ขอพาย้อนเวลาไปสู่ยุคโก๋หลังวัง ซึ่งความจริงผมก็เกิดไม่ทันเหมือนกัน แต่ในวัยเด็ก ผมก็ยังมีโอกาสทันเห็นวังบูรพาในช่วงที่กำลังเข้าสู่ยุคร่วงโรย ไม่มีโรงหนังแกรนด์ คิงส์และควีนส์แล้ว แต่อย่างน้อยๆก็เคยไปถ่ายรูปที่ร้านฉายาจิตรกรชื่อดัง กับซื้อหนังสือที่โอเดียนสโตร์(วังบูรพา)กับเขาบ้าง

บรรยายไปเด็กรุ่นใหม่ก็คงไม่รู้จัก เอาเป็นว่าย่านวังบรูพาในปัจจุบันยังเป็นที่ตั้งของร้านค้าในอาคารพาณิชย์เก่าแก่ ต่อเนื่องกับย่านพาหุรัด และเฉลิมกรุง ซึ่งยังมีผู้คนอาศัยอยู่ต่อกันหลายชั่วอายุแล้ว แถวนี้แหละที่นับเป็นย่านเก่าของกรุงเทพฯ 

ส่วนร้านที่พาไปชิมในวันนี้ นับว่าเป็นร้านใหม่เพราะเพิ่งเปิดมาได้เพียง 20 ปี แต่เจ้าของร้านก็อาศัยอยู่ในย่านนี้นานกว่า 30 ปีแล้ว ร้านนี้มีชื่อว่าข้าวแกงตาเหน่ง นับเป็นร้านขวัญใจคนย่านเก่า มีขาประจำมาอุดหนุนกันเนืองแน่นตลอดเวลา รวมไปถึงนายตำรวจใหญ่ที่ชอบพาลูกน้องมาฝากท้องยามสายที่นี่เป็นประจำ

คุณอมร สุดสาคร หรือตาเหน่งของลูกค้า เคยช่วยทำอาหารอยู่ในร้านข้าวแกงดังย่านนี้มานานนับ 15 ปี จากนั้นจึงออกมาเปิดร้านเองตรงโรงหนังควีนส์เก่า(คนละฝั่งซอยกับที่จอดรถในโรงหนัง) โดยทำเป็นอุตสาหกรรมในครอบครัว กับภรรยาและลูกสาว ลูกชาย ญาติพี่น้อง

ส่วนพิกัดร้านข้าวแกงตาเหน่งนั้น พอมาถึงวังบูรพามีเมก้าพลาซ่าเป็นจุดสังเกต ตรงผ่านเข้าไปเห็น 7-11 ทางขวาเมื่อไหร่ให้เลี้ยวขวา มองทางซ้ายริมทางเท้าก็จะเห็นร้านข้าวแกงตาเหน่ง ที่เป็นรถเข็นมีร่มกันแดด ตั้งโต๊ะวางถาดกับข้าวจนเต็มไปหมด 

สำหรับที่จอดรถนั้น พอถึง 7-11 ไม่ต้องเลี้ยว ให้ตรงต่อไปอีกนิดเดียวจนสุดทาง บังคับเลี้ยวขวา ไปอีกนิดเดียวทางขวาก็จะเห็นที่จอดรถอยู่ในโรงภาพยนตร์ควีนส์เก่า ซึ่งอยู่ในโรงหนังจริงๆ เพราะบริเวณที่เราจอดนั้นเดิมเป็นส่วนของจอหนังและที่นั่งชม(เสียค่าจอดรายชั่วโมง) หรือจะเลี้ยวซ้ายตรงโรงหนังวิ่งทะลุไปจอดในห้างดิโอลด์สยามก็ได้(เปิด 9 โมงเช้า)

แต่ละวันตาเหน่งจะทำกับข้าวออกมาหลากหลายนับได้ถึงประมาณ 50 อย่าง ความอร่อยของร้านข้าวแกงตาเหน่งอยู่ที่การทำกับข้าวโดยยังใช้เตาถ่านอยู่ และอุ่นอาหารบนเตาถ่านด้วย จึงอร่อยกว่าใช้เตาแก๊ส ส่วนเครื่องแกงนั้นก็ผสมเอง จะปั่นและจากนั้นก็เอามาตำต่อ รสชาติข้าวแกงจัดจ้านแต่ก็มีความกลมกล่อมไม่เผ็ดจัด เพื่อให้เข้ากับรสนิยมของคนไทยเชื้อสายจีนในย่านนี้

ยามเช้าจะทยอยนำอาหารออกมาตั้งแต่ 6 โมงเช้า มีครบถ้วนเต็มที่ประมาณ 8 โมงเช้า และจะขายไปจนถึงบ่าย 3 โมง โดยจะหยุดทุกวันจันทร์

