ชื่อเดิมเริ่มแรกของมัลลีย์สุกี้โบราณคือเฝอยกซด ร้านนี้เป็นของน้องส้ม พัชรินทร์ จิรพงศ์ธนาภรณ์ ลูกค้าขาประจำติดใจในรสชาติน้ำซุปเฝอมาจนทุกวันนี้ ต่อมาได้เพิ่มเมนูสุกี้โบราณโดยนำเอาสูตรของอาม่ามาดัดแปลง
พวกเราชาวไทยชอบเลี้ยงฉลองกันในครอบครัวและในหมู่เพื่อนฝูงด้วยอาหารประเภทหม้อไฟต่างๆ กระแสความนิยมไม่เคยแผ่ว มีให้เลือกหลากหลายสไตล์ทั้งชาบูชาบู สุกี้ไต้หวัน สุกี้ยากี้น้ำดำแบบญี่ปุ่น สุกี้โบราณ หม้อไฟแบบสิงคโปร์ และที่มาแรงมากๆคือหม้อไฟหมาล่า(หรือหม่าล่า)
ยังมีหม้อไฟอีกชนิดที่นำเอาเครื่องเทศมาปรุงใส่ในน้ำซุปให้มีกลิ่นรสคล้ายก๋วยเตี๋ยวของคนเวียดนามที่เรียกว่าเฝอ ซึ่งคราวนี้จะขอแนะนำร้านในย่านพุทธมณฑลสาย 1โด่งดังขึ้นชื่อเรื่องหม้อไฟแบบเฝอ มาตั้งแต่พ.ศ. 2558(ค.ศ. 2015) มีชื่อว่ามัลลีย์สุกี้โบราณ
ร้านนี้อยู่ในศูนย์รวมร้านอาหารเล็กๆที่มีชื่อว่า Food View ริมถนนพุทธมณฑลสาย 1 เลยโรงเรียนผดุงกิจวิทยามาเล็กน้อย ก่อนถึงแยกไฟแดงที่ตัดกับถนนเพชรเกษมเพียง 500 เมตร มีที่จอดรถทั้งหน้าร้านริมถนนและด้านหลัง ตัวร้านทำเป็นห้องปรับอากาศชั้นเดียว สีแดงสดใสเห็นได้ชัดเจน
ชื่อเดิมเริ่มแรกของมัลลีย์สุกี้โบราณคือเฝอยกซด ร้านนี้เป็นของน้องส้ม พัชรินทร์ จิรพงศ์ธนาภรณ์ มีลูกค้าขาประจำติดใจในรสชาติน้ำซุปเฝอมาจนทุกวันนี้ ต่อมาได้เพิ่มเมนูสุกี้โบราณโดยนำเอาสูตรของอาม่ามาดัดแปลง จึงเปลี่ยนชื่อเป็นมัลลีย์สุกี้โบราณ น้องส้มบอกว่าอาม่าชอบพูดว่า มังลี ซึ่งหมายความว่ามันดี จึงกลายเป็นที่มาของชื่อร้านนั่นเอง
ดังนั้นเวลามาที่ร้านมัลลีย์สุกี้โบราณจะมีน้ำซุปให้เลือกระหว่างน้ำเฝอและสุกี้โบราณ (น้องส้มบอกว่าลูกค้านิยมสั่งอย่างละครึ่งๆเท่ากัน) ซึ่งความจริงจะใช้น้ำซุปตัวเดียวกันเป็นหลัก คือน้ำซุปกระดูกหมูผสมน้ำต้มผัก ใส่เครื่องเทศเช่นอบเชย เคี่ยวนาน 6 ชั่วโมงจนเข้มข้น โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศ ซึ่งลูกค้าจะชอบกลิ่นหอมเข้มแบบนี้มาก สังเกตได้จากวันที่พวกเราไปชิม ช่วงที่ร้านเปิดตอนบ่าย 4 โมงครึ่ง มีผู้คนทยอยกันเข้ามาอุดหนุนจนแน่นร้าน นี่คือน้ำซุปสำหรับผู้ที่สั่งน้ำเฝอ
