ร้านน้ำเต้าหู้ดั้งเดิมครบเครื่องทันสมัย หากินได้ทุกมุมเมือง
และแล้วก็เข้าสู่เทศกาลกินเจอีกครั้ง ปิ่นโตเถาเล็กถือโอกาสแนะนำร้านน้ำเต้าหู้สูตรดั้งเดิม ใส่เครื่องได้หลากหลายไม่ต่ำกว่า 18 ชนิด อีกทั้งมีของหวานสไตล์จีนอีกมากมาย ตกแต่งร้านและปรับเมนูให้หน้าตาทันสมัย เป็นที่เชิดหน้าชูตาว่าร้านของผู้ประกอบการไทยมีความโดดเด่นทัดเทียมไม่แพ้ประเทศอื่นใดในย่านนี้(เช่นสิงคโปร์ ฮ่องกง) แฟนๆสามารถตามไปลิ้มลองได้ไม่ไกลบ้าน เพราะมีสาขาในกรุงเทพฯทั่วทุกมุมเมือง ร้านนี้มีชื่อว่า Dou(โต้ว) อันมีความหมายว่าถั่วหรือธัญพืชนั่นเอง
โต้วมีจุดเริ่มต้นเมื่อพ.ศ. 2544 ราว 22 ปีที่แล้ว น้องกวาง สินารถ ภู่สุดแสวง หนึ่งในหุ้นส่วนร้านเล่าให้ฟังว่า กวางช่วยแม่ขายน้ำเต้าหู้ กับปาท่องโก๋แบบดั้งเดิมเหมือนร้านทั่วๆไป ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน อยู่ในตลาดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่อำเภอบางปะอิน
พอน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ก็หันมาส่งน้ำเต้าหู้ให้ร้านอื่นๆเป็นหลัก จนน้องกวางมีครอบครัวจึงเพิ่มของกินมากขึ้นอีกซึ่งเป็นสูตรของที่บ้านอยู่แล้ว เช่น เต้าฮวย เฉาก๊วย สังขยา ซุปงาดำ รวมถึงของเชื่อมต่างๆ ในตอนนั้นจะรู้จักกันในชื่อว่าร้านเจ๊ป้อม
จนกระทั่งประมาณ 5 ปีที่แล้ว น้องกวางจึงเริ่มทำเพจ Dou(โต้ว) และขยายเวลาขายในตอนเย็นและค่ำ ราวปลายปี 2563 เพจอยุธยาไกด์มาค้นพบ ร้านโต้วจึงโด่งดังมีชื่อเสียงในบางปะอิน
จุดเปลี่ยนสำคัญคือเพื่อนของแฟนน้องกวางชื่อว่าคุณเจ ณัฐพงศ์ สพโชคชัย กลับจากเกาะกวม ที่ไปทำอาหารให้กองทัพสหรัฐอเมริกา มาชักชวนน้องกวางปรับวิธีขายให้เป็นระบบ และเจได้ดึงกุนซือลูกพี่มาให้คำปรึกษาและร่วมหัวจมท้ายทำธุรกิจนี้ด้วยกัน คือคุณอมร อำไพรุ่งเรือง ที่ปิ่นโตเถาเล็กคุ้นเคยกันดี
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 คุณอมรได้เริ่มปรับปรุงเมนูร้านโต้วให้หลากหลาย และทำเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ ผ่านมาเพียงไม่ถึง 1 ปี ร้านโต้วขยายสาขาได้ถึง 35 แห่งทีเดียว(เป็นแฟรนไชส์ 30 สาขา) โดยมีราคาขายน้ำเต้าหู้เริ่มต้นเพียง 19 บาทเท่านั้น
ความสำเร็จสำคัญมาจากที่นี่ทำน้ำเต้าหู้และของกินอื่นๆเองอย่างพิถีพิถันเป็นระบบ อย่างเช่นการทำน้ำเต้าหู้ เริ่มจากการแช่ถั่วเหลืองนาน 3 ชั่วโมง นำไปแยกกาก และน้ำเข้มข้นออกจากกัน ผ่านการกรอง และนำมานึ่งไอน้ำด้วยเครื่องมือทันสมัย ดังนั้นจะไม่มีกลิ่นไหม้จากการต้มด้วยเตาถ่าน
เมนูที่ควรสั่งเวลาไปที่ร้านก็คือ น้ำเต้าหู้ใส่ฟองเต้าหู้(30 บาท) เพราะจะเป็นฟองเต้าหู้สด ที่ช้อนมาจากหน้าหม้อด้านบน มีจำนวนจำกัด ดังนั้นไปแล้วขอให้รีบสั่งน้ำเต้าหู้ใส่ฟองเต้าหู้เนื้อเนียนเสียก่อน ของดีมีจำกัด ปิ่นโตเถาเล็กชื่นชอบเมนูนี้มาก ซึ่งน้ำเต้าหู้ของโต้วรสชาติหวานปกติคือหวานน้อยของที่อื่น กินได้สบายใจ ใครอยากสั่งหวานน้อย หวานมากบอกได้
