ผมเคยจัดประเภทข้าวแกงไว้ 3 แบบ มีข้าวแกงไทยทำรสชาติภาคกลางเหมือนข้าวแกงธนพร ถนนพิชัย และครัวป้าแดงบางลำพู สี่แยกสะพานวันชาติ และข้าวแกงปักษ์ใต้รสจัดๆเผ็ดๆ อีกทั้งข้าวแกงสไตล์ไทย-จีน รสชาติกลมกล่อมนุ่มนวล แกงกะทิจะไม่เคี่ยวจนแตกมัน
ซึ่งร้านบ้านข้าวแกงเฮียบ๊วยที่จะแนะนำในครั้งนี้จัดอยู่ในจำพวกนี่แหละ ถือเป็นร้านในตำนานที่ซ่อนตัวอยู่ในย่านสวนมะลิ เปิดมานานกว่า 67 ปีแล้ว(ตั้งแต่พ.ศ. 2500) ผมเคยมาชิมและแนะนำไว้ในคอลัมน์ตามไปชิม หนังสือพิมพ์มติชนรายวันเมื่อ 21 ปีก่อน
สมัยเริ่มแรกเฮียบ๊วยจะขายอยู่แถวห้าแยกพลับพลาไชย จากนั้นก็ย้ายมาขายที่คลองถม บริเวณโรงหนังแคปปิตอลเก่า(เสือป่าพลาซ่าในตอนนี้) โดยมีเอกลักษณ์คือจะใช้รถสามล้อถีบชนิดติดเครื่องยนต์วางหม้อข้าวหม้อแกงไว้เต็มเลย ซึ่งในภายหลังก็มาขายในบ้านตัวเอง(ที่ร้านในปัจจุบัน)ตอนเช้า แล้วไปขายต่อที่คลองถมช่วงบ่าย ซึ่งในที่สุดก็กลับมาขายอยู่ที่สวนมะลิเพียงแห่งเดียว
ร้านบ้านข้าวแกงเฮียบ๊วย อยู่ในตึกแถวริมซอยสวนมะลิ 1 ทางมาตั้งต้นที่สี่แยกแม้นศรีบนถนนบำรุงเมือง(ที่มีการประปานครหลวงเก่า) ให้ชิดเลนขวาสุด มาตามทางวันเวย์นิดเดียว เลี้ยวขวาซอยแรกนับจากสี่แยก เข้าซอยสวนมะลิ 1 เข้าซอยไปนิดเดียวก็ถึงสี่แยกเล็กๆ ให้ข้ามแยกตรงไปอีก ทีนี้เล็งขวาให้ดี มองหาร้านที่มีกันสาดสีน้ำเงิน คนมารุมซื้อไม่ขาดสาย นี่คือร้านบ้านข้าวแกงเฮียบ๊วย มีป้ายชื่อร้านสีแดงเล็กๆแขวนอยู่ใต้กันสาดหน้าตึกแถว ซึ่งที่จอดรถหาค่อนข้างยาก ผมไปจอดแปะแถววงเวียนสวนมะลิ(ซึ่งจริงๆแล้วเป็นหมู่ตึกแถวที่มีถนนล้อมรอบ) หรือถามอาคารจอดรถตรงนี้ได้เลยว่ามีที่ว่างหรือเปล่า(อาคารที่จอดสวนมะลิในกูเกิ้ลแมพส์เขียนว่า BMA Suanmali Multi-storey car park ปกติมีขาประจำเช่าจอดตลอด)
