ย่านถนนทรงวาด ถนนสายสั้นๆเลียบริมน้ำเจ้าพระยา มีอาคารเล็กๆเก๋ๆเก่าแก่อยู่หลายแห่ง ควรค่าแก่การมาเดินเล่นชมชิลทั้งด้านนอกด้านใน 

ใกล้ๆกับแกลเลอรีหนึ่งเดียวของย่านทรงวาดชื่อว่า Play Art House มีตึกอาคารแถวเล็กๆ 2 ชั้นหลายหลังติดกัน มีชื่อเล่นว่าตึกผลไม้ อายุกว่า 117 ปี ในอดีตเคยทำกิจการขายส่งสินค้ามาก่อน สิ่งที่น่าสนใจคือลวดลายปูนปั้นบนผนังชั้นสองด้านนอกเป็นรูปผลไม้  

ซึ่งห้อง 2 คูหาลวดลายปูนปั้นรูปสับปะรดนั้นเป็นที่ตั้งของคาเฟ่ขนมไทยแสนเก๋ ชื่อว่าArteasia(อาร์ตทีเซีย) Desserts & Cafe ทางเข้าร้านด้านหน้าดูไม่ออกเลยว่าเป็นคาเฟ่ขนม เหมือนเป็นบาร์ลับมากกว่า ต้องเดินขึ้นมาชั้นสองก่อนจึงจะได้เห็นความงดงามของกระจกสีดั้งเดิมรูปครึ่งวงกลมเหนือหน้าต่าง ที่เรียกว่าสเตนกลาส(Stained Glass) 

ร้านคาเฟ่ขนมไทย Arteasia(อาร์ตทีเซีย) Desserts & Cafe เพิ่งเปิดมาได้เพียงปีเศษ เจ้าของร้านคือคุณอ๊าต อรองค์ ประสานพานิช ที่ปรึกษาด้านการศึกษาต่อต่างประเทศ มาทำร้านที่นี่ก็เพราะหลงเสน่ห์ความงามของกระจกสีนั่นเอง

เมนูเด่นของที่นี่คือทาร์ตขนมไทยซึ่งไม่ได้เป็นทาร์ตธรรมดาๆ แต่คือทาร์ตที่ดัดแปลงมาจากทาร์ตผลไม้ของตะวันตก ใส่องค์ประกอบความเป็นไทยเข้าไปหลายๆอย่างในแต่ละชิ้น ซึ่งไม่น่าเชื่อน้องที่เป็นเชฟร่ำเรียนจบวิศวะ แต่ผันตัวเองมาเป็นเชฟทำขนมสุดครีเอทสร้างสรรค์ด้วยใจรัก ชื่อว่าน้องบิว กนกวรรณ บุญก้อน

โดยตัวทาร์ตเปรียบเสมือนภาชนะที่ใส่ความคิดสร้างสรรค์ต่างๆลงไป เป็นการสื่อถึงวัฒนธรรมไทยด้วยขนมไทยประยุกต์ 

แนะนำว่าให้มากันสองคนขึ้นไป และสั่งชุดขนมสำหรับชิมหรือ Tasting Set 7 ชิ้น 390 บาทสุทธิ จะได้แย่งกันชิมสนุกสนานเพลิดเพลิน ลิ้มลองได้หลากหลาย โดยมีทั้งทาร์ตขายดี 5 ชิ้นและสโคนอีก 2 ก้อน ให้สอบถามก่อนกินว่าควรชิมอะไรก่อนหลังนะจ๊ะ

ทาร์ตตัวแรกเรียกว่า Going Bananas ซึ่งเป็นเมนูขายดีที่สุดสำหรับลูกค้าที่สั่งชิมเป็นชิ้นๆ(ถ้าสั่งเป็นชิ้นๆจะได้ชิ้นใหญ่กว่า ชิ้นละ 75 บาท) คือทาร์ตกล้วยบวชชีหอมอร่อย หวานเค็มกำลังดี ด้านล่างสุดเป็นไข่แดงเค็ม โปะหน้าด้วยกล้วยเคลือบด้วยน้ำตาลที่โดนเผาไฟ(เบิร์น)จนกลายเป็นคาราเมลกรอบๆหอมๆและมีโมจิด้วย