ซึ่งถ้าใครสั่งเป็นน้ำซุปสุกี้โบราณก็จะใช้น้ำซุปชนิดเดียวกันเป็นเบส เพียงแต่ว่าจานเนื้อหมักในชุด เช่นหมูหมักในชุดสุกี้หมูโบราณ จะราดด้วยเต้าเจี้ยวบดปรุงรส กับไข่ไก่ดิบอีก 1 ฟองในจาน พอน้ำเดือดจัดๆ พนักงานที่ร้านก็จะเทใส่ลงในหม้อทั้งจาน กลายเป็นน้ำซุปสุกี้โบราณหอมกลิ่นเต้าเจี้ยวบดปรุงรสและไข่ ผมชอบน้ำซุปชนิดนี้มากเพราะมีความคล้ายคลึงกับสุกี้โบราณยุคดั้งเดิมของร้านสุกี้เรือนเพชร และเอี่ยวไถ่สุกี้โบราณ
ขอแนะว่าให้พนักงานที่ร้านเป็นคนทำให้จะชำนาญกว่านะจ๊ะ เพราะต้องรอให้น้ำเดือดจัดๆ พอเทเนื้อลงไป ไข่จะลอยขึ้นมาเมื่อสุกได้ที่ แต่ถ้าน้ำไม่เดือด ไข่จะติดก้นหม้อและไหม้ได้
มาว่ากันที่เมนูชุดของสุกี้โบราณ(ขายเป็นชุด ไม่ใช่บุฟเฟต์)ว่ามีอะไรบ้าง (พวกเราลองชิมแล้ว ชอบทุกชุดทุกประเภทเลย) มีตั้งแต่ชุดสุกี้หมูโบราณ(250 บาท) มีหมูหมัก(หมักข้ามคืนกับซอสปรุงรสและแป้งมัน)ราดเต้าเจี้ยวบดมาให้ ชุดสุกี้เนื้อวัว(300 บาท) จะให้เนื้อหมัก 1 จาน ชุดสุกี้รวม(350 บาท) ก็คือชุดสุกี้หมูนุ่ม+ทะเลโบราณ(กุ้ง ปลาหมึก หมึกกรอบ) อีกทั้งชุดทีเด็ด(470 บาท) ซึ่งคุณส้มแนะว่าต้องสั่งชุดนี้ เพราะจะเพิ่มลูกชิ้นต่างๆมาให้อีก 1 จานด้วย มีทั้งสาหร่ายพันกุ้ง เกี๊ยวปลา เต้าหู้ปลา ลูกชิ้นปลาหมึก ฟองเต้าหู้ใส่ไส้ทะเล(ปลา)
เท่านี้ยังไม่พอ ถ้าไปกัน 4 คนให้สั่งชุดขั้นสูงสุด คือ ชุด Like A Buffet 1,000 บาท เป็นชุดขนาดใหญ่ให้เยอะ มีทั้งเซ็ทหมู(ไม่มีเนื้อ)กับของทะเลและลูกชิ้น อีกทั้งหมูเด้ง ปูอัด ให้เส้นอูด้ง บะหมี่หยก และเส้นเฝอด้วย
ซึ่งเนื้อหมูของที่มัลลีย์สุกี้โบราณ สดอร่อยมาก เพราะมาจากฟาร์มหมูของคุณอาน้องส้มที่นครปฐม ส่วนเนื้อวัวจะใช้เนื้อโคขุนของไทย
ย้อนกับมาที่ชุดเฝอกันบ้าง เป็นชุดที่ยังมีลูกค้าเหนียวแน่นเช่นกัน เพราะมีฐานลูกค้าที่ชื่นชอบมานาน 7 ปี จะมีให้เลือก 4 แบบ
