาดุกทะเลเนื้อแน่นเป็นก้อนอวบอ้วนสดอร่อย โชนหรืออ้อดิบดูดน้ำแกงส้มเข้าไปจนเข้าเนื้อ จึงเผ็ดอย่าบอกใคร แต่หรอยเหลือเฮ้ดจริง ๆ การมาร้านครัวไพลินคราวนี้ได้ลิ้มลองของดี แกงส้มปลาปากเม่น (150 บาท) ใส่ยอดมะพร้าวและโชน (บางท้องที่เรียกว่าปลาหม้อแตก) เนื้อนุ่มมันถูกใจเป็นที่สุด
ให้เบรกของเผ็ดด้วยเมนูเด็ดเหลี่ยมต๊อคั่วเกลือ (150 บาท) เค็ม ๆ หอม ๆ มัน ๆ ย้ำว่าห้ามพลาด เหลี่ยมต๊อคือเนื้อช่วงระหว่างราวนมกับโคนขา มีมันน้อยกว่าหมูสามชั้น ถ้าชอบรสปักษ์ใต้ต้องเหลี่ยมต๊อผัดเคยเค็ม (150 บาท) ซึ่งเป็นเคยที่หมักสด ๆ ยังไม่ตากแห้งเป็นกะปิ ผัดจนเหลี่ยมต๊อมีรสชาติเข้าเนื้อเข้มข้น ถ้าเป็นหน้าสะตอให้ใส่สะตอด้วย สะตอเคลือบด้วยเคยเค็มจะกรอบหอมอร่อย ส่วนปลาทอดนั้นมีปลาทะเลพื้นเมืองหลากหลาย ให้สอบถามว่ามีอะไรวันนั้นบ้าง แต่วันไหนถ้ามีปลากุเราทอดให้รีบสั่ง เนื้อละเอียดอร่อยที่สุด (แต่หายากมากแล้ว ราคาตามฤดูกาล) นอกจากนี้ก็มีปลาคูดคาด (ราคาตามน้ำหนัก) ซึ่งที่ร้านเรียกว่าปลาคูดคูด และก็มีปลาใบขนุน(ราคาตามน้ำหนัก)ทอดจนกรอบอร่อยทั้งตัว
มาคราวนี้ได้ชิม ปลามิหลัง(ปิหลัง)ทอดขมิ้น (1 กิโลกรัม 280 บาท) ตัวเล็ก ๆ จึงกรอบอร่อย กับปลามงเลทรายทอดเครื่อง (5 ขีดครึ่ง 358 บาท) ได้กลิ่นรสที่เข้มหอมของเครื่องแกงตำเองที่ราดอยู่บนตัวปลา
อย่าลืมสั่งผักขึ้นชื่อทางใต้คือ ใบเหมียงผัดไข่ใส่กุ้งเสียบ (110 บาท) นอกจากนี้ยังมีอาหารพื้นเมืองอีกอย่างคือเห็ดแครงผัดขี้เมา (120 บาท) เห็ดแครงจะขึ้นตามขอนไม้ แต่เดี๋ยวนี้เพาะได้แล้ว นำมาผัดสด ๆ ได้เลย ไม่ต้องแช่น้ำเพราะเป็นเห็ดแครงสด ถ้าช่วงแถวเทศกาลกินเจจะมีผัดกะเป๊กใส่กุ้ง (120 บาท) ด้วย ถือเป็นของดีเมืองภูเก็ตและพังงา
ปิดท้ายด้วยเส้นหมี่(หมี่หุ้น)แกงปู (280 บาท) หรือที่ร้านนี้เรียกแกงกะทิเนื้อปู ใส่เครื่องแกงชนิดเดียวกับที่ทำผัดเผ็ด รสชาติเข้มข้น จะสั่งให้ใส่หรือไม่ใส่ใบชะพลูก็ได้ ราดบนเส้นหมี่หุ้นจนชุ่มโชกเข้ากันดี
ก่อนหน้านี้มีสาขาในเมืองแถวสามกอง ริมถนนเยาวราชด้วย แต่ในช่วงสถานการณ์แบบนี้จึงหยุดชั่วคราวก่อน
ขอย้ำว่าร้านครัวไพลินนี้ควรค่าแก่การแวะเวียนไปชิมยิ่งนัก อร่อยจนน้ำหูน้ำตาไหล จึงอยากเตือนว่าให้พกทิชชู่กล่องใหญ่ ๆ ไว้ข้างกายด้วยนะจ๊ะ ร้านครัวไพลิน เปิดบริการตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึงสี่ทุ่ม ทุกวัน โทรสอบถามได้ที่ 08-1956-2490 และ 076-321-395