ตอนนี้เฮียบ๊วยได้จากไปแล้ว มีลูกชายชื่อน้องสิทธิ์ และลูกสาว(เป็นพี่สาวของสิทธิ์)ชื่อ กันทิมา กับพี่จารุณีหรือพี่ณีซึ่งเป็นคนเก่าแก่ของร้านช่วยกันทำข้าวแกงกัน 3 คน ซึ่งยังปรุงด้วยเตาถ่านอยู่เช่นเดิม เริ่มขายตั้งแต่ 8 โมงเช้า มีของทยอยครบถ้วนตอน 9 โมงเช้า โดยจะขายไปจนถึงบ่าย 2 โมงนิดๆเป็นอย่างช้า แกงชนิดไหนหมดแล้วหมดเลย บอกไว้ก่อนว่าร้านบ้านข้าวแกงเฮียบ๊วย หยุดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ อย่างวันแรงงานที่ผ่านมาก็หยุดเช่นกัน
ขอเตือนว่าร้านนี้มักจะมีคนนิยมมาเหมาแกงทั้งหม้อไปเสียก่อนเป็นประจำ ดังนั้นถ้าอยากชิมอะไร ลองโทรมาสอบถามและจองไว้ก่อนเป็นดีที่สุด
วันจันทร์ มีแกงเผ็ด(แกงแดง)ปลาช่อนใส่พุงปลาช่อนและฟัก(130-150 บาท ซึ่งพุงปลาช่อนจะสูงกว่าเมนูอื่น) วันอังคารมีผัดเผ็ดปูใส่ถั่วฝักยาว ผัดเผ็ดหอยแมลงภู่ใส่โหระพาถั่วฝักยาว กระชาย และใบมะกรูด ใส่พริกเหลืองหอมๆ วันพุธมีแกงเผ็ดเนื้อมะเขือยาวที่รสนุ่มนวลแต่เข้มข้นอร่อยมาก วันพฤหัสมีพะแนงหมู หอยลายผัดพริกเผา วันศุกร์ มีเนื้อปลาช่อน(แล่แต่เนื้อไม่มีก้าง)ผัดพริกไทยดำ สลับกับเนื้อปลาช่อนทอดผัดกะเพรา
ของกินขึ้นชื่อที่ห้ามพลาดมีหลายอย่าง เช่น ผัดเผ็ดปลากรายใส่มะเขือเปราะ กระชายและใบมะกรูด หอมพริกเหลืองเป็นพิเศษ แกงเผ็ดไก่ใส่หน่อไม้(แกงแดง) แกงเขียวหวานปลากรายใส่ฟัก นอกจากนี้ก็มีหมูทอดกระเทียมหั่นชิ้นเล็กๆ ผัดพริกเผาหมูใส่ถั่วฝักยาว ผัดเผ็ดปลาดุกทอดกรอบใส่มะเขือเปราะ และพริกเหลืองเช่นกัน ผัดเต้าหู้ปลาใส่ข้าวโพดอ่อน ผัดกะหล่ำปลีใส่เห็ดหอม และมีแกงจืดที่ทำหมุนเวียนกันไป ซึ่งวันที่ไปมีต้มฟักใส่ขาไก่กับมะนาวดอง
และที่พิเศษกว่าที่ร้านอื่นตรงที่ร้านนี้มีแกงกะหรี่หมูสไตล์จีนด้วย กินแกล้มกับแตงกวา พริกชี้ฟ้าและเหยาะซีอิ๊วดำเข้าไปหน่อย ใช้ได้เลย
สนนราคาข้าวราดแกงกับ 1 อย่าง 40-70 บาท ราด 2-3 อย่าง 50-90 บาท ถ้าใส่ถ้วยส่วนใหญ่จะคิด 50 บาท ใส่ถุง 50-80 บาท ส่วนผัดปูและเมนูทะเล คิด 50-70 บาท เมนูปลาช่อนและแกงเนื้อ 50-60 บาท
และนี่คือเจ้าข้าวแกงไทย-จีนที่อร่อยจริงๆ ขายมายาวนาน 60 กว่าปีได้หรอก ใครชอบข้าวแกงที่มีรสชาตินุ่มนวล ขอให้มาลองชิมกันดูแต่อย่าลืมว่าร้านปิดเสาร์-อาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์นะจ๊ะ