อีกเมนูที่ควรสั่งคือ น้ำเต้าหู้ทรงเครื่อง(30 บาท) เมนูขายดีอันดับ 1 ซึ่งจะเติมเครื่องให้ทุกอย่าง ยกเว้นรากบัวกับมะตูม(เพิ่มเครื่องเป็นพิเศษคิดอย่างละ 15 บาท) มีทั้งลูกเดือย ข้าวบาร์เลย์ ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วเขียวซีก ถั่วขาว แปะก๊วย เม็ดบัว ฟักเชื่อม พุทราเชื่อม สาคู แมงลัก วุ้น ฟองเต้าหู้ รากบัวเชื่อม มะตูมเชื่อม นอกจากนี้ยังมีปาท่องโก๋กรอบ(10 บาท) บัวลอยไส้งาดำ(ลูกละ 15 บาท)อีกด้วย
อยากกินแบบคนรุ่นใหม่ ใช้หลอดใหญ่ดูดได้เลย ให้สั่งน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องเย็น(แก้วละ 79 บาท) แก้วใหญ่ใส่เครื่องมากจุใจ ซึ่งน้ำเต้าหู้แบบเย็นจะมีความเข้มข้นมากขึ้น จึงดูดกินได้อร่อยชื่นใจ ห้ามพลาดเลยนะจ๊ะ
มาทั้งทีแฟนๆควรลองชิมของหวานอร่อยอย่างอื่นด้วย มีทั้งเฉาก๊วยโรยน้ำตาลทรายแดงหรือโอวทึ้ง(40 บาท) ซึ่งน้องกวางจะทำเอง ได้จากการต้มหญ้าเฉาก๊วยในแบบที่ชอบ คือไม่หนึบจนเกินไป แต่มีความหอมมาก และก็มีเต้าฮวยทำเองจากเจียะกอหรือเจี๊ยะกอ ไม่ใส่เจลาติน มีทั้งเมนูเต้าฮวยน้ำขิงใส่ปาท่องโก๋กรอบตัวเล็กๆ(35 บาท)รสเผ็ดร้อนรสจัดพอตัว หรือจะกินเต้าฮวยโรยโอวทึ้ง(30 บาท) น้ำตาลทรายแดงก็อร่อยดี หรือจะสั่งให้ใส่เป็นน้ำเต้าหู้เต้าฮวยก็ได้(30 บาท)
และที่นี่มีบัวลอยงาดำด้วย ข่าวดีคือน้องกวางบอกว่าสูตรนี้ปรับให้ไม่มีมันหมู ใช้เป็นน้ำมันพืชแทน ให้สั่งเมนูดั้งเดิม บัวลอยน้ำขิง(55 บาท)ใส่มาให้ 3 ลูก หรือจะกินน้ำเต้าหู้บัวลอย(55 บาท)ก็ได้
เท่านี้ยังไม่พอ ที่ร้านโต้วยังมีซุปงาดำข้นหอมทำเอง ทั้งล้างงา ตากแดด คั่วจนหอมแล้วนำไปโม่และเคี่ยวต่อ ให้ลองชิมซุปงาดำทรงเครื่อง(55 บาท)ใส่เครื่องหลากหลาย และมีเครื่องดื่มเย็น เต้าทึงน้ำลำไยเย็น(79 บาท) ใครออกเจแล้วให้กลับมาชิมน้ำขิงกับน้ำผึ้งทรงเครื่องเย็น(79 บาท)(รอให้หมดเจก่อนถึงจะกินน้ำผึ้งได้นะจ๊ะ)
ส่วนวัยรุ่นและผู้ที่ชื่นชอบปาท่องโก๋สไตล์ผสมแป้งเค้กเนื้อแน่น ให้สั่งปาท่องโก๋ที่เป็นเมนูขายดีอันดับ 2 ของร้าน ไม่อมน้ำมันและเปลี่ยนน้ำมันทอดตลอด(มีเครื่องวัดเลย) แต่ควรรอให้หมดเทศกาลเจก่อน จะได้สั่งปาท่องโก๋สังขยา(ชุดละ 5 ตัว 60 บาท)ใบเตยเนื้อเนียนไม่หวานเกินไป
เชิญแฟนๆตามไปลิ้มลองของอร่อยที่ร้านโต้วได้ถึง 35 สาขา เริ่มกันด้วยสาขาดั้งเดิม บางปะอิน ในตลาดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์(เปิด 2 รอบ เช้า-เย็น) และมีฟู้ดทรัคที่วัดใหญ่ชัยมงคลด้วย(เปิดรอบเย็น) ทั้ง 2 สาขานี้หยุดทุกวันจันทร์
นอกนั้นเป็นสาขาในกรุงเทพฯอีก 33 แห่ง ซึ่งเปิดบริการทุกวัน(รวมทั้งที่จะเปิดในเดือนตุลาคมนี้) มีตั้งแต่ศูนย์กลางการผลิต สาขาเพชรอุทัย ใกล้ด่านทางด่วนพระราม 9 สาขาโรงพยาบาลกรุงเทพ(ในศูนย์อาหาร) ฟอร์จูนรัชดาชั้น 1 หน้าสตาร์บัคส์ อาคารอินเตอร์เชนจ์ 21 อโศกชั้น G(หยุดวันอาทิตย์) ทาวน์อินทาวน์ หลังโรงพยาบาลสัตว์ศรีวรา เดอะสตรีท รัชดาชั้น B หน้าฟู้ดแลนด์ สาขาปากซอยนาคนิวาส 51 คอสโม เมืองทองธานีชั้น 1 มาร์เช่ ทองหล่อหน้า Tops Food Hall ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิตชั้น B ฝั่งโรบินสัน เมเจอร์ อเวนิว รัชโยธินชั้น 1 วิคตอรี่ฮับ อนุสาวรีย์ชัยฯ ชั้น 1 เซ็นทรัลบางนาชั้น G โซน Tops Flavour สาขาซอยสาทร 3 ตรงข้าม สน.ทุ่งมหาเมฆ เซ็นจูรี่เดอะมูฟวี่พลาซ่าชั้น 2 เซ็นทรัลลาดพร้าวชั้น G โซน Top Plaza สีลมเอจ ชั้น G แฟชันไอส์แลนด์ หน้า Tops ชั้น G โลตัสพัฒนาการ เดอะมอลล์งามวงศ์วานชั้น 5 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เทอร์มินอล 21 อโศก หน้า Gourmet สาขา Platinum mall ชั้น 6 หน้าศูนย์อาหาร แม็กซ์แวลูพัฒนาการ ทรูดิจิทัลพาร์ค สุขุมวิท101
และสาขาที่กำลังจะเปิดในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เกษรวิลเลจ ชั้น B ปากซอยคู้บอน 36 ตรงข้ามวัดจีน ซอยจำเนียรสุข 3 ถนนเพชรเกษม เซ็นทรัลพระราม 2 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์บางกะปิ ออล ซีซันส์ เพลส หน้า Tops และที่ซอยรามอินทรา 34
ต่อจากนี้ไปแฟนๆก็จะมีน้ำเต้าหู้ครบเครื่องให้ลิ้มลองได้ตลอดทั้งวัน อีกทั้งเมนูของหวานสไตล์จีนอีกหลากหลาย เรียกได้ว่าอยู่ทั่วทุกมุมเมืองทีเดียว ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นนะจ๊ะ
ของอร่อยที่หากินได้ค่อนข้างยากในยุคนี้ก็คือตือฮวน-เกี่ยมฉ่ายกับข้าวเหนียวยัดไส้หรือจุกบี้ในภาษาจีน เป็นเพราะการทำเครื่องในให้อร่อยและสะอาดนั้นต้องอาศัยความพิถีพิถัน ใช้เวลาและกำลังวังชาเป็นอันมาก
ร้านเค้กชั้นแนวหน้าควรค่าแก่การแวะชิมที่เกิดขึ้นได้เพราะคนทำชอบกินมูส เมอแรงก์ และเค้กเป็นชีวิตจิตใจ เลยลาออกจากธนาคารมาร่ำเรียนวิชาเบเกอรี่ หันมาเปิดร้านเค้กที่ไทม์สแควร์ จนย้ายมาปักหลักที่ซอยสุขุมวิท 31
ของอร่อยที่หากินได้ค่อนข้างยากในยุคนี้ก็คือตือฮวน-เกี่ยมฉ่ายกับข้าวเหนียวยัดไส้หรือจุกบี้ในภาษาจีน เป็นเพราะการทำเครื่องในให้อร่อยและสะอาดนั้นต้องอาศัยความพิถีพิถัน
ของอร่อยที่หากินได้ค่อนข้างยากในยุคนี้ก็คือตือฮวน-เกี่ยมฉ่ายกับข้าวเหนียวยัดไส้หรือจุกบี้ในภาษาจีน เป็นเพราะการทำเครื่องในให้อร่อยและสะอาดนั้นต้องอาศัยความพิถีพิถัน ใช้เวลาและกำลังวังชาเป็นอันมาก
ร้านเค้กชั้นแนวหน้าควรค่าแก่การแวะชิมที่เกิดขึ้นได้เพราะคนทำชอบกินมูส เมอแรงก์ และเค้กเป็นชีวิตจิตใจ เลยลาออกจากธนาคารมาร่ำเรียนวิชาเบเกอรี่ หันมาเปิดร้านเค้กที่ไทม์สแควร์ จนย้ายมาปักหลักที่ซอยสุขุมวิท 31
ของอร่อยที่หากินได้ค่อนข้างยากในยุคนี้ก็คือตือฮวน-เกี่ยมฉ่ายกับข้าวเหนียวยัดไส้หรือจุกบี้ในภาษาจีน เป็นเพราะการทำเครื่องในให้อร่อยและสะอาดนั้นต้องอาศัยความพิถีพิถัน
(ดูรายละเอียดเบอร์โทร เวลาเปิด-ปิดสาขาต่างๆได้)
มีทั้งหมด(จนถึงพฤศจิกายน) 35 สาขา(กรุงเทพฯ 33 แห่ง บางปะอิน 2 แห่ง)
-