เริ่มที่ชุดหมูพอดี 399 บาท มีหมูส่วนต่างๆและเครื่องต่างๆ รวม 10 ถาด พร้อมผักต่างๆ ชุดหมูลงเล(459 บาท) ซึ่งจะเพิ่มของทะเลด้วย ให้ทั้งหมดรวม 10 ถาดเช่นกัน ชุดอิ่มจุกหมู(499 บาท) จะให้หมูส่วนต่างๆมากถึง 15 ถาด และชุดอิ่มจุกทะเล(499 บาท) เน้นของทะเลเป็นหลัก รวม 10 ถาด สำหรับรายละเอียดในชุดแต่ละประเภท ให้ขอเมนูรูปภาพแผ่นใหญ่มาดูว่ามีอะไรให้มาบ้างนะจ๊ะ ซึ่งวิธีการสั่งนั้นให้หยิบกระดาษแผ่นเมนูเล็กๆที่วางไว้ให้ตามโต๊ะ มาขีดทำเครื่องหมายได้เลยว่าจะสั่งเมนูอะไรบ้าง อย่าลืมบอกเบอร์โต๊ะด้วยนะจ๊ะ
นอกจากนี้ยังสามารถสั่งเครื่องต่างๆใส่ถาดเพิ่มมาต่างหากได้(มีให้เลือกมากถึงเกือบ 40 อย่าง ไม่รวมผักและเส้น) ดังเช่นที่พวกเราสั่ง หมูยอใบตอง(35 บาท)มาจากหนองคาย(ควรลอง) เป๋าฮื้อทะเลสไลซ์(120 บาท) เนื้อใบพายสไลซ์(35 บาท) ริบอาย(35 บาท) สันคอหมูสไลซ์(35 บาท) สันคอวัวสไลซ์(35 บาท) กุ้งสด...สดมาก(60 บาท)คือกุ้งทะเลที่สดจริงๆ และที่ชอบมากคือ เนื้อ Hump(35 บาท) หรือในเมนูจะเรียกว่าเนื้อน่องหน้าลายหอมมันอร่อย
ส่วนน้ำจิ้มนั้นแนะนำให้จิ้มกับน้ำจิ้มทั้ง 2 ชนิด คือน้ำจิ้มเฝอ ที่ประกอบด้วยซอสฮอยซิน(มาผสมเพิ่มเอง)มีรสหวานเค็ม ผสมกับซอสพริกที่เป็นซอสศรีราชาซึ่งจะปั่นพริกสดเพิ่มเข้าไป
น้ำจิ้มอีกอย่างคือน้ำจิ้มสุกี้โบราณ คือน้ำจิ้มผสมเต้าหู้ยี้สีชมพูใส่งาขาว ซึ่งน้ำจิ้มทั้ง 2 แบบ สามารถปรุงเพิ่มด้วยพริกสด กระเทียม และน้ำมะนาวได้อีก แนะว่าให้จิ้มสลับไปมาทั้ง 2 อย่างเลย
น้องส้มมีร้านหม้อไฟสไตล์หมาล่าสายพานเปิดใหม่อีกแห่งหนึ่งใกล้กันชื่อว่า สุขที่หม้อไฟ (อันหมายถึงความสุขที่ได้กินเมนูหม้อไฟ) เป็นร้านใหญ่โตกว่าร้านมัลลีย์ อยู่ฝั่งตรงข้ามริมถนนพุทธมณฑลสาย 1 ใกล้แยกที่ตัดกับถนนเพชรเกษม
ข่าวดีคืออีกไม่นาน น้องส้มมีความคิดว่าจะนำน้ำซุปตัวเด่นที่สาขานั้น มาเพิ่มที่มัลลีย์สุกี้โบราณแห่งนี้ด้วย เช่นน้ำซุปมะเขือเทศ น้ำซุปหมาล่า ซึ่งผมได้มีโอกาสชิมแล้ว ที่ถูกใจมากๆคือซุปโจ๊กข้าวหรือที่เรียกว่าซุปกระดูกหมู ต้มให้เดือดๆใส่ไส้เป็ดกับปาท่องโก๋ลงไปอร่อยเหาะจริงๆ
ร้านมัลลีย์สุกี้โบราณเปิดเฉพาะมื้อเย็นทุกวัน ตั้งแต่บ่าย 4 โมงครึ่งไปจนถึง 5 ทุ่มทุกวัน โทรสอบถามได้ที่ 09-4854 4266 ขอเชิญตามไปชิมแล้วจะได้ลิ้มลองความอร่อยของซุปเฝอผสมผสานกับสุกี้โบราณไม่เหมือนใคร
ของอร่อยที่หากินได้ค่อนข้างยากในยุคนี้ก็คือตือฮวน-เกี่ยมฉ่ายกับข้าวเหนียวยัดไส้หรือจุกบี้ในภาษาจีน เป็นเพราะการทำเครื่องในให้อร่อยและสะอาดนั้นต้องอาศัยความพิถีพิถัน ใช้เวลาและกำลังวังชาเป็นอันมาก
ร้านเค้กชั้นแนวหน้าควรค่าแก่การแวะชิมที่เกิดขึ้นได้เพราะคนทำชอบกินมูส เมอแรงก์ และเค้กเป็นชีวิตจิตใจ เลยลาออกจากธนาคารมาร่ำเรียนวิชาเบเกอรี่ หันมาเปิดร้านเค้กที่ไทม์สแควร์ จนย้ายมาปักหลักที่ซอยสุขุมวิท 31
ของอร่อยที่หากินได้ค่อนข้างยากในยุคนี้ก็คือตือฮวน-เกี่ยมฉ่ายกับข้าวเหนียวยัดไส้หรือจุกบี้ในภาษาจีน เป็นเพราะการทำเครื่องในให้อร่อยและสะอาดนั้นต้องอาศัยความพิถีพิถัน
ของอร่อยที่หากินได้ค่อนข้างยากในยุคนี้ก็คือตือฮวน-เกี่ยมฉ่ายกับข้าวเหนียวยัดไส้หรือจุกบี้ในภาษาจีน เป็นเพราะการทำเครื่องในให้อร่อยและสะอาดนั้นต้องอาศัยความพิถีพิถัน ใช้เวลาและกำลังวังชาเป็นอันมาก
ร้านเค้กชั้นแนวหน้าควรค่าแก่การแวะชิมที่เกิดขึ้นได้เพราะคนทำชอบกินมูส เมอแรงก์ และเค้กเป็นชีวิตจิตใจ เลยลาออกจากธนาคารมาร่ำเรียนวิชาเบเกอรี่ หันมาเปิดร้านเค้กที่ไทม์สแควร์ จนย้ายมาปักหลักที่ซอยสุขุมวิท 31
ของอร่อยที่หากินได้ค่อนข้างยากในยุคนี้ก็คือตือฮวน-เกี่ยมฉ่ายกับข้าวเหนียวยัดไส้หรือจุกบี้ในภาษาจีน เป็นเพราะการทำเครื่องในให้อร่อยและสะอาดนั้นต้องอาศัยความพิถีพิถัน
16.30 – 23.00 น. ทุกวัน
18 ศูนย์อาหาร Food View ถ.พุทธมณฑลสาย 1 บางด้วน ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ 10160
ร้านนี้อยู่ในศูนย์รวมร้านอาหารเล็กๆที่มีชื่อว่า Food View ริมถนนพุทธมณฑลสาย 1 เลยโรงเรียนผดุงกิจวิทยามาเล็กน้อย ก่อนถึงแยกไฟแดงที่ตัดกับถนนเพชรเกษมเพียง 500 เมตร มีที่จอดรถทั้งหน้าร้านริมถนนและด้านหลัง ตัวร้านทำเป็นห้องปรับอากาศชั้นเดียว สีแดงสดใสเห็นได้ชัดเจน