1. วาโซ สแปนิช ทาปาสบาร์
“บาร์ไม่ลับต้นตำรับจากสเปน!”
ขอเปิดตัว เปิดใจ เปิดเข้าไปภายในร้าน เพื่อแนะนำให้ได้รู้จักกับทาปาสบาร์ที่บอกเลยว่าฮอตที่สุดในไทย!!! เพราะนอกจากจุดขายอย่างความอร่อยและสนุกสนานสไตล์สเปนแล้ว เชฟหลักของที่ร้านยังได้ ‘เชฟอัลวาโร่ รามอส’ เชฟชาวสเปน ที่ลงทุนบินลัดฟ้าข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อนำฝีมือการปรุงแบบปัง ๆ มาเสิร์ฟให้คนไทยได้รับทานกันถึงที่เลยนะแม่!! ส่วนบรรยากาศในร้านคือไม่ต้องพูดถึง เพราะเปิดเข้าไปปุ๊บก็ยิ่งเหมือนอยู่สเปนปั๊บ! โคมเอย ซุ้มโค้งเอย เพลงสเปนเอย เก๋สุดแบบร่วมสมัย แถมยังมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์บาร์ล้อมครัวเปิด ไว้ระเบิดสกิลการทำอาหารให้ได้ดูกันแบบจุใจ!! อร่อยเพลินเกินต้านแบบนี้จะกินทีคิวมันก็จะยาว ๆ หน่อยอะน้า คิวเป๊ะคนครบเมื่อไหร่โทรไปจองกันด่วน ๆ!! ที่ 098-914-4664 บอกทริคไว้นิดจ้าว่าถ้าใครรีบหน่อยก็ให้จองเป็นช่วงเที่ยงวันจันทร์-พฤหัสจะเริ่ดสุด หรือใครที่เน้นด่วนไม่เน้นรอก็ลองเดินสวย ๆ เข้าไปช่วง 17.30-19.00 และหลัง 21.00 แล้วให้ดวงทำนายกัน เชฟเค้าฝากบอกมาว่า มาทั้งทีก็อย่าลืมลากเพื่อน ลากแฟน ลากแขนคนที่บ้านมาให้ครบ จะได้ลิ้มรสความสเปนแบบจุใจกันไปเล้ยยยย! แต่ยังไงอย่าลืมรักษาสุขภาพให้แข็งแรงกันอยู่เสมอ ๆ ด้วยนะ!
มาทาปาสบาร์อะไรจะเด็ดไปกว่าเมนูทาปาส!! ทาปาสของที่นี่มีมากกว่า 30 แบบ ไม่นับรวมเมนูพิเศษ!! หรือถ้ายังเลือกกันไม่ได้ก็ขอให้ลองจิ้มกันที่หมวด Vasos เมนูทาปาสแบบเริ่ด ๆ จัดเสิร์ฟไว้บนแก้วเครื่องดื่มที่แมทช์แบบเข้ากั๊นนนนเข้ากัน! แถมมีให้เลือกกันถึง 5 สไตล์!! ใครที่เลิฟอาหารหอม ๆ ก็ต้องจัดให้ขิตกันไปข้างกับ El Vaso Trufado โทสต์หน้าทรัฟเฟิลที่มวลความห๊อมมมมมมมลอยไปตกถึงโต๊ะข้าง ๆ จับคู่ดูโอ้มากับน้ำผลไม้แบบสเปน ใครอยากอัปฟีลแบบหนุ่มสาวชาวสเปนขึ้นมาอีกนิส ก็ต้องสั่งอะไรที่มันออริจิกันหน่อยป๊ะล่ะ!! ทางเราขอนำเสนอ El Matrimonio โทสต์คลาสสิกในลุคชิคเก๋ ที่ท็อปด้วยวัตถุดิบวัตถุเด็ดอย่างแอนโชวีที่ดองในน้ำมันมะกอกจากเกาะเมนอร์กา กลมกล่อมแบบเค็มนิด ๆ หอมหน่อย ๆ แต่อร่อยเฟ่อรรรรรร์!! แต่ที่แน่ ๆ ไม่ว่าสายไหนยังไงก็ต้องจบด้วยของหวาน!! กับ ‘ชูโรส’ โดนัทสเปนสุดปุ๊กปิ๊ก แต่รสชาติคือฟาดปั๊ว!! เลือกได้ด้วยว่าจะทานแบบคาวหรือแบบหวาน!! ใครสายคาวก็มีอูนิ และคาเวียร์&ทรัฟเฟิลไว้ให้เลือก ส่วนชาวสายหวานน่ะบอกเลยว่าจะดิปกับช็อกโกแลตก็ฟิน
📍 พิกัด : Unit A103 โครงการเวลา สินธร วิลเลจ (87 ถ.หลังสวน ลุมพินี ปทุมวัน) ปกติเปิดบริการ 12.00-15.00 น. (Last order 14.00 น.) และ 17.30-24.00 น. (Last order 22.30 น. ศุกร์-เสาร์ 23.00 น.) ยังไงก็ตามอัปเดตข่าวสารจากร้านได้ที่เฟซบุ๊ก Vaso - Spanish Tapas Bar
อ่านรีวิวจากเชลล์ชวนชิมและการเดินทางได้ที่ วาโซ สแปนิช ทาปาสบาร์ (Vaso Spanish Tapas Bar)
2. หนานเป่ย
“ฟาดเรียบไม่มีเหลือ ทุกความเด็ดจากจีนเหนือจรดใต้!!”
Nan Bei เปิดมาได้ปีกว่าแต่ฮิตตลอดเวลาแบบไม่มีคำว่าแผ่ว!! ด้วยฝีมือจาก 5 เชฟชาวจีนจากปักกิ่งและเทียนจิน!! ใครจะมาที่นี่กระซิบก่อนเลยว่าจองคิวปุ๊บงานคิดธีม คิดชุดคือต้องมาปั๊บ!! เพราะภายในร้านคืออธิบายได้แค่ว่า ‘จึ้ง!!!’ ยืนหนึ่งกันสุด ๆ กับความอลังการด้วยธีมการตกแต่งตามตำนานเทพธิดาทั้ง 7 ของจีน แถมยังยกทั้งสะพานนกกระเรียน ผนังผ้าไหมที่ทอเป็นเรื่องเล่าในตำนานพร้อมไฟวิบวับ รวมถึงระเบียงหลวย ๆ ได้ให้ถ่ายรูปเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ชิค ๆ กันได้เป็นปี!! สวยด้วยอร่อยด้วยแบบนี้จองคิวไปทีต้องรอ 3 อาทิตย์บวก ๆ แต่ขอขายไว้ก่อนเลยว่าทั้งอาหาร และความอลังวังเวอร์ของที่นี่ไม่มีทำให้ผิดหวังแน่นอนจ้า กดตุ่มโทรจองล่วงหน้ากันไว้ได้เลยที่ 02-080-0080 ก่อนไปฟินก็อย่าลืมล้างมือให้สะอาด เช็กสุขภาพกันให้พร้อมซักกะหน่อย จะได้เอ็นจอยไม่มีสะดุดตลอดการกินจ้า!
สตาร์ทเบา ๆ ด้วยเมนูจากฝั่งทางเหนือ ด้วยผักโขมราดซอสงาผสมน้ำส้มสายชูข้าวหมัก แล้วต่อด้วยความฟินสดชื่นไม่มีพักกับ ‘สลัดแมงกะพรุน’ สลัดกรุบ ๆ เปรี้ยวแซ่บเล็ก ๆ ด้วยมัสตาร์ดและน้ำมันพริก จานเด็ดที่คนรักความกรุบต้องกดตุ่มเลิฟ!! เสิร์ฟต่อรัว ๆ ด้วย 2 เมนูสายกรอบกรุบ ถ้ารักปลาก็มีกะพงกรอบเปรี้ยวหวานจากมณฑลส่านซี ใครจองช่วงเที่ยงเตรียมยิ้มแก้มแตกได้เลยจย้า! เพราะที่ Nan Bei จะมีติ่มซำที่จัดเสิร์ฟพิเศษเฉพาะมื้อกลางวันเท่านั้น โอกาสมาก็คว้าไว้อย่าให้เสีย!! จัดไปจุก ๆ ด้วย ‘เสี่ยวหลงเปา’ เมนูที่ใครได้ยินก็ต้องร้องอ๋อ แต่พอได้กินต่อต้องร้องอู้วหูวววว เพราะไส้เสี่ยวหลงเปาของที่นี่เค้าใช้ปูม้ากับเห็ดทรัฟเฟิลดำมาทำเป็นไส้ แค่คำเดียวก็ฟินเกินใจจะรับไหว!! เทิร์นเบาเข้าจานหนักกับเป็ดปักกิ่งที่ลอยคอ เอ้ย! รอคอย!! ผ่ามพาม อีกความอร่อยที่มาแรงแซงทางโค้ง ไม่ว่าโต๊ะไหนก็ต้องสั่งมา! ปังสุดตรงที่ว่าตอนจะกิน เชฟคือยกเป็ดมาแล่ให้ชม ชาวโซเชียลที่เก็บโมเมนท์ไปลงไอจีสตอรี่ก็ไม่มีปัญหา! เป็ดปักกิ่งของที่นี่ทำกันนานถึง 3-4 วัน กว่าจะได้เป็นเป็ดหนังกรอบฟู ที่เอามาจิ้มกินคู่กับน้ำตาลทรายขาว หรือถ้าเป็นหนังส่วนติดเนื้อแบบหอม ๆ ก็ต้องเอาน้องไปห่อกับแป้ง แตงกวา แล้วราดซีอิ๊วดำและซอสกระเทียมหอม ๆ ดูเรียบใช่มะ แต่ความอร่อยต้องบอกเลยว่า 100000000000000000/10!!!
📍 พิกัด : ชั้น 19 โรงแรม Rosewood Bangkok 1041/38 ถ.วิทยุ ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เปิดบริการวันพุธ – อาทิตย์ 11.30 - 14.30 น.(Last order 14.00 น.) และ 17.30 - 21.00 น. (Last order 20.30 น.)
อ่านรีวิวจากเชลล์ชวนชิมและการเดินทางได้ที่ หนานเป่ย (Nan Bei)
3. นุสรา
“อาหารไทยหลากรส คราฟต์-เด็ด-สด ครบถึงเครื่อง!!”
หลบหน่อยจ้า หลบหน่อย ตัวจริงความอร่อยของอาหารไทยเค้าจะเดิน! คนรักอาหารไทยขอให้ส่องไฟมาทางนี้ เพราะร้านถัดมาที่เราจะพาไปชิมคือ ‘นุสรา’ ร้านอาหารสไตล์ Chef’s Table ใจกลางย่านเก่าบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ของเชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร และเชฟเล้ง นิธิศ นิธิกัมพล ที่ฟู้ดเลิฟเวอร์ต้องรู้จัก! คอนเซ็ปต์ของที่นี่น่าสนใจเป็นฝุด ๆ เพราะเชฟบอกว่าอาหารของที่นี่ คืออาหารไทยที่มีความเป็นไทยมากขึ้น ว่าซั่นนนน และเชฟยังมีแรงบันดาลใจจากอาหารไคเซกิแบบญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อสวยเนี้ยบ เพราะฉะนั้นวางใจได้เลยจ้าว่าไม่ใช่แค่ความอร่อยที่เป็นหลัก แต่หน้าตาอาหารที่นุสราก็คือยืนหนึ่งคุ้มราคาแน่นอน!! พูดไปเดี๋ยวจะหาว่าอวย! เลอค่าแค่ไหนไม่ลองไม่รู้!! จองไปอินกับรสชาติแบบไทยไท๊ยไทยด้วยตัวเองกันได้เลยที่ 097-293-5549 แต่ไม่ว่าออกจากบ้านหรือเดินทางไปเช็กอินร้านอร่อยที่ไหน ยังไงก็อย่าลืม กินร้อน ช้อนกลาง เว้นระยะห่าง และล้างมือกันด้วยนะ
แค่จานแรกก็รู้เลยว่ามงลงกับ ‘แสร้งว่าปลาเก๋า’ ปลาเก๋าเนื้อแน่นรสเปรี้ยวอมหวานที่ม้วนเสิร์ฟเป็นรูปดอกไม้แบบสวยงามตามท้องเรื่อง นัวขึ้นไปอีกหน่อยกับ ‘อ่องปูนาอินทรีย์แนมข้าวมัน’ มันปูนาธรรมดาจากลำพูนที่นำมาผสมไข่จนปลดล็อกสกินเป็นมันปูสีทองที่หอมเกินต้าน ราดซอสชิมิชูรีสไตล์ไทยรสจัดโรยด้วยกระเทียมเจียวกรอบ ๆ จานต่อไปคลีน ๆ แน่นอน ไม่ใช่คลีนที่ผอมแต่เป็นคลีนที่กินจนเกลี้ยง!! กับเมนู ‘คอหมูย่างพริกแกงสด’ ที่เอาคอหมูไป Sous Vide ให้นุ่มมมมมมม แล้วถึงจะนำมาย่างและรมควันจนหอมมมมม แล้วค่อยมาผัดกับพริกแกงสดและไวน์แดง!! ส่วนคนแซ่บ ๆ ต้องจานนี้กับ ‘ต้มโคล้งปลาเก๋าดำ’ ที่ใช้ปลาเก๋ารมควันมาต้มกับซุปเดือด ๆ ซึ่งซุปของนุสราจะมาไก่กาอาราเล่ก็คือฝันจ้ะ!! เพราะซุปคือเคี่ยวแล้วเคี่ยวอีกด้วยหอยหวานจากปัตตานี หอยชักตีนจากพังงา และหอยตลับจากตราด เคี่ยวไปกับกระดูกปลาเก๋า เติมความหวานเปรี้ยวของซุปด้วยมะเขือเทศตากแห้งแฮนด์เมดจนเข้มถึงเครื่องกันแบบสุด ๆ!! สาวกขนมไทยไม่มีผิดหวัง ทั้งสาเกข้าวเหนียวเชื่อมเย็น ๆ หรือกรานิเต้มะม่วงหาวมะนาวโห่เปรี้ยวฝาดนิด ๆ ข้าวเหนียวปลาแห้งแตงโม เอ็กซ์คลูซีฟสุดไปอี้กกกถ้าสั่งสาคูเผือกมะพร้าวอ่อน ที่เชฟต้นจะมาสไลด์เกาลัดดิบโรยหน้าตอนท้ายให้ชมกันจะ ๆ ไปเลย!
📍 พิกัด : ชั้น 2 ของร้าน Mayrai Padtai Wine 22 ซอยท่าเตียน ถนนมหาราช เปิดบริการ 18.00 - 23.00 น. พุธ-จันทร์ แวะมาอัปเดตเวลาเปิดปิดใหม่กันได้ตลอดที่ Nusara - นุสรา)
อ่านรีวิวจากเชลล์ชวนชิมและการเดินทางได้ที่ นุสรา (Nusara)
4. อิกนีฟ แบงคอก
“อร่อย อุ่นใจ ปักหมุดให้ไวแล้วไปด้วยกัน!”
IGNIV Bangkok เป็นร้านอาหาร Fine Dining ที่เน้นความเป็นกันเองแถม 3 สาขาแรกก็ยังเป็นร้านที่ถูกเปิดตัวที่สวิตเซอร์แลนด์ทั้งหมด เพราะฉะนั้นสาขาที่ราชดำริจึงเป็นสาขาในต่างประเทศที่แรกของ IGNIV พอรู้แบบนี้รู้สึกฟีลสเปเชียลขึ้นมาเลยอะแม่!! // ลุกขึ้นเต้น และไม่ใช่ความอร่อยเท่านั้นที่สุดปังปะระรังปังปี้!! แต่ไอเดียของร้านนี้เค้าก็ดจีย์ไม่แพ้กัน! เพราะมองว่ามื้อแห่งความสุขของคนไทยนั้นคือการได้กินข้าวไปพร้อมกัน การแบ่งปัน (Sharing) จึงเป็นคำตอบสุดท้าย!! เมนูที่นี่เค้าจัดไว้เป็นคอร์สให้ได้กินกันแบบยาวไปไม่ต้องจิ้มเมนูเอง แถมเชฟยังบรรเลงเมนูใหม่ ๆ มาให้ชิมกินได้แบบไม่มีเบื่อ! ถ้ามากินช่วงกลางวันก็จัดไปกับ 3 คอร์สเบา ๆ สบายท้อง แต่ใครชอบแน่น ๆ ก็ขอให้จองช่วงตอนเย็น ที่จะจัดเสิร์ฟแบบจุก ๆ ด้วย IGNIV 4 Course Dinner Sharing Experience 4 คอร์สอาหารที่มีทั้งของกินเล่น อาหารเรียกน้ำย่อย เมนคอร์ส และของหวาน ปังจริง ปังทิพย์ หรือปังแบบได้อยู่ ก็ต้องมาชิมด้วยตัวเองถึงจะรู้เรื่อง! จองกันได้เลยจ้ะพี่จ๋า ที่ 02-207-7822 กินไปแชร์ไปได้เหมียนเดิม แต่เพิ่มเติมว่าต้องกินร้อน ล้างมือ และเสริมช้อนกลางกันไว้ในทุกจานด้วยน้า
ระงับความหิวกันหน่อย ด้วยเมนูกินเล่น 4 จานเล็กน่ารักอย่าง Mushroom - Olive Oil - Truffle / Daikon - Mackerel – Green / Kohlrabi - Herb แต่นุ้บนิ้บน่ารักสุดต้องยกให้ Mango - Cornetto - Chilli โคนจิ๋วทำจากแป้งข้าวโพดและมะม่วง ไส้ในเป็นไอศกรีมมะม่วงและซัลซ่ามะม่วงโรยพริกเพิ่มความแซ่บแบบเบา ๆ ต่อกันด้วยจานเรียกน้ำย่อยที่ต้องขออวยยศให้อย่าง Tomatoes - Chive - Dill นอกจากอร่อยแล้ว ใครสายสวยสายรักผิวบอกเลยมีกรี๊ดสลบ เพราะจานนี้ทำจากมะเขือเทศ 3 แบบ คือแบบตากแห้ง กึ่งแห้ง และมะเขือเทศสด แล้วราดด้วยน้ำสลัดมะเขือเทศวินิเกรตต์และต้นหอมฝรั่ง กี่คำก็ฉ่ำจนตาพร่า เพราะความอร่อยมันขึ้นตาไปหมดแล้ว!! ส่วนเด็ดที่สุดของเมนคอร์สน่ะหรอ ขอยกให้ซี่โครงหมูบาร์บิคิวรมควันย่างกับครีมหอมแดง กลิ่นเนื้อหมักเครื่องเทศหอม ๆ แถมนุ่มแบบพร้อมร่อนออกจากกระดูก ตัดเลี่ยนกันหน่อยด้วยของหวาน ทั้งไอศกรีมซอร์เบต์โหระพาฝรั่ง หวานนัวขึ้นไปอีกด้วยช็อกโกแลตซูเฟล่สุดนุ่มฟู และห้ามพลาดกับ IGNIV Shaved Ice น้ำแข็งใสรสชามะลิกับคัสตาร์ดอัลมอนด์น้ำผึ้งและโฟมเลมอน!! ใครชอบความเซอร์ไพรส์ให้เพิ่มราคาอีกนิดแล้วมาสุ่มกาชาปองกันหน่อยด้วยเมนูลับเฉพาะที่เชฟจะจัดให้เป็นพิเศษ
📍 พิกัด : The St.Regis Bangkok 159 ถ.ราชดำริ ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เปิดบริการพุธ – อาทิตย์ 12.00 -15.00 น.(ออร์เดอร์สุดท้าย 14:00 น.). และ 18.00 – 23.00 น.
อ่านรีวิวจากเชลล์ชวนชิมและการเดินทางได้ที่ อิกนีฟ แบงคอก (Igniv Bangkok)