ชิ้นที่สองคือ Two-Faced Mango หรือมะม่วง 2 หน้า ประกอบด้วยมะม่วงดิบพริกเกลือด้านล่างสุดกินตัดเลี่ยน ด้านบนคือข้าวเหนียวมูนใบเตย มะม่วงสุก กับเยลลี่มะม่วงและมูสครีมชีส

ชิ้นที่สามคือทาร์ตตัวโปรดของชาวต่างชาติ เรียกว่า Golden Drops มีทั้งสาคูแห้วอัญชัน มูสกะทิ ประดับหน้าด้วยขนมทองหยอดคาเวียร์เม็ดกลมๆ

ขนมตัวถัดมาสีสวยมากหน้าตาเป็นดอกไม้(ในชุดชิมทำเป็นสีม่วง ถ้าเป็นชิ้นใหญ่เป็นดอกสีแดง) ชื่อว่า Lemon Lavender ประกอบด้วยเลมอนเคิร์ด(Lemon curd) อัลมอนด์สไลซ์ (Almond slice) ด้านบนเป็นหน้าอาลัวกะทิลาเวนเดอร์

ในชุดจะมีทาร์ตของฝรั่งด้วย คือ Dark Twist ประกอบด้วยพีนัทบัตเตอร์ครัมเบิล เยลลีเลมอน มูสชา Earl Grey และดาร์คช็อกโกแลตกานาช มีชิ้นส้มสดด้านบน

นอกจากนี้ในชุดสำหรับชิมยังมี สโคนมะม่วงอบ กินกับมูสกะทิ และซอสมะม่วง และสโคนเบคอนชีส กินกับซอสการ์ลิค อีกด้วย

และบางวันจะมีทาร์ตเปียกลำไย ด้านล่างสาคูเปียกลำไย ด้านบนเป็นมูสมะลิ โปะด้วยลำไยสดและกะทิคาเวียร์ สำหรับให้สั่งแยกเป็นชิ้นต่างหาก

ในช่วงตรุษจีนจะมีเซ็ททาร์ตพิเศษที่สื่อถึงอาหารการกินช่วงเทศกาลตรุษจีน ประยุกต์เข้าไปในตัวทาร์ตด้วย มีทั้งคาวและหวาน 3 ชิ้น ได้แก่ ทาร์ตเป็ดพะโล้ ตัวไส้ด้านล่างคือเป็ดพะโล้ชิ้นจิ๋วผัดกับเห็ดและเต้าหู้ ชั้นถัดมามีมูสอบเชย ถั่ว และแครอตดอง ส่วนของหวานคือทาร์ตขนมเทียน เป็นโมจิขนมเทียนสีเขียวปิดทอง กับมูสกะทิ และทาร์ตเก๊กฮวย มีสาคูเปียกกับมูสเก๊กฮวย โปะหน้าด้วยทองหยอดคาเวียร์

ไม่เพียงแต่ขนม คาเฟ่อาร์ตทีเซียยังมีเครื่องดื่มเก๋ๆอีกมากมาย เช่นกาแฟข้าวเหนียวมะม่วงลาเต้ มะลิใบเตยแบล็คคอฟฟี่โอ้เอ๋ว มะลิใบเตยลาเต้ ยูสุชาไทย น้ำเก๊กฮวยมะนาวสดอัญชันโอ้เอ๋วใบเตย ชาเอิร์ลเกรย์พีชโอ้เอ๋วใบเตย และ Pineapple Coconut Milk หรือน้ำสับปะรด มะนาวสด ใบเตย มีโฟมกะทิด้านบน