ชุมชนแห่งนี้ยังมีของดีที่ซ่อนอยู่ค่อนข้างลับตาสำหรับคนนอกพื้นที่ นั่นก็คือร้านอาหารเล็กๆทำกันในครอบครัว เปิดมานานกว่า 50 ปี
ชุมชนสวนสมเด็จย่า คลองสาน บริเวณอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีหรือสวนสมเด็จย่า คือชุมชนเก่าแก่ริมน้ำเจ้าพระยาประกอบไปด้วยซอยเล็กซอยน้อย อันเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าจีนโบราณที่ชาวบ้านในชุมชนเคารพนับถือ ได้แก่ศาลเจ้าพ่อเสือและศาลเจ้ากวนอู
ชุมชนแห่งนี้ยังมีของดีที่ซ่อนอยู่ค่อนข้างลับตาสำหรับคนนอกพื้นที่ นั่นก็คือร้านอาหารเล็กๆทำกันในครอบครัว เปิดมานานกว่า 50 ปี อาศัยตั้งโต๊ะอยู่ตรงซอกทางเดินหน้าบ้าน ถ้าไม่ตั้งใจมาคงไม่มีทางหาเจอ ร้านนี้ใครๆต่างเรียกกันว่าครัวเตาถ่าน บ้านป้าศรีรัตน์
เจ้าของร้านผู้มีฝีมือในการทำอาหารเป็นอย่างยิ่งก็คือ คุณป้าศรีรัตน์ เต็มสิรินัย(นามสกุลเดิมเปรมปรี) พื้นเพเป็นคนสุพรรณบุรี ย้ายสำมะโนครัวมีครอบครัวตั้งรกรากอยู่ที่นี่มาช้านาน ปัจจุบันนี้คุณป้าศรีรัตน์ ในวัย 79 ปีก็ยังเป็นเดี่ยวมือหนึ่งยืนปรุงอาหารอยู่ทุกวัน
เสน่ห์ของร้านนี้อยู่ที่การใช้เตาถ่านในการปรุงอาหารทำให้มีความหอมเป็นพิเศษ เนื่องจากคุณป้าบอกว่าไม่ชอบใช้แก๊ส กลัวเรื่องฟืนไฟ คุณป้าชินในการใช้เตาถ่านมาตลอด 50 กว่าปี
ทางไปร้านนี้ค่อนข้างลึกลับซับซ้อนตอนจบเพราะต้องเดินเท้าเข้าไปในตรอกเล็กๆ ถ้ามาจากสะพานพระปกเกล้า พอลงสะพานให้เลี้ยวซ้ายที่แยกวงเวียนเล็กเข้าถนนสมเด็จเจ้าพระยา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสมเด็จเจ้าพระยา 3 ซึ่งเป็นซอยวันเวย์เล็กๆ เข้าไปตามทางผ่านด้านข้างของอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า แล้วตรงผ่านทางส่วนบุคคลเข้าไป พอสุดทางแล้วเลี้ยวซ้ายไปจอดรถที่ศาลเจ้ากวนอูทางขวามือ ซึ่งตรงนี้คือที่จอดรถของร้านบ้านอากงอาม่า อยู่ในบ้านไม้เก่าแก่คลาสสิกริมน้ำ สมควรแก่การไปกินลมชมวิวอุดหนุนกาแฟหรือเครื่องดื่มสักแก้ว และแวะเข้าไปไหว้ขอพรจากเทพเจ้ากวนอู
จากนั้นเดินต่อไปทางด้านหลังของสวนสมเด็จย่า โดยฝั่งขวาจะเป็นสวนริมน้ำ พอสุดสวนก็เลี้ยวขวาเดินเลียบกำแพงสวนริมน้ำไปตามตรอกเล็กๆ(ชื่อว่าตรอกดิลกจันทร์แต่ไม่มีป้ายชื่อ) เดี๋ยวทางจะบังคับเลี้ยวซ้าย แล้วให้ถามชาวบ้าแถวนั้นเลยว่าร้านครัวเตาถ่าน บ้านป้าศรีรัตน์ อยู่ตรงไหน ซึ่งจะอยู่ในซอกทางเดินเล็กๆอีกทีหนึ่ง ลึกลับจริงๆ
พวกเราค้นพบร้านนี้ได้เพราะว่าหน่องน้องจาก Bon Appetit BKK เป็นผู้จุดประกายร้านนี้เมื่อหลายเดือนก่อน อีกทั้งคุณก้อยแห่ง Foodie Girl ก็โพสต์คลิปแนะนำอาหารของป้าศรีรัตน์ ดูน่ากินมาก ก.ไก่ล้านตัวทีเดียว
คุณป้าศรีรัตน์ผู้ช่างโอภาปราศรัยยืนผัดอยู่หน้าเตาถ่านคนเดียว โดยมีลูกๆ 3 คนคอยเป็นลูกมือ โดยน้องหนุ่มลูกชายคนโตและน้องเขยชื่อเต้ยจะเป็นคนรับโทรศัพท์และจดออร์เดอร์ มีลูกสาวชื่อหน่อยช่วยเตรียมวัตถุดิบ และนุ้ยช่วยอยู่หน้าเตา ทุกคนมีอัธยาศัยใจคอดีมาก พูดจาไพเราะ ทำให้ลูกค้าที่มานั่งรอกินนานเป็นชั่วโมงมีความสุขไปด้วย
ป้าศรีรัตน์บอกว่าถึงแม้เมนูในแผ่นเคลือบพลาสติกจะมีแค่แผ่นเดียวสองหน้า แต่ก็ทำเมนูได้ 100 กว่าอย่างเลยนะจ๊ะ ใช้วัตถุดิบพื้นๆเหมือนร้านตามสั่งทั่วไป มีหมูชิ้น หมูสับ หมูติดมัน ปลาช่อน ไก่ กุ้ง ปลาหมึก หอยลาย ซึ่งราคาเมนูราดข้าวจะเริ่มต้นแค่ 30 บาทเท่านั้น ส่วนกับข้าวส่วนใหญ่จะอยู่ที่จานละเพียง 50-60 บาท มีแค่บางอย่างที่คิด 70 บาท ถ้าไปหลายคนให้สั่งทีละ 10 กว่าอย่างไปเลย รับรองอร่อยถูกใจแน่นอน
เริ่มกันด้วยเมนูกินเล่นห้ามพลาด เต้าหู้คั่วพริกเกลือ(50 บาท) เต้าหู้เหลืองกรอบนอกนุ่มใน หอมเครื่องคั่วพริกกระเทียมสุดยอดมาก จนน้องวัฒน์ชายกางตระเวนกินทั่วถิ่นไทยบอกว่าร้านจีนใหญ่ ๆ ทำไรมิได้ สำหรับคนไม่ชอบกลิ่นเต้าหู้เหลือง ก็มีเต้าหู้ไข่ให้เลือกด้วย
อีก 2 อย่างที่มาแล้วต้องสั่ง ผัดวุ้นเส้นชะอม(50 บาท) ผัดใส่ไข่เกรียมๆกรอบๆอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา และหมูติดมันผัดกะปิ(60 บาท)ใส่ถั่วแขกและพริกทุบ โรยด้วยกระเทียมดอง รสนุ่มนวลแต่เข้มข้นมาก ผ่านไป 3 จานรู้เลยว่าคุณป้าผัดได้รสมือถึงเครื่องจริงๆ
ต่อด้วยผัดมะเขือยาวเผา(50 บาท)ใส่หมูสับและโหระพา หอมอร่อยสมคำร่ำลือ อีกทั้งจานเด็ดผัดผักกระเฉดใส่หมูสับ(50 บาท ซึ่งคุณป้าจะนั่งเด็ดกระเฉดเองทุกวัน ซึ่งทุกจานจะผัดใส่พริกเพิ่มความเผ็ดหอม และมีเมนูง่ายๆแต่เป็นของหากินยาก ร้านข้าวแกงบางเจ้าถึงจะมี นั่นก็คือผัดเลือดหมูใส่ถั่วงอกและหมูเป็นชิ้นๆ(50 บาท) เลือดหมูสดเคี้ยวดังกึ๊ดๆเลย
คุณป้าศรีรัตน์ช่างพลิกแพลงหยิบโน่นจับนี่มาผสมจนอร่อยลงตัว เช่นต้มยำกุ้งน้ำใสใส่สายบัวกรอบๆ(70 บาท) ผัดกะเพราสายบัวหมูนุ่ม(50 บาท) ไข่เจียวทรงเครื่อง(60 บาท)ใส่พริกขี้หนู ปลาหมึก กุ้งทะเลและหมูสับ หมึกผัดพริกแกง(70 บาท)ใส่ถั่วแขก มะเขือเปราะและกระเทียมดอง
วันนั้นเรายังสั่งผัดหนำเลี้ยบหมูสับ(60บาท)คั่วมาหอมๆ น่าซื้อกลับไปกินกับข้าวต้มที่บ้านอีกสักมื้อ หอยลายผัดพริกเผาใส่พริกสด(60 บาท) ซึ่งมีหอยลายผัดเต้าเจี้ยวรสเค็มๆให้เลือกด้วย อีกทั้งต้มยำขาหมู(60 บาท) ได้เคี้ยวขาหมูติดหนังหนุบหนับ
สรุปว่ามื้อนั้นพวกเรา 4 คน สั่งไป 13 อย่าง รวมข้าวและเครื่องดื่ม คิดเงินเบ็ดเสร็จแค่ 800 บาทเท่านั้น ราคาช่างเป็นมิตรสบายกระเป๋ามากๆ
ความจริงคุณป้ายังมีทีเด็ดอีกมาก เช่นลาบปลาหมึกใส่หน่อไม้ดอง(60 บาท)ต้มบ๊วยหมูสับใส่ขิง(40 บาท) ต้มยำปลาช่อน(70 บาท) เดี๋ยวจะต้องกลับมาซ้ำอีกแน่นอน
ร้านครัวเตาถ่าน บ้านป้าศรีรัตน์ เปิดบริการตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงบ่าย 4 โมง หยุดทุกวันจันทร์ โทร 08-6896-8460 แนะนำให้มาตั้งแต่ตอนสายไม่เกิน 10 โมงเช้า เพราะคุณป้าทำคนเดียวและมีขาประจำมายืนมุงรอคิวกินมากมาย อาจจะต้องรอนานเป็นชั่วโมงนะจ๊ะ
ของอร่อยที่หากินได้ค่อนข้างยากในยุคนี้ก็คือตือฮวน-เกี่ยมฉ่ายกับข้าวเหนียวยัดไส้หรือจุกบี้ในภาษาจีน เป็นเพราะการทำเครื่องในให้อร่อยและสะอาดนั้นต้องอาศัยความพิถีพิถัน ใช้เวลาและกำลังวังชาเป็นอันมาก
ร้านเค้กชั้นแนวหน้าควรค่าแก่การแวะชิมที่เกิดขึ้นได้เพราะคนทำชอบกินมูส เมอแรงก์ และเค้กเป็นชีวิตจิตใจ เลยลาออกจากธนาคารมาร่ำเรียนวิชาเบเกอรี่ หันมาเปิดร้านเค้กที่ไทม์สแควร์ จนย้ายมาปักหลักที่ซอยสุขุมวิท 31
ของอร่อยที่หากินได้ค่อนข้างยากในยุคนี้ก็คือตือฮวน-เกี่ยมฉ่ายกับข้าวเหนียวยัดไส้หรือจุกบี้ในภาษาจีน เป็นเพราะการทำเครื่องในให้อร่อยและสะอาดนั้นต้องอาศัยความพิถีพิถัน
ของอร่อยที่หากินได้ค่อนข้างยากในยุคนี้ก็คือตือฮวน-เกี่ยมฉ่ายกับข้าวเหนียวยัดไส้หรือจุกบี้ในภาษาจีน เป็นเพราะการทำเครื่องในให้อร่อยและสะอาดนั้นต้องอาศัยความพิถีพิถัน ใช้เวลาและกำลังวังชาเป็นอันมาก
ร้านเค้กชั้นแนวหน้าควรค่าแก่การแวะชิมที่เกิดขึ้นได้เพราะคนทำชอบกินมูส เมอแรงก์ และเค้กเป็นชีวิตจิตใจ เลยลาออกจากธนาคารมาร่ำเรียนวิชาเบเกอรี่ หันมาเปิดร้านเค้กที่ไทม์สแควร์ จนย้ายมาปักหลักที่ซอยสุขุมวิท 31
ของอร่อยที่หากินได้ค่อนข้างยากในยุคนี้ก็คือตือฮวน-เกี่ยมฉ่ายกับข้าวเหนียวยัดไส้หรือจุกบี้ในภาษาจีน เป็นเพราะการทำเครื่องในให้อร่อยและสะอาดนั้นต้องอาศัยความพิถีพิถัน
09.00 – 16.00 น. อังคารถึงอาทิตย์ หยุด จันทร์ และถ้าหยุดเพิ่มเติมจะแจ้งในเพจ ครัวเตาถ่าน
606 ซ.สมเด็จเจ้าพระยา 3 สมเด็จเจ้าพระยา คลองสาน กรุงเทพฯ 10600
เข้าไปในตรอกเล็กๆ ถ้ามาจากสะพานพระปกเกล้า พอลงสะพานให้เลี้ยวซ้ายที่แยกวงเวียนเล็กเข้าถนนสมเด็จเจ้าพระยา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสมเด็จเจ้าพระยา 3 ซึ่งเป็นซอยวันเวย์เล็กๆ เข้าไปตามทางผ่านด้านข้างของอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า แล้วตรงผ่านทางส่วนบุคคลเข้าไป พอสุดทางแล้วเลี้ยวซ้ายไปจอดรถที่ศาลเจ้ากวนอูทางขวามือ จากนั้นเดินต่อไปทางด้านหลังของสวนสมเด็จย่า โดยฝั่งขวาจะเป็นสวนริมน้ำ พอสุดสวนก็เลี้ยวขวาเดินเลียบกำแพงสวนริมน้ำไปตามตรอกเล็กๆ(ชื่อว่าตรอกดิลกจันทร์แต่ไม่มีป้ายชื่อ) เดี๋ยวทางจะบังคับเลี้ยวซ้าย แล้วให้ถามชาวบ้าแถวนั้นเลยว่าร้านครัวเตาถ่าน บ้านป้าศรีรัตน์ อยู่ตรงไหน ซึ่งจะอยู่ในซอกทางเดินเล็กๆอีกทีหนึ่ง ลึกลับจริงๆ