สนนราคาข้าวราดแกง 1 อย่าง 40-50 บาท 2 อย่าง 60 บาท 3 อย่าง 70 บาท(ปลาหมึก 60 เนื้อ 70 บาท) ถ้าเป็นข้าวราดพุงปลาก็คิดตามขนาดพุง อย่างวันนี้คือ 70 บาท ส่วนถ้าสั่งใส่ถ้วยจะเริ่มต้นที่ 40 บาท(ผัดผัก) และ 50 บาท (เช่นผัดเครื่องใน แกงลูกชิ้นปลากราย แกงหมู) 60 บาท(เช่นปลาเก๋า สะตอ) 70 บาท(เมนูเนื้อกับหมูสามชั้นทอด) (และพุงปลาจะคิดราคาต่อชิ้น)

แฟนๆคนไหนที่อยู่ชมรมคนชอบกินเนื้อเหมือนผม ขอบอกว่ามาถูกที่แล้ว ร้านข้าวแกงตาเหน่งมีเมนูเนื้ออยู่หลายอย่าง ที่ผมชื่นชอบมากๆคือเนื้อผัดกะเพรา ช่างเป็นเนื้อติดมันที่นุ่มหอมเป็นอันมาก คุณเหน่งบอกว่าอยู่ที่การคัดเนื้อ ต้องเลือกแต่เนื้อนิ่มๆ โดยมีเจ้าประจำส่งมาให้ ผัดกับกะเพราสดๆน้ำขลุกขลิก ไม่ต้องหมักเนื้อเลย อีกอย่างที่ขายดีคือแกงเขียวหวานเนื้อก็ติดมันนุ่มๆอร่อยเช่นกัน รสชาติเครื่องแกงเบาๆหน่อย ถ้าใครไม่กินเนื้อให้สั่งแกงลูกชิ้นปลากรายเหนียวหนึบใช้ได้เลย

กินของเผ็ดก็ต้องแกล้มด้วยไข่ดาวครบเครื่อง ที่นี่ดาวไข่ในกระทะน้ำมันท่วมๆสำหรับทอดทอดมัน ตอกไข่เป็ดใส่ลงไป ใช้เวลานิดเดียวก็สุกได้ที่ ได้ไข่ดาวฟองกลมๆ ไข่ขาวเกรียมนิดๆ ไข่แดงเยิ้มๆหอมมันสุดยอด

ของดีอีกอย่างคือแกงจืดฟักใส่เห็ดหอม น้ำหวานอร่อยมากเพราะต้มกับกระดูกสันหลัง(หรือเอียเล้ง)ถึง 6 กิโล ใส่ซี่โครงหมูอ่อนลงไปด้วย บางวันที่ร้านก็จะทำแกงจืดหน่อไม้แทน

ที่ห้ามพลาดอีกอย่างคือผัดเผ็ดปลาดุกสด ถึงเครื่อง คล้ายผัดฉ่าใส่ขมิ้นขาว ปลาดุกเนื้อนุ่มหอมไม่มีกลิ่นโคลน ถูกใจเพราะเดี๋ยวนี้หาผัดเผ็ดปลาดุกสดกินได้ยาก แต่ถ้าใครชอบอย่างทอด ก็มีผัดเผ็ดปลาดุกทอดกรอบ โรยหน้าด้วยกระชายสด ให้เลือกด้วยเช่นกัน อีกอย่างที่เป็นของโปรดผมก็คือผัดเผ็ดเครื่องในไก่ก็นุ่มหอมเช่นกัน ร้านข้าวแกงตาเหน่งยังมีเมนูหากินยาก พุงปลาช่อนผัดพริกแกง ยืนเลือกได้เลยว่าจะเอาพุงชิ้นเล็กพุงชิ้นใหญ่

ของแกล้มที่ไม่เผ็ดอีกอย่างคือหมูสามชั้นทอดแห้งๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้จะแล่ชิ้นบางหน่อยตามความต้องการของลูกค้าสาวๆ ทำวันละ 4 ถาดเท่านั้น ที่ร้านนี้ยังมีเนื้อแดดเดียวทอดอีกด้วย

โอ๊ยยังมีของอร่อยอีกเพียบ ทั้งไก่คั่วเค็มสูตรตาเหน่ง ทำจากเนื้อสะโพกสับเป็นชิ้นเล็กๆ ผัดเผ็ดกบ ผัดเผ็ดปลาไหล พะแนงเนื้อ พะแนงหมู ทอดมันปลากราย ผัดผัก ผัดเผ็ด แกงเผ็ด อีกมากมายหลายสิ่ง

สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าได้ชิมเอง ขอเชิญไปช่วงสายๆกำลังดีมีอาหารครบ จะได้รู้ว่าทำไมข้าวแกงตาเหน่งถึงเป็นขวัญใจคนพื้นที่ย่านนั้นนะจ